วันนี้ (4 กันยายน 2568) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงมติของพรรคในการเลือก อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบว่า เป็นเสียงสะท้อนที่ยินดีรับฟังและทำความเข้าใจ อย่างไรก็ตามจากนี้ต้องการพิสูจน์ตัวเองผ่านการกระทำหน้าที่ทุกอย่าง และยืนยันว่า พรรคต้องหนักแน่น โดยการตัดสินใจทั้งหมดไม่ได้เพิ่งตัดสินใจ แต่ทำอย่างต่อเนื่องมานาน 2 เดือนแล้ว ได้ไตร่ตรองทุกด้าน ประเมินสถานการ์ณอย่างรอบคอบ เชื่อว่ามติพรรคที่ออกไปเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้กับประเทศ และหากรัฐบาลชุดต่อไปทำอะไรไม่ถูกต้อง ก็ต้องตรวจสอบอย่างเต็มที่ต่อไป ในฐานะฝ่ายค้าน “สิ่งที่สังคมต้องมองให้ออก คือเรื่องการใช้เสียงเพื่อไปหาทางออก ยืนยันว่าเราไม่ได้ร่วมรัฐบาล แต่เป็นการหาทางออกให้กับประเทศ และเราจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่” ณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า นับจากนี้เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ว่าพรรคประชาชนจะต้องใช้เสียง 140 กว่าเสียง เพื่อกำกับทิศทางรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ไม่เสียดายใดๆ และไม่คิดที่จะกลับไปทบทวนมติที่เกิดขึ้น ณัฐพงษ์ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยว่า ก่อนที่จะถึง 4 เดือน จะมีการประเมินอย่างต่อเนื่องทุกวัน และหากพบว่าอนุทินไม่ปฏิบัติตามสัญญา ก็จะใช้เสียงยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที และหากรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยเกิดแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อสะสางคดีให้กับพวกพ้อง ก็พร้อมยื่นญัตติไม่ไว้วางใจทันทีเช่นกัน

สื่อหยิบยกประเด็นบทสนทนา ในพิธีเดินขบวนรำลึกครบรอบ 80 ปี สงครามโลกครั้งที่ 2 ของ 2 สหาย ‘สี จิ้นผิง-ปูติน’ ที่เกี่ยวข้องกับ ‘การปลูกถ่ายอวัยวะ’ และ ‘ชีวิตอมตะ’

วันนี้ (4 กันยายน 2568) สรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความลง Facebook ส่วนตัวว่า “ข้อเสนอสุดท้าย เลือกชัยเกษมเป็นนายกรัฐมนตรี จะยุบสภาทันทีเมื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภา” โดยเกิดขึ้นภายหลังจากที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ พยายามทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ แต่ไม่สำเร็จ โดยมีหนังสือตอบกลับจากสำนักงานองคมนตรี และทำให้วาระเลือกนายกฯ โดยสภาผู้แทนราษฎรต้องเดินหน้าต่อในวันที่ 5 กันยายน 2568 โดยมีแนวโน้มว่า อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะได้เป็นนายกฯ คนที่ 32 ภายหลังจากพรรคประชาชนเตรียมใช้ 143 เสียงสนับสนุนอนุทิน และมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันไว้แล้ว สำหรับข้อเสนอดังกล่าวจากพรรคเพื่อไทย เกิดขึ้นภายหลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาชนอย่างหนักในเรื่องการเลือกสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย และการที่พรรคเพื่อไทยเดินหน้ายุบสภาฯ ไม่สำเร็จ อาจเป็นเพราะ ‘ชนชั้นนำ’ ยังคงกำหนดเกม รวมถึงมีความพยายามแจ้งความดำเนินคดีภูมิธรรม ที่ทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ จากพรรคภูมิใจไทยและผู้สนับสนุนอนุทิน ทั้งที่พรรคประชาชนยืนยันว่า ภูมิธรรมมีสิทธิโดยชอบธรรม ฉะนั้นพรรคประชาชนควรตัดสินใจล้มข้อตกลงกับพรรคภูมิใจไทยไว้ก่อน เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแล้ว