History

ในปี 1914 มาลินอฟสกีออกเดินทางสู่โลกตะวันออกเพื่อศึกษาชนพื้นเมืองในฐานะนักมานุษยวิทยา ส่วนวิตคีวิซร่วมเดินทางเพื่อลืมความเศร้าที่คู่หมั้นฆ่าตัวตาย เพื่อนรักดูรักกันดี จนกระทั่งสงครามโลกมาถึง

หนังสือ Go Tell It on the Mountain เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี 1953 เวลาผ่านพ้นมาถึง 65 ปีแล้ว แต่ประเด็นปัญหาเรื่องการเหยียดผิวยังคงมีอยู่

เมื่อสารานุกรมที่มิแช็ล ฟูโกต์ ใช้อ้างอิงในหนังสือ Les mots et les chose ดูท่าจะไม่มีอยู่จริง การอ้างอิงโดยใช้สานานุกรมจีนที่บอร์เกสอุปโลกน์ขึ้นนี้ จึงถูกโจมตีอย่างดุเดือด

อ็องรี ‘ปาปิญอง’ ชาร์ริเยร์ เปลี่ยนประสบการณ์ในคุกของเขา ออกมาในรูปแบบนิยายกึ่งอัตชีวประวัติ และกลายเป็นหนังสือขายดีจนได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Papillon บอกเล่าชีวิตของชาร์ริเยร์ซึ่งถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตที่เรือนจำเฟรนช์เกียนา ซึ่งใช้เป็นเขตคุมขังนักโทษในอาณานิคมของฝรั่งเศส

เขาคือคนอกหักที่เลือกจะเขียนตำราออกมาอธิบายปรากฏการณ์ของความรักอย่างจริงจัง ขณะที่ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 นั้น วิชาจิตวิทยา จิตวิเคราะห์ หรืออะไรที่เรารู้จักในปัจจุบันยังไม่ถือกำเนิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ

ในสังคมตะวันตกเช่นที่เยอรมนี เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมาหลายครั้ง รวมไปถึง ‘การปฏิวัติเซ็กซ์’ แต่ไม่ว่าอย่างไร ชีวิตเซ็กซ์ก็ไม่อาจเป็นไปตามอุดมการณ์ของผู้คน และสร้างคำถามใหม่ๆ ในใจคนเสมอ

ความโรแมนติกแห่งยุคกลาง ปิแยร์ อเบลารด์ (Pierre Abélard) กับ เอลัวอิส (Héloïse) ที่แม้จะกลายเป็นพระและชีแล้ว ความรักก็ยังดำเนินต่อผ่านจดหมาย

พนักงานหญิงที่ยูเอส เรเดียม คอร์ปอเรชัน มีชื่อเรียกว่า ‘สาวเรเดียม’ คอยระบายสีเรืองแสงลงบนหน้าปัดนาฬิกาที่ตัวเลขจะต้องสว่างในความมืด โดยไม่รู้เลยว่าหน้าปัดนาฬิกาชีวิตของพวกเธอกำลังนับถอยหลังอย่างรวดเร็ว

จะน่าผิดหวังแค่ไหน หากคำกล่าวเรียกกำลังใจอย่าง “เคยลอง เคยล้ม ไม่เป็นไร, ลองใหม่ ล้มใหม่ ล้มได้ดีกว่า” แท้จริงไม่ได้มีความหมายเชิงบวก แต่ท้ายที่สุดมันนำเราไปสู่ความสิ้นหวัง

สมญานาม ‘La Pistolera’ ของเธอ หากแปลความในแง่ดีนั้น หมายถึงวีรสตรีถือปืน แต่ความเป็นตำนานของแชรอน คินนี มาเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์บทสุดท้ายของเธอ เมื่อนักโทษสาววัยขณะนั้น 30 ปีหายตัวไปจากเรือนจำของเม็กซิโก

เรื่องของนักเขียนเรื่องสั้นผู้ได้รับการยกย่องว่าสามารถพูดถึงความพังของชีวิตได้ดีที่สุด ขณะที่ชีวิตจริงเขานั้นก็กระท่อนกระแท่นนัก ทั้งกับคนรักและบรรณาธิการ

หนึ่งศตวรรษพอดี ที่เกิดเหตุฆาตกรรมจักรพรรดินิโคไลที่ 2 และสมาชิกราชวงศ์โรมานอฟ การพิสูจน์ยีนออกมายืนยันว่า ซากกระดูกที่พบเป็นของสมาชิกราชวงศ์จริง แต่ฝ่ายสงฆ์ยังต้องการการยืนยันผลตรวจดีเอ็นเออีกครั้ง