เคยไหมกับความรู้สึกที่ว่า “ทำไมเราถึงโชคดีจังเลยที่เกิดมาทันศิลปินคนนี้”
ความรู้สึกที่ว่ามานั้น เกิดขึ้นแทบจะทุกครั้งเมื่อผู้เขียนมีโอกาสได้ไปอยู่ในงานแสดงของศิลปินจากวง Girls’ Generation เนื่องจากเหตุผลหลายอย่างที่ประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นทักษะการแสดง ทักษะการร้อง และแม้กระทั่งทัศนคติในการใช้ชีวิต
‘ทิฟฟานี่ ยัง’ (TIFFANY YOUNG) นักร้องเสียงหลักประจำวงเกิร์ลกรุ๊ปวงนี้ ผู้เป็นดั่งต้นตำรับของ ‘รอยยิ้มตาสระอิ’ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของศิลปินที่ทำหน้าที่ ‘ไอดอล’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเธอสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้เหล่าโซวอน (ชื่อทางการของแฟนคลับ Girls’ Generation) ให้ ‘กล้าทำ’ สิ่งต่างๆ และ ‘กล้าออก’ จากกรอบของตัวเองเช่นเดียวกับเธอ
สำหรับทิฟฟานี่และโซวอนชาวไทยมีโอกาสเจอกันครั้งล่าสุดเมื่อปี 2023 ใน Tiffany Young Fanmeeting in Bangkok 2023 ‘Forever Wishing’ และมาวันนี้ทั้งสองก็มีโอกาสกลับมาพบกันอีกครั้งในบรรยากาศแบบเดิมๆ ที่แสนอบอุ่นหัวใจในงาน TIFFANY YOUNG 2025 FAN-CONCERT TOUR [Here for You] IN BANGKOK
Our Barbie, Tiffany Young
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทันทีที่โน๊ตตัวแรกของเพลง Light Up The Sky (2017) บรรเลงขึ้นมา พร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าของฉายาตายิ้มสระอิในเดรสสีฟ้าราวกับ ‘เจ้าหญิงจัสมิน’ (Jasmine) จากแอนิเมชันเรื่อง Aladdin อย่างไรอย่างนั้น ก็ทำให้ความทรงจำที่ผู้เขียนมีกับ Girls’ Generation ถาโถมเข้ามาในหัว
ความพิเศษของการปรากฏตัวครั้งนี้ ทำให้ผู้เขียนรู้สึกถึงประโยคที่เป็นชื่อของ Fan-Concert ในทันที เพราะคำว่า ‘Here For You’ คือข้อความที่ศิลปินสาวต้องการส่งมาให้กับเหล่าแฟนคลับ และจากเสียงทักทายที่สดใสของทิฟฟานี่ก็ได้ทำให้ความคิดถึงของผู้เขียนมลายหายสิ้นไปในทันตา
อีกหนึ่งความน่ารักของพี่สาวคนนี้คือ ‘การแสดงออกถึงความใส่ใจ’ เพราะเธอได้แสดงความเป็นห่วงกับเหล่าโซวอนชาวไทย โดยกล่าวถึงข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในกรณีแผ่นดินไหว เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ Fan-Concert ครั้งนี้จะดำเนินไปต่อ
สำหรับ Fan-Concert ครั้งนี้ของทิฟฟานี่ได้คุณพ่อป้ายแดง แบม–ปีติภัทร คูตระกูล มารับหน้าที่เป็นพิธีกรคู่ใจ ร่วมดำเนินรายการ โดยในช่วงแรกของงานเป็นช่วงแฟนมีตติง ที่เปิดโอกาสให้ทิฟฟานี่ได้พูดคุยอย่างใกล้ชิดกับแฟนคลับ
โดยหนึ่งในคำถามที่ผู้เขียนรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมากคือ คำถามที่ว่าด้วย ‘บทละครที่เป็นที่ชื่นชอบของทิฟฟานี่’ ซึ่งเธอให้คำตอบว่า เป็นประโยคพูดของบาร์บี้ (Barbie) ที่พูดกับ รูท แฮนด์เลอร์ (Ruth Handler) ในซีนช่วงท้ายของภาพยนตร์ Barbie (2023)
“I want to be part of the people that make meaning, not the thing that’s made. I want to be the one imagining, not the idea itself.”
(ฉันอยากเป็นคนที่สร้างความหมาย ไม่ใช่แค่สิ่งที่ถูกสร้าง อยากเป็นผู้จินตนาการ ไม่ใช่เพียงแค่ความคิดที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมา)
ทิฟฟานี่เล่าว่า ประโยคนั้นเป็นประโยคที่จะทำให้ร้องไห้ทุกครั้งที่ได้ยิน และคิดว่าทุกคนสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตของตัวเองได้ เพราะทุกคนสามารถดำเนินชีวิตในฐานะมนุษย์ (Human Being) ได้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตใคร
นอกจากนั้นเธอยังได้เล่าถึงเบื้องหลังเพลงคัฟเวอร์ My Everything (2025) ของวง The Grace ที่สาวๆ Girls’ Generation ปล่อยออกมาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี SM Entertainment ค่ายต้นสังกัดของวง ซึ่งสามารถเรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าแฟนคลับได้อย่างล้นหลาม เพราะเธอได้ร้องสดเป็นครั้งแรกให้โซวอนได้ฟัง และได้เล่าว่า My Everything เป็นเพลงที่ชอบเป็นอย่างมาก เวลาได้ยินเสียงร้องของเมมเบอร์จะรู้สึกขนลุก ทำให้ช่วงเวลาการอัดเพลงเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้หลังจากพาร์ตพูดคุยอย่างเป็นกันเองแล้ว Fan-Concert ก็เข้าสู่ช่วงการเล่นเกม โดยทิฟฟานี่ได้สุ่มเลือกโซวอนผู้โชคดีให้ขึ้นมาเล่นเกมเป็นเพื่อนกับเธอ โดยมีชื่อช่วงว่า Squid Game ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากซีรีส์เกาหลีชื่อดัง
ระหว่างช่วงการเล่นเกม เสียงกรี๊ดจากแฟนคลับดังกระหึ่มตลอดเวลา เพราะทุกคนได้เห็นทั้งความสนุก ทักษะการเล่นเกม และมิตรภาพที่ทิฟฟานี่มีต่อแฟนๆ ถ่ายทอดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ โดยกิจกรรมครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 เกมย่อย ได้แก่ เกมแชร์บอลและเกมกล่องปริศนา
ผลการแข่งขันทั้ง 2 เกม ทิฟฟานี่และเหล่าผู้โชคดีสามารถร่วมมือกันเอาชนะภารกิจได้ทันตามเวลาที่กำหนด และความพิเศษของทัวร์ที่กรุงเทพฯ ก็คือ ทิฟฟานี่สามารถเอาชนะเกมได้ตั้งแต่รอบแรกของการแข่งขันอีกด้วย
Bring Roxie Hart to the Dome
เมื่อการแสดงมาถึงพาร์ตของการแสดงคอนเสิร์ต ทิฟฟานี่ไม่ทิ้งลวดลายการเป็นนักแสดงละครเวที จึงสวมบทบาทเป็น ร็อกซี ฮาร์ต (Roxie Hart) หยิบยกเพลง All That Jazz จากละครเวทีเรื่อง Chicago ขึ้นมาแสดง ด้วยทักษะการร้องที่แข็งแรงและไลน์เต้นสุดยั่วยวน จึงทำให้สเตจนี้เต็มไปด้วยความร้อนแรง ก่อนที่จะสานต่อด้วยเพลงแจ๊ซสุดคลาสสิกอย่าง Fly Me To The Moon
ก่อนที่จะวางบทบาทนักแสดงละครเวที กลับมาเป็นทิฟฟานี่ในฐานะสมาชิกวง Girls’ Generation อีกครั้งขนทัพบทเพลงในตำนานอย่าง Party (2015), I Just Wanna Dance (2016) (เพลงเดบิวต์โซโล่) และ Forever One (2022) มาให้เหล่าโซวอนให้หายคิดถึง
ในช่วงเวลาการแสดงนี้ ผู้เขียนรู้สึกชื่นชอบสเตจการแสดง Into The New World (2007) มากที่สุด เพราะเป็นการหยิบยกเอาเมโลดีที่แปลงสมัยแสดงที่เวทีโตเกียวโดม (Tokyo Dome) ประเทศญี่ปุ่น มาแสดงที่ธันเดอร์โดม (Thunder Dome) เมืองทองธานีแห่งนี้ โดยระหว่างแสดงทิฟฟานี่ได้เข้าหาผู้ชมมากขึ้น ด้วยการนั่งอยู่บริเวณขอบเวทีรองเพื่อให้ใกล้ชิดกับแฟนคลับมากที่สุด
ทางด้านของโซวอนเองก็ไม่น้อยหน้า ได้เตรียมแฟนโปรเจกต์สุดน่ารักเสิร์ฟให้กับศิลปินหญิงคนนี้ โดยทำเป็นกระดาษชูคำว่า ‘Always Here for You, As You Are Here for Us’ ที่สื่อความหมายว่า โซวอนจะอยู่เคียงข้างทิฟฟานี่ ตราบใดที่ทิฟฟานี่อยู่ข้างๆ โซวอน
นอกจากนั้นยังเตรียม VCR สุดซึ้งชวนเรียกน้ำตา เพื่อเปิดให้กับทิฟฟานี่ได้ดูบนเวที โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญว่า ทุกครั้งที่โซวอนชาวไทยคิดถึงทิฟฟานี่ เธอก็จะปรากฏตัวมาหาแฟนคลับอย่างสม่ำเสมอทุกปี แสดงให้เห็นถึงความรักที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีให้กันมาเป็นเวลานาน ชนิดที่ว่าเป็นแฟนคลับตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษาจนกระทั่งตอนนี้เติบโตมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว และทุกครั้งของการพบกันเปรียบเสมือน ‘เพื่อน’ หรือ ‘พี่สาว’ ที่มาเติมเต็มกำลังใจให้กันและกัน
มาจนถึงตอนนี้ TIFFANY YOUNG 2025 FAN-CONCERT TOUR [Here for You] ยังไม่ได้สิ้นสุดลงที่กรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ทิฟฟานี่ยังคงเดินหน้าไปหาแฟนคลับประเทศอื่นๆ อีก เช่น มาเก๊าและกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในช่วงเดือนกรกฎาคมอีกด้วย
และเมื่อมองดูตารางทัวร์ที่ยังดำเนินต่อไปแบบนี้ เราก็ได้แต่หวังว่า เจ้าของรอยยิ้มตาสระอิจะกลับมาหาโซวอนชาวไทยอีกครั้งในเร็ววัน เพราะความคิดถึงที่เรามีให้กับทิฟฟานี่ กำลังทวีคูณขึ้นทุกขณะเข้าไปแล้ว
Tags: Entertainment, Girls' Generation, SNSD, เกิร์ลกรุ๊ป, Tiffany Young, แฟนมีตติง, Concert, Fanmeeting, K-Pop, Bestwarin For You, คอนเสิร์ต, SUBLIME, Screen and Sound, FanConcert