Author: พิมพ์ชนก โรจนันท์

คำว่า ‘ความสัมพันธ์เป็นพิษ (Toxic Relationship)’ เป็นศัพท์ที่หลายคนคุ้นเคยในระยะหลัง ซึ่งก็ต่างรู้กันเป็นอย่างดีว่าเป็นสถานะที่ไม่ควรที่จะทนอยู่ แต่หลายคนทั้งที่รู้ว่ากำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์เช่นนั้น หรือแม้แต่มีทางเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์ เอาเข้าจริงกลับตัดใจไม่ได้เสียอย่างนั้น .

หากฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน และอีกคนเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ความรักจะยังเป็นเรื่องของคนสองคนอยู่ไหม เมื่อทั้งคู่อยู่ในช่วงวัยที่ต่างกัน?

น่าสนใจไม่น้อยว่าการเอ่ยชื่นชมกันและกันสำคัญอย่างไร และทำไมเราจึงชอบที่จะได้ฟังคำชม

หากมองในแง่ดี การอธิบายตัวตนของใครคนหนึ่งก็ช่วยให้เราได้รู้จักเขาในมิติที่ลึกขึ้น แต่ขณะเดียวกันการกระทำดังกล่าวก็ไม่พ้นที่จะถูกตั้งคำถาม เช่นทำไมต้องมาอธิบายตัวเองให้ชาวบ้านรู้เสียยืดยาว หรือมองว่าผู้โพสต์ทำเพราะอยากดูเท่เฉยๆ แล้วอะไรอยู่เบื้องหลังการโพสต์เหล่านี้กัน?

บ่อยครั้งเรามักจะได้ยินกับคำพูดเหมารวมจากการมีเพศกำเนิดชายหญิง จนละเลยที่จะตั้งคำถาม เพียงเพราะเชื่อว่าเพศสรีระ (Biological Sex) สามารถกำหนดพฤติกรรมและบทบาทของทุกคนได้

เมื่อพูดถึงคำว่าวาย บ่อยครั้งที่เราจะต้องเจอข้อถกเถียงน่าคิดต่อถึงการมีอยู่และแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมนี้

แม้ความผิดของผู้กระทำชัดเจนจนไม่สามารถแก้ต่างได้ ทว่ายังมีหลายกรณีที่คำขอโทษเกิดขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง และอาจทำให้ผู้ถูกกระทำสับสนจทบทวนว่าหรือเราเองก็มีส่วนผิด? แม้จะไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ตาม

Glass Ceiling หรือเพดานแก้ว ที่มิเชลกล่าว เป็นคำที่ใช้เรียกอุปสรรคบางอย่างที่เปรียบเสมือนเพดานซึ่งไม่อาจมองเห็นได้ แต่กลับคอยขัดขวางไม่ให้กลุ่มคนอำนาจน้อย (Minority) หรือคนชายขอบในสังคมได้มีโอกาสก้าวหน้าและเจริญเติบโตในหน้าที่การงานอย่างเท่าเทียมกับผู้มีอำนาจนำ

ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ถึงความงดงามเหมือนผู้หญิง อีกหนึ่งทางในการที่หญิงข้ามเพศจะถูกยอมรับจากสังคม ก็ต้องเป็นเรื่องนิสัยใจคอ เพราะกะเทยมักจะถูกคาดหวังให้เป็นคนเฮฮา อารมณ์ดีแบบเหมารวมอยู่เสมอ

“ฉันดีกว่าเขาไหม แล้วเขาคนนั้นเป็นใครมาจากไหน?” ว่าด้วยการเปรียบเทียบตัวเองกับแฟนใหม่ (หรือแฟนเก่า) ของแฟน

ที่น่าสนใจคือมีคนบางส่วนนอกจากจะเห็นว่าสังคมชายเป็นใหญ่จะไม่มีจริงแล้ว สังคมตอนนี้ยังมีลักษณะแบบหญิงเป็นใหญ่ หรือ ‘มาตาธิปไตย’ (Matriarchy) อีกด้วย เนื่องจากผู้หญิงได้รับสิทธิหลายอย่างที่เหนือกว่าผู้ชาย และผู้ชายมีความลำบากในการใช้ชีวิตมากกว่า

หากว่ากันตามตรงแล้ว มันก็ชวนให้สงสัยได้จริงๆ ว่าในเมื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ แปลว่าไม่ควรมีเพศใดเพศหนึ่งที่เหนือกว่าเพศอื่น แล้วทำไมถึงเรียกว่า ‘สตรีนิยม’