‘จีกึมมึน โซนยอชิแด อาพือโรโด โซนยอชิแด ยองวอนฮี โซนยอชิแด’
(วันนี้ก็โซนยอชิแด พรุ่งนี้ก็โซนยอชิแด โซนยอชิแดตลอดไป)
ข้างต้นเป็นวลีที่ได้ยินทุกครั้งหลังจากบทสนทนาของเกิร์ลกรุ๊ปแห่งเกาหลีใต้จบลง เพื่อเป็นสัญญาใจระหว่างเหล่าสมาชิกกับแฟนคลับ วันนี้ The Momentum จึงขอพาย้อนกลับไปวันวาน เพื่อค้นหาต้นกำเนิดและตัวตนของเจ้าของวลีดังกล่าว เนื่องในโอกาสวันครบรอบของการเดบิวต์ครบ 17 ปี
วันที่ 5 สิงหาคม 2007 ถือเป็นช่วงเวลาที่ความบันเทิงของเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ ให้ความสนใจกับวงบอยแบนด์เป็นหลัก แต่แล้วค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้อย่าง SM Entertainment ตัดสินใจเปิดตัววงเกิร์ลกรุ๊ป ‘เกิร์ลเจเนอเรชัน’ (Girls’ Generation) หรือ ‘โซนยอชิแด’ (소녀시대: SNSD) ที่มีจำนวนสมาชิกมากถึง 9 คน พร้อมกับประกาศกร้าวว่า ยุคของหญิงสาวกำลังจะมาถึงแล้ว ด้วยซิงเกิลเพลงแรกของวงอย่าง Into The New World ที่แม้ว่า 2-3 ปีให้หลัง เพลงนี้เปลี่ยนความหมายจากการถูกนำไปใช้เพื่อประท้วงเรียกร้องความเท่าเทียมในประเทศเกาหลีใต้ก็ตาม
สมาชิกของวงทั้ง 9 คน ประกอบไปด้วย แทยอน (TAEYEON), เจสสิก้า (JESSICA), ซันนี่ (SUNNY), ทิฟฟานี (TIFFANY), ฮโยยอน (HYOYEON), ยูริ (YURI), ซูยอง (SOOYOUNG), ยุนอา (YOONA) และซอฮยอน (SEOHYUN) ซึ่งทั้งหมดมีความสามารถที่โดดเด่นเฉพาะตัวสูง ตามมาตรฐานของ SM Entertainment ไม่ว่าจะเป็นทักษะการร้อง การเต้น การแสดง ภาพลักษณ์ และทักษะความตลก (Sense of Homour) ที่สอดรับกันและกันได้อย่างพอดิบพอดี
นอกจากนั้นแล้ว คอนเซปต์แต่ละอัลบั้มที่เผยแพร่ออกมาก็ไม่มีความซ้ำจำเจ แสดงภาพลักษณ์ที่หลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงเหล่าสมาชิกยังสะท้อนความเป็นเพื่อนหญิงพลังหญิง (Sisterhood) ปรากฏออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นั่นจึงอาจเป็นอีกเหตุผลว่า เหตุใดเกิร์ลเจเนอเรชันถึงครองใจเหล่าแฟนคลับมาได้ยาวนานเพียงนี้
ในปี 2008 หลังเดบิวต์ได้เพียง 1 ปี พวกเธอได้รับเชิญไปแสดงในงาน Dream Concert ที่สนามกีฬาโซลเวิลด์คัพสเตเดียม ขณะกำลังขึ้นแสดงคอนเสิร์ตกลับมีเหตุการณ์ที่สร้างความน่ากระอักกระอวนใจ เมื่อผู้เข้าชมคอนเสิร์ตพร้อมใจกันปิดแท่งไฟ ทำให้ความมืดปกคลุมทั้งสนามจนจบการแสดง หรือที่คุ้นหูกันว่า ‘Black Ocean’ เป็นระยะเวลานานถึง 10 นาที
เหตุการณ์นี้สร้างความอื้อฉาวแก่วงการเคป็อบเป็นอย่างมาก และยังเป็นที่พูดถึงเรื่อยมาว่า ไม่มีศิลปินวงใดสมควรเจอเหตุการณ์เช่นนี้
ทว่าหลังจากทะเลมืดครานั้น ความนิยมของเกิร์ลเจเนอเรชันก็มุ่งทยานสู่ขาขึ้น เมื่อปล่อยเพลง Gee ออกมา ทำให้สถานการณ์พลิกผัน เพลงไต่ขึ้นติดชาร์ตอันดับ 1 หลายรายการเพลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ มียอดขายอัลบั้มเกิน 1 แสนอัลบั้ม และยังติดชาร์ตรายการเพลง Music Bank นานถึง 9 สัปดาห์ รวมไปถึงได้รับรางวัลปลายปีจาก Melon Music Awards, Korean Music Awards และ Golden Disc Awards อีกทั้งในปี 2023 นิตยสาร Rolling Stone ยังเลือกให้เพลง Gee เป็นอันดับ 1 ของ The 100 Greatest Songs in the History of Korean Pop Music
หลังจากปล่อยเพลง Gee ออกมา กระแสตอบรับก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ในเพลงอื่นๆ ทั้งเพลง Tell Me Your Wish (Genie), Oh!, Hoot, Mr.taxi และ Run Devil Run และในปี 2011 พวกเธอปล่อยเพลงที่มีชื่อว่า The Boys ออกมาและกลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดแห่งปี รวมถึงยังทำเพลงเวอร์ชันภาษาอังกฤษมาเผยแพร่และขยายฐานแฟนคลับด้วย
กระแสของเหล่าหญิงสาวยังไม่จบเท่านั้น ในปี 2013 เพลง I Got a Boy สามารถทำยอดขายอัลบั้มได้ถึง 1.35 ล้านอัลบั้ม และได้รับรางวัลวิดีโอแห่งปีในงาน YouTube Music Awards ขณะที่ต้นปี 2014 เพลง Mr.Mr. ก็ยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเหมือนเคย
จนในวันที่ 30 กันยายน 2014 เพียงไม่กี่เดือนก่อนขึ้นแสดงคอนเสิร์ต ในฮอลล์ที่เป็นที่หมายปองของศิลปินอย่าง Tokyo Dome ค่าย SM Entertainment ประกาศข่าวที่สร้างความตกใจและเสียใจให้กับเหล่าแฟนคลับ เมื่อ เจสสิก้า หนึ่งในสมาชิกของวงได้ยุติการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมวง พร้อมกับทิ้งท้ายไว้ว่า
“จากนี้ไป บริษัทยังคงสนับสนุนและจัดการกิจกรรมการทำงานของ Girls’ Generation ที่มีสมาชิกทั้ง 8 และกิจกรรมเดี่ยวของเจสสิก้าต่อไป”
ในเดือนกรกฎาคม 2015 พวกเธอปล่อยซิงเกิลในฐานะสมาชิก 8 คนเป็นครั้งแรกเพื่อต้อนรับฤดูร้อน กับบทเพลงสนุกสนานอย่าง PARTY ที่ยกทีมโปรดักชันมาถ่ายทำมิวสิกวิดีโอไกลถึงเกาะสมุย ประเทศไทย ก่อนปล่อย Lion Heart อัลบั้มเต็มชุดที่ 5 ตามมาภายหลังในวันที่ 19 สิงหาคม 2015 และปล่อยอัลบั้มเต็มชุดที่ 6 อย่าง Holiday Night เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีในอีก 2 ปีต่อมา
สำหรับการคัมแบ็กล่าสุดของวง ก็ยังคงเรียกเสียงฮือฮาได้อีกครั้งกับ FOREVER1 อัลบั้มเต็มชุดที่ 7 ที่นับว่า เป็นการปรากฏตัวในฐานะเกิร์ลกรุ๊ปอีกครั้ง หลังห่างหายจากวงการเพลงไปกว่า 5 ปีเต็มนับตั้งแต่ปี 2017 โดยการกลับมาครั้งนี้พวกเธอขึ้นคอนเสิร์ตรวมของค่าย SM Town Live 2022: SMCU Express ที่เรียกหยดน้ำตาของฮโยยอนได้ระหว่างการแสดง รวมไปถึงจัดแฟนมีตติ้ง 2022 Girls’ Generation Special Event “Long Lasting Love” ในสเกลระดับคอนเสิร์ต ณ KSPO Dome ที่ขายบัตรจนหมดเกลี้ยง และช่วยคลายความคิดถึงของเหล่าแฟนคลับไปได้มาก
ความโด่งดังของเกิร์ลเจเนอเรชัน นำมาสู่ฉายาที่ได้รับอย่าง ‘เกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติ’ ทั้งในฐานะ ‘เป้าหมาย’ (Goal) และแรงบันดาลใจของวงรุ่นใหม่ในวงการที่ต้องการเดินตามรอย หรือครั้งหนึ่งกรมประชาสัมพันธ์ของเกาหลีใต้ ถึงกับยกให้เกิร์ลเจเนอเรชันเป็นตัวแทนและหน้าตาของประเทศ
“ที่เกาหลีใต้มีกิมจิ มีไวน์ข้าว มีแดจังกึม มีพัค จีซอง และมีโซนยอชิแด”
แม้ว่าวงจะผ่านมรสุมมากี่ครั้ง เกิร์ลเจเนอเรชันก็ยังเดินเครื่องในฐานะศิลปินแถวหน้าของวงการเคป็อบต่อไป และถึงแม้ว่าปัจจุบัน พวกเธอยังไม่ได้กลับมาปรากฏตัวต่อสังคม แต่สมาชิกแต่ละคนก็ยังคงเดินหน้าทำงานในวงการบันเทิงตามสายงานที่ถนัด โดยเฉพาะในปี 2024 ที่เหล่าสมาชิกปล่อยผลงานของตนเองออกมาในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งงานเพลง ละคร ดีเจ ทัวร์คอนเสิร์ต และแฟนมีตติ้ง ให้แฟนคลับหายคิดถึง เพื่อรอวันที่พวกเขาจะรวมตัวในฐานะเกิร์ลกรุ๊ปแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง
Tags: Debut, Kpop, On This Day, The Momentum On This Day, Girls' Generation, SNSD, SMTrue, SMEntertainment