แท่งไฟตะเกียบ → แท่งไฟฟันคุด

ตัวเลข 6 ปี ช่างเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกินที่ไม่ได้เจอกับนูน่า (누나: พี่สาว) คนสวยอย่าง ยุนอา (Yoona) แห่งวง Girls’ Generation นับตั้งแต่งานแฟนมีตติงครั้งก่อนอย่าง ‘So Wonderful Day #Story_1’ ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2018 ซึ่งขณะนั้นตัวผู้เขียนเองยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายถือแท่งไฟตะเกียบไปงานด้วยความตื่นเต้น

หากเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็คงต้องบอกว่านานพอที่จะทำให้แท่งไฟในมือของโซวอน (ชื่อทางการของแฟนคลับวง Girls’ Generation) เปลี่ยนจากแท่งไฟตะเกียบเป็นแท่งไฟออฟฟิเชียลด้วยซ้ำ

สำหรับยุนอานูน่าถือเป็นไอดอลที่ประสบความสำเร็จจากหลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแสดง หรือพรีเซนเตอร์โฆษณา โดยมีผลงานที่โด่งดังเป็นตราประทับความสามารถอย่างภาพยนตร์เรื่อง Confidential Assignment (2017), Exit (2019) และซีรีส์อย่าง Big Mouth (2022) และ King The Land (2023) รวมไปถึงการขึ้นแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์หรูสไตล์ลูกคุณสัญชาติอิตาลีอย่าง Miu Miu ในปี 2021

แล้วในที่สุด เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2024 ยุนอานูน่าเดินทางมาหาโซวอนไทยอีกครั้ง ในงาน ‘YOONA FAN MEETING TOUE: YOONITE in Bangkok’ แฟนมีตที่จัดขึ้นภายใต้คอนเซปต์ ‘หนังสือนิตยสาร’ ที่เล่าเรื่องราวการเดินทางในฐานะนักแสดงหญิงตลอดหลายปีที่ผ่านมา

นูน่ามากความสามารถ

ภายในงาน ทันทีเมโลดีเพลงแสนหวานอย่าง ‘When the Wind blows’ บรรเลงขึ้นมา เสียงกรี๊ดของเหล่าโซวอนก็ดังสอดประสานคลายความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันมานาน ยุนอานูน่าสะกดแฟนคลับด้วยเสียงไพเราะ ก่อนจะทักทายเหล่าโซวอนด้วยคำพูดภาษาไทยที่เตรียมมา (เป็นประโยคที่ยาวมาก) และแนะนำพิธีกรร่วมที่มีเสียงหัวเราะเป็นเอกลักษณ์อย่าง ดีเจนุ้ย-ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร มาร่วมดำเนินรายการให้งานเป็นไปอย่างสนุกสนาน

โดยนูน่าเริ่มงานด้วย ‘บทที่ 0 หรือ Chapter 0’ เป็นช่วงสุ่มคำถามพูดคุยกับแฟนคลับผู้โชคดีที่ได้เขียนไว้ก่อนงานจะเริ่ม บรรยากาศในช่วงนี้เป็นไปอย่างสนุกสนาน เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นระยะๆ โดยเฉพาะมุข ‘นางฟ้าอย่าเพิ่งรีบกลับสวรรค์’ ซึ่งแปลได้ทั้งความหมายโดยตรงและโดยนัย ระเบิดเสียงหัวเราะจากเหล่าโซวอนอย่างล้นหลาม 

สำหรับผู้โชคดียังมีโอกาสถ่ายรูปคู่กับนูน่าอีกด้วย ด้วยความเป็นกันเองและน่ารักแบบนี้ จนผู้เขียนไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมยุนอานูน่าถึงยืนอยู่ในวงการได้นานถึงขนาดนี้

ต่อมาใน ‘บทที่ 1 หรือ Chapter 1’ เป็นช่วงพูดคุยถึงผลงานที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์สุดโด่งดังอย่าง Exit (2019) ที่เล่าถึงเบื้องหลังการทำงานที่ยากลำบาก เพราะมีซีนที่นูน่าต้องวิ่งอยู่มาก และเหล่าโซวอนยังมีโอกาสร่วมประสบการณ์กับภาพยนตร์นั้นอีกด้วย กับการที่นูน่าสอนวิธีส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ (SOS) ผ่านมาเปิดไฟฉายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์เรื่องนั้น ทำให้ทั้งฮอล์สว่างไปด้วยแสงไฟสีขาวจากโทรศัพท์มือถือและแสงสีชมพูจากแท่งไฟ

นอกจากนั้นแล้ว ยุนอานูน่ายังเล่าถึงเบื้องหลังสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากซีรีส์เรื่องดังอย่าง King the Land (2023) ที่เข้ามาถ่ายทำที่ประเทศไทยว่า ชอบสถานที่ในเมืองไทยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร หรือศูนย์การค้าไอคอนสยาม (ICONSIAM) นูน่าเล่าว่า เป็นสถานที่ที่สวยงามและโรแมนติก

ไม่เพียงเท่านั้น ยุนอานูน่ายังนำภาพเบื้องหลังตอนที่ใส่ชุดแต่งงานในซีรีส์เรื่องนั้นมาเล่าให้ฟังอีกด้วยว่า เบื้องหลังนั้นมีที่มาอย่างไร ผู้เขียนเชื่อว่าในตอนนั้น เหล่าโซวอนคงตะลึงไปกับความสวยของนูน่าเป็นแน่ เพราะนูน่าในชุดเจ้าสาวนั้นสวยและโดดเด่นมากจริงๆ

เมื่องานเข้าช่วง ‘บทที่ 2 หรือ Chapter 2’ เป็นช่วงที่เพิ่มระดับความสนุกมากขึ้นไปอีกกับการที่ยุนอานูน่าเล่นเกมทำภารกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเต้นเพลงสุดฮิตของ Girls’ Generation อย่าง Kissing You และ The Boys นอกจากนั้นแล้วนูน่ายังแสดงร้องเพลงสลักจิต ของ ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง สะกดโซวอนให้อยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ

จนถึงจุดนี้ โซวอนจำนวนไม่น้อย ต่างทึ่งไปกับความสามารถของพี่สาวคนนี้ไปแน่ ถึงขั้นที่ดีเจนุ้ยเอ่ยแซวเหล่าแฟนคลับว่า ทำไมยุนอาถึงร้องเพลงไทยได้ดีกว่าแฟนคลับเสียอีก ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าน้ำเสียงของนูน่าช่างไพเราะและอ่อนหวาน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเมนโวคอลประจำวง Girls’ Generation ก็เถอะ ผู้เขียนก็ได้แต่หวังว่ายุนอานูน่าจะมีโอกาสปล่อยเพลงออกมาอีกเรื่อยๆ ให้เหล่าโซวอนได้คลายความคิดถึงกัน

และแล้วงานแฟนมีตติงก็มาถึง ‘บทส่งท้าย หรือ Last Chapter’ นูน่าปรากฏตัวออกมาด้วยชุดเดรสสีเหลืองแสนสดใส พร้อมผลงานเพลงโซโล่ล่าสุดอย่าง Knock ถ่ายทอดคำปลอบโยนผ่านน้ำเสียงอันอ่อนหวาน และส่งท้ายด้วยบทเพลงที่เหล่าแฟนคลับร่วมร้องอย่างพร้อมเพียงใน Deoksugung Stonewall Walkway ทำให้หนังสือนิตยสารเล่มนี้จบลงด้วยความสมบูรณ์แบบ

ทะเลสีชมพูที่กลับมา

พูดถึงนางเอกของงานไปพอสมควรแล้ว ผู้เขียนยังต้องขอเอ่ยถึงพิธีกรอย่างดีเจนุ้ยที่ดำเนินรายการไปอย่างเป็นกันเอง ทำให้นูน่าและเหล่าโซวอนมีความสุขกับงาน และรู้สึกว่าช่วงเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งมันช่างผ่านไปไวเสียจริง

อีกหนึ่งคนที่ขาดไปไม่ได้คือคุณซอย เจยอง ล่ามแปลภาษาที่คอยช่วยส่งสารและความรู้สึกดีๆ จากยุนอามายังแฟนคลับ แม้ว่าบางช่วงยุนอานูน่าจะพูดยาวไปทำให้คุณเจยองแปลไม่ทัน แต่นั่นก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะและความเอ็นดูจากเหล่าโซวอนเป็นอย่างมาก

และองค์ประกอบสุดท้ายที่ผู้เขียนอยากจะกล่าวถึงก็คือ พวกเราชาวโซวอนนั่นแหละ ที่ทำให้งานแฟนมีตติงครั้งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ ทะเลสีชมพูที่ผู้เขียนคิดถึงวันนี้มันกลับมาอีกครั้ง เป็นแรงใจให้กับผู้เขียนในการใช้ชีวิต และรอคอยจะกลับไปเจอทะเลสีชมพูอีกในครั้งถัดไป

ผู้เขียนรู้สึกว่าชีวิตของพวกเราก็เหมือนหนังสือจริงๆ ที่เริ่มจากบทที่ 1 ไป 2 ไป 3 และไปอีกเรื่อยๆ จบหนังสือเล่มนี้แล้วก็จะมีหนังสือเล่มใหม่ออกมา ผู้เขียนก็ได้แต่เฝ้ารอหนังสือเล่มใหม่ของยุนอานูน่าต่อไป และเชื่อว่ามันจะเต็มไปการเติบโตและเรื่องราวดีๆ อีกมากออกมาให้เหล่าโซวอนได้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวนูน่า

สุดท้ายนี้ ผู้เขียนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากในงาน YOONA FAN MEETING TOUE: YOONITE in Bangkok และสัญญาเลยว่าจะกลับไปหานูน่าอีกแน่ถ้ามีโอกาส นี่คือความจริงใจที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

เหมือนที่นูน่าเคยบอกกับโซวอนว่า “ขอบคุณที่ยังมีกันและกันตรงนี้อยู่เสมอ”

Tags: , , , , , , , ,