กลับมาอีกครั้ง สำหรับเทศกาลศิลปะการแสดงเพื่อความหลากหลาย ครั้งที่ 2 หรือ H0M0HAUS 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-15 มิถุนายน 2568 ซึ่งในปีนี้ได้ขยับขยายสเกลงานให้อลังการมากยิ่งขึ้น ประกอบไปด้วยการแสดงหลักสะท้อนภาพชีวิตของกลุ่มคน LGBTQIA+ จำนวน 4 ชิ้น พร้อมด้วยการแสดงเล็กๆ แนว Fringe Performance จากศิลปินเควียร์รุ่นใหม่ๆ ในทุกวันอาทิตย์ของช่วงการแสดง
ในปีนี้ ‘กัลปพฤกษ์’ มีโอกาสได้ติดตามชมการแสดงหลักทั้ง 4 ชิ้นจนถ้วนครบ และพบว่า เนื้อหาการแสดงในภาพรวมๆ มีความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ อยู่ 1 ประการ นั่นคือ ไม่มีงานแสดงเดี่ยวแบบโซโลอีกต่อไป แต่เหมือนจะอาศัยโครงสร้างตามจักรราศีเมถุน หรือ ‘คนคู่-Gemini’ ตรงกับช่วงของการแสดงพอดี จนมีลักษณะเป็นงานดูโอ้หรือการแสดงกลุ่มที่มีช่วงดูโอ้ในทุกๆ เรื่อง
เหตุผลหลักก็น่าจะสืบเนื่องมาจากความต้องการหลีกเลี่ยงภาวะ ‘หมกมุ่นกับตัวเอง’ หรือ Self-indulgence ในกรณีของงานแสดงเดี่ยว ซึ่งพอขยายจากการเล่นคนเดียวมาเป็นแพ็กคู่ มันก็จะดูมีความแตกต่างหลากหลายจากการเปรียบเทียบกันเองไปโดยปริยาย ซึ่งจะขอไล่เล่าอภิปรายไปทีละเรื่องดังต่อไปนี้
Vase of Possibilities ออกแบบกระบวนการ โดย ธนพล วิรุฬหกุล และเผ่าภูมิ ชิวารักษ์ จัดแสดงที่ SAC Gallery
รอบวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลา 16.00 น.
คนคู่แรกจากการแสดง Vase of Possibilities ซึ่งจัดแสดงที่ชั้นบนของเอสเอซี แกลเลอรี (SAC Gallery) ก็คือ น้อง Rose และ Prima นักเรียน LGBTQIA+ ระดับมัธยมศึกษาที่จับมือกันมาร่วมแสดงผ่านกระบวนการ Open Call ร่อนใบสมัคร โดยจำลองพื้นที่ห้องแสดงหลักให้กลายเป็นนิทรรศการจัดประกวดวาดภาพระบายสีในหัวข้อ ‘ดอกไม้ในแจกันของฉัน’ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จากโรงเรียนเผดิมศึกษา นำผลงานของเด็กๆ มาติดโชว์ไว้บนผนังทั้งด้านหน้าและด้านในของห้อง

ภาพ: Vuurwerk
จากนั้นศิลปิน บอล-นรภัทร ศักดิ์อาธรทรัพย์ ก็สานต่อจินตนาการของน้องๆ นำกองดอกไม้ในแจกันดินน้ำมันมาจัดเรียงเป็นชั้นๆ ไล่ขั้นกันไปให้แลดูแตกต่างหลากหลาย ซึ่งน้อง Rose และ Prima ก็จะรับหน้าที่ออกมาสลับกันบรรยายความรู้สึกที่มีต่อภาพระบายสีที่ตนเองถูกใจ ก่อนจะใช้ศิลปะแห่งนาฏลีลา ซึ่ง เผ่า-เผ่าภูมิ ชิวารักษ์ และตั๋ม-ธนพล วิรุฬหกุล สองนักออกแบบท่าเต้นคู่บุญช่วยรังสรรค์ให้ ปิดท้ายด้วยการเปิดโอกาสให้ทั้ง Rose และ Prima สามารถออกแบบการแสดงหน้าเวทีในลีลาที่ตนพอใจ มีการชวนให้เพื่อนๆ ที่มาชม มาร่วมเป็นสมาคมนักร้องคาราโอเกะเพลงสากล ส่วนอีกฝ่ายก็ขอท้าชนด้วยสเต็ปการเต้นผ่านท่วงท่าที่มาดมั่น สร้างความบันเทิงให้ผู้ชมตามรสนิยมของตัวเอง
ภาพการแสดงทั้งหมดจึงออกจะดูอุตลุดอลเวงละเลงสายธารความคิดที่ปะติดปะต่อกันพอหลวมๆ ซึ่งแม้ว่าภาพรวมทุกอย่างจะยังคงมีความจริงใจ แต่ข้อเท็จจริงที่การแสดงนี้ไม่มี ‘ผู้กำกับ’ มาคอยบังคับควบคุมให้ส่วนประกอบทั้งหมดยังคงความเป็นเอกภาพอยู่ในระนาบเดียวกันจริงๆ ได้ (ทั้ง เผ่า เผ่าภูมิ และตั๋ม ธนพล ไม่ได้เครดิตตนเองในฐานะผู้กำกับ แต่เป็นเพียงผู้ออกแบบกระบวนการ) เมื่อผู้ชมวัยผู้ใหญ่ซื้อตั๋วเข้าไปดู จึงอาจเกิดความรู้สึกได้ว่าการแสดงยังขาดสารและการนำเสนอที่แข็งแรง เมื่อค่าเข้าราคาแพงต้องแลกกับการได้เห็นคู่วัยรุ่น LGBTQIA+ จัดโชว์ให้ดูแบบผู้ยังอ่อนประสบการณ์
in the minor of everything กำกับโดย AMADIVA จัดแสดงที่ Art Space @Bantadthong
รอบวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น.
ผลงานที่แม้ราคาตั๋วจะแพงกว่า Vase of Possibilities แต่ in the minor of everything ก็นับเป็นการแสดงที่คุ้มค่าคุ้มราคาคุ้มเวลา ไม่ว่าคุณจะเคยรู้จักหรือติดตามผลงานของสองนักร้องหญิง LGBTQIA+ นาม MAMIO กับ SILVY คู่นี้มาก่อนหรือไม่ก็ตาม เพราะมันคือคอนเสิร์ตที่มาในนาม Documentary Theatre นำเสนอเรื่องราวชีวิตและผลงานเพลงของสองนักร้องสาวที่ก้าวย่างในเส้นทางสายดนตรีมีรายละเอียดไม่เหมือนศิลปินคนอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่ยืนยันจะเปิดเผยรสนิยมทางเพศที่แท้จริงของตนเองต่อแฟนเพลง โดยไม่ต้องกลัวเกรงจะเสียภาพลักษณ์หรือเสื่อมความนิยมอารมณ์แบบต้องซ่อนต้องแอบเหมือนศิลปินรุ่นก่อนๆ

ภาพ: pxwxriz
แน่นอนว่าโครงสร้างของการแสดงชิ้นนี้ถ้ามองผ่านแว่นของแวดวงการดนตรี มันก็แทบไม่มีอะไรแปลกใหม่เหนือไปกว่างาน Gig สำหรับผู้ชมกลุ่มย่อมๆ ที่ศิลปินสลับการขับกล่อมบทเพลงกับการเล่าเรื่องราวประวัติชีวิตในอดีตของตน ทว่าเมื่อมองจากแว่นของคนละคร มันกลับสะท้อนแนวทางที่แสนจะสร้างสรรค์แปลกใหม่ เพราะคงไม่มีรูปแบบการแสดงใดจะดีไปกว่าการนำเสนอ ‘สารคดีเวที’ ที่เล่าชีวิตเบื้องหลังการเป็นนักร้องเสียงดี ผ่านวิธีการเล่นคอนเสิร์ตเปิดเผยตัวตนกันไปเลย!
ซึ่งงานการกำกับของ Amadiva ก็ทำให้คนที่ไม่เคยรู้จักนักร้องหญิงทั้งสองมาก่อน ได้ย้อนไปทำความคุ้นเคยกับศิลปินเควียร์ทั้งคู่เหมือนได้อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบๆ ปี ได้รับฟังทั้งเรื่องที่ดีและที่ไม่ดี การประสบความสำเร็จบนบาดแผลที่ต้องใช้เวลาในการเยียวยา ความสัมพันธ์อันขมขื่นของทั้งสองกับมารดา รวมไปถึงชีวิตแห่งความรักใคร่เสน่หา ซึ่งไล่มาตั้งแต่รักแรกจนถึงคู่ที่อยู่ด้วยกัน ณ ปัจจุบัน
เหนืออื่นใด มันคือคอนเสิร์ตคุณภาพที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า พวกเธอล้วนเกิดมาเพื่อเป็นนักร้องนักดนตรี มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อที่จะได้ประพันธ์และร่วมกันขับร้องความรู้สึกจากทุกห้องหัวใจให้ผู้ชมได้พบความสุขจากทุกๆ ตัวโน้ตซึ่งกลั่นมาจากประสบการณ์อันแสนโหดร้ายของพวกเธอ!
Vessel Unbound นำกระบวนการและกำกับโดย ศศพินทุ์ ศิริวาณิชย์ จัดแสดงที่ The Salil Hotel Riverside
รอบวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น.
การแสดงที่คงเรียกได้ว่าเป็น ‘ภาคขยาย’ ของเรื่อง Vessel ซึ่งผู้กำกับ ศศพินทุ์ ศิริวาณิชย์ เคยนำมาเล่นไว้ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2022 ที่ห้องแสดงของ Yellow Lane Café ย่านอารีย์ โดยใน Vessel Unbound ฉบับนี้มีการเสริมเพิ่มจำนวนผู้แสดงจาก 6 รายมาเป็น 9 ราย ซึ่งแม้ว่านักแสดงที่เป็นคุณแม่ท้องแก่จะหายไป แต่ในการแสดงรอบใหม่นี้ กลับมีผู้แสดง LGBTQIA+ ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาแทนอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทอมบอย Androgynous ที่รูปร่างหน้าตาคล้ายเด็กผู้ชาย กะเทย และ Transwoman สายหวาน สาวกร้านสายห้าว ปะปนอยู่กับสาวๆ Cisgender ซึ่งพวกเธอจะทั้งหมดจะได้เลือกชุดเสื้อผ้าที่ใส่มาแสดงตามใจ เมื่อผู้กำกับ ศศพินทุ์ ศิริวาณิชย์ ไม่คิดจะบังคับให้ใครต้องมาสวมใส่ยูนิฟอร์มสีกากีที่เคยใช้ในงานฉบับแรก

ภาพ: Vuurwerk
นอกเหนือจากนั้น Vessel Unbound ก็ชักชวนให้ผู้ชมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้แสดงว่า หากมีการนัดแนะจัดแจงให้สุภาพสตรีที่มีความหลากหลายเหล่านี้ มีพื้นที่ปลอดภัยอยู่ในผืนเกาะบีนแบ็กวงเดียวกัน พวกเขาจะจำนรรจากันด้วยเนื้อหาและภาษาแบบใด เผยให้เห็นถึงความสนิทชิดใกล้ที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยได้สัมผัสรับรู้ โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาจับคู่ไล่กันระบายความในใจที่มีให้แก่กันตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ได้มารู้จักและทำงานร่วมกัน
คำสำคัญที่สามารถสัมผัสได้ทันทีจากการแสดงชิ้นนี้ คือคำว่า ‘มิตรภาพ’ และ ‘ความสามัคคี’ คำที่ไม่รู้ทำไม ‘กัลปพฤกษ์’ มักจะนึกภาพไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างหมู่มนุษย์เพศชายอยู่ตลอดเวลา ทว่า Vessel Unbound ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ‘มิตรภาพ’ และ ‘ความสามัคคี’ ที่แท้ทรูมันจะอยู่ในหมู่เพศแม่ เพราะถ้าลองแปลคำว่า ‘มิตรภาพ/ สามัคคี’ ไปเป็นภาษาต่างๆ ที่มีลิงก์ ทุกคำถูกกำหนดให้เป็นเพศหญิงอย่างไม่มีข้อเว้นกันเลย ทั้ง Amicizia/ Armonia ในภาษาอิตาเลียนเอย Amieté/ Harmonie ในภาษาฝรั่งเศสเอย amistad/ armonía ในภาษาสเปนเอย รวมถึง Freundshaft/ Harmonie ในภาษาเยอรมันเอย
บรรจบพบผี: บทส่งท้ายว่าด้วยผีชายแท้แลอาณานิคมบนพื้นที่คล้ายละครเวที โดย มิสโอ๊ต (ปฏิพล) x ธนพล วิรุฬหกุล จัดแสดงที่ Goethe-Institut Thailand
รอบวันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น.
พิธีกรรมเผา ‘ผี’ วงการละครเวทีร่วมสมัยของไทย เล่นกันในค่ำคืนของวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน บนห้องประชุมของสถาบันเกอเธ่ กรุงเทพฯ เพียงรอบเดียวเท่านั้น เมื่อสองศิลปินเควียร์ มิสโอ๊ต (ปฏิพล) x ธนพล วิรุฬหกุล มาระบายทุกความอัดอั้นของการหันมาทำงานการแสดง และละครที่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการตกอยู่ภายใต้ขนบ จนเหล่าศิลปินเควียร์ไม่เคยได้พบที่ทางในการสร้างผลงาน โดยเฉพาะเมื่อเหล่าครูบาอาจารย์และนักวิชาการยังคงหลงยึดติดอยู่กับศาสตร์แห่งการแสดงในแบบดั้งเดิม ปิดรับความแตกต่างหลากหลายที่มีเพิ่มเติมเขามาในสังคมร่วมสมัย ทำให้นักแสดงอย่าง ‘มิสโอ๊ต’ แทบมิเคยได้รับบทบาทการแสดงจากการออดิชันละครเรื่องใดๆ เพียงเพราะว่าเธอดูโดดเด่นเกินไป ไม่เข้ากับนักแสดงรายอื่นๆ หรือธนพลที่ยืนยันจะสร้างงานนาฏศิลป์ร่วมสมัย โดยไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ ว่า การแสดงที่ใช้การเคลื่อนไหวร่างกาย ควรมีความหมายหรือรูปร่างหน้าตาไปในทางใด จนเกิดกระแสต่อต้านจากนักวิจารณ์ไทยซึ่งสุดท้ายก็อาจจะไม่ได้เข้าใจในศิลปะแขนงนี้ หรือมีประสบการณ์ความชำนาญไม่เพียงพอที่จะวิเคราะห์ประเมินผลงานของพวกเขาได้

ภาพ: Vuurwerk
การแสดงไล่เล่าถึงประวัติผลงานของศิลปินเควียร์ทั้งสองเริ่มมาตั้งแต่ปี 2012 ที่ ธนพล ทำ Post Show Talk with Pina Bausch and Dancers และปี 2016 ที่มิสโอ๊ตเธอเริ่มทำเรื่อง In the Queer เป็นงานโซโลล่าชีวิตตัวเอง สลับกับการแฉว่า พวกเขาโดนข่มเหงความรู้สึกต่างๆ นานามาอย่างไร จากทั้งครูบาอาจารย์ผู้เป็นที่เคารพเลื่อมใส เหล่านักการละครรุ่นใหญ่ และนักวิจารณ์ใจร้ายที่มักจะใช้อคติในการตัดสินผลงานผ่านอุดมการณ์ปิตาธิปไตย ล้ำเลยไปถึงการได้ร่วมงานกับศิลปินต่างชาติจากโลกตะวันตก ที่วกกลับมาสะท้อนว่าผีอาณานิคมมันยังคงหลอกหลอนพวกเรากันอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ศิลปินทั้งสองได้ร่ำระบาย มันอาจจะยังเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์จากฐานของผู้ถูกกระทำซึ่งยังไม่ได้รับคำอธิบายจากอีกฝ่าย แต่พวกเขาก็มีสิทธิ์เต็มที่ที่จะนำเรื่องราวเหล่านี้มาขยายว่ามันเคยเกิดอะไร เพราะแต่ละข้อหาก็ล้วนถือเป็นประเด็นใหญ่ ส่วนจะเท็จจะจริงแค่ไหนผู้ชมก็คงต้องค่อยๆ ใช้วิจารณญาณในการตัดสินประเมินกันเอาเอง!
Tags: Screen and Sound, LGBTQIA+, H0M0HAUS, เควียร์, การแสดง