***Spoiler Alert บทความมีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์***
ภาพยนตร์ ผีใช้ได้ค่ะ (A Useful Ghost) กำกับโดย รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังผีแบบไทยๆ อย่างผี ‘แม่นาก’ ในตำนาน และนำมาประยุกต์ในบริบทร่วมสมัย กลายเป็นภาพยนตร์แนวสัจนิยมมหัศจรรย์ (Magical Realism) ซึ่งว่าด้วยเรื่องผี ที่ไม่ยอมจำนนต่อความตาย จึงกลับมาหลอกหลอนคนเป็น ในรูปแบบของ ‘เครื่องดูดฝุ่นและเครื่องใช้ไฟฟ้า’
ด้วยการเล่าเรื่องที่สดใหม่ ย่อยง่าย ทั้งยังสอดแทรกประเด็นทางสังคมและการเมืองไว้อย่างกล้าหาญและตรงไปตรงมา ทำให้ ผีใช้ได้ค่ะ (A Useful Ghost) คว้ารางวัลยอดเยี่ยม Critic’s Week จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ และได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไทย ชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 98 สาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม
ว่ากันด้วยเรื่องผีๆ ที่ไม่ใช่แค่ความน่ากลัวแบบหนังผีไทยที่คุ้นตา แต่เป็น ‘ผี’ ในฐานะภาพแทนของจิตวิญญาณและความทรงจำ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และบาดแผลอันเจ็บปวดจากความอยุติธรรมและการกดขี่ข่มเหงที่มิอาจลืมเลือนได้
ไม่ว่าจะเป็นผีแนท (ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่) อดีตภรรยาของมาร์ช (โมสต์-วิศรุต หิมรัตน์) ที่เสียชีวิตด้วยโรคทางเดินหายใจเพราะมลพิษทางอากาศ และอยากกลับมาหาสามี, ผี ‘ต๊อก’ ผีแรงงานในโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ตายจากการทำงานหนัก และกลับมาหลอกหลอนจนโรงงานต้องปิดตัวลง, หรือผี ‘ครอง’ ผีปลอมตัวเป็นช่างซ่อมเครื่องดูดฝุ่น ทั้งที่แท้จริงแล้วคือผู้ถูกบังคับสูญหาย ที่ถูกฆ่าตายอย่างโหดร้ายทารุณ พวกเขาต่างก็เป็นเหยื่อที่ถูกพรากเอาชีวิตไปด้วยฝุ่นควันจากการใช้ทรัพยากรโลกของกลุ่มทุนใหญ่ การกดขี่แรงงาน และจากผู้มีอำนาจล้นฟ้าที่คอยกำจัดคนเห็นต่างอย่างไร้เมตตา
พวกเขาเป็นผีที่ไม่ยอมจำนนต่อความตาย และกลับมาหาคนรัก โดยหวังให้ใครสักคนจดจำพวกเขาได้
เพื่อสานต่อความฝัน ความปรารถนา ที่ถูกพรากไป เมื่อยังมีลมหายใจ
“คนตายกลับมา มี 2 สาเหตุ
หนึ่ง คือวิญญาณยังจำได้ว่าใครได้ทำอะไรกับมันไว้
สอง มีคนเป็นยังจำคนตายคนนั้นได้”
ผีแนทกลับมาสิงร่างในเครื่องดูดฝุ่นสีแดง เธออยากกลับมาอยู่กับสามี แต่ถูกกีดกันจากครอบครัวสามี แนทจึงต้องพิสูจน์ความ ‘ใช้ได้’ ด้วยการจัดการผีในโรงงาน แต่หารู้ไม่ว่าผีที่เธอต้องจัดการ เป็นเพียงผีที่อยากกลับมาหาคนรักของตนเอง ไม่ต่างจากที่แนทอยากกลับมาหามาร์ชเลย
ในขณะเดียวกัน แนทฝันอยากมีครอบครัวแสนสุข แต่ฝุ่นได้พรากชีวิตและความฝันของเธอไป แต่เมื่อท่านรัฐมนตรียื่นข้อเสนอช่วยสานฝันให้ เธอจึงตัดสินใจเลือกที่จะเหยียบย่ำความฝันคนอื่น เพื่อพิสูจน์ความใช้ได้อีกครั้ง
สิ่งที่ผีแนทต้องทำ คือการมอนิเตอร์ความฝันของคนอื่น
ผีมีอำนาจได้ก็ต่อเมื่อยังมีผู้คนจดจำพวกเขา
ใครก็ตามที่ยังระลึกถึงผู้ต่อสู้ อันเป็นศัตรูของรัฐและชนชั้นนำ พวกเขาจะถูกช็อตไฟฟ้า ถูกพยายามทำให้ลืม ถูกทำให้ความทรงจำสูญหาย แล้วผีคนตายก็จะมลายหายไปด้วย
ที่น่าเจ็บปวดคือ คนที่มือเปื้อนเลือดให้เหล่าชนชั้นนำได้เสวยสุขต่อไป กลับกลายเป็นผีที่ต่างก็เป็นผู้ถูกกดขี่ด้วยกัน ไม่ใช่แค่ ‘แนท’ แต่ ‘ต๊อก’ เองก็เช่นกัน จากผีเรียกร้องความยุติธรรม กลับมาเป็นหมากในกระดานที่ทำให้ชนชั้นนำกินอิ่มนอนหลับ แลกกับอภิสิทธิ์เล็กๆ
ถ้าสังเกตให้ดี เราอาจเห็นสีแดงกับน้ำเงินถูกนำมาใช้อย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งขับเน้นให้ความหมายของการต่อสู้ทางชนชั้นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แรกเริ่มเดิมทีผีแนทในร่างเครื่องดูดฝุ่นเป็นสีแดง และเมื่อเธอพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์เธอก็กลายร่างเป็นแนทในชุดสีน้ำเงิน
พูดไปแล้วก็น่าขันปนขมขื่น เพราะในสายธารประวัติศาสตร์การต่อสู้อันยาวนาน
มีผู้ที่เคยเรียกร้องประชาธิปไตยในอดีตจำนวนไม่น้อย เปลี่ยนใจย้ายข้าง ละทิ้งอุดมการณ์และคนที่ร่วมต่อสู้กันมา อันเป็นที่เข้าใจได้ไม่ยากว่าอภิสิทธิ์นั้นช่างหอมหวานและง่ายต่อการใช้ชีวิตเป็นไหนๆ
นอกจากมิติการกดทับด้านชนชั้นของเหล่าผีกันเองแล้ว ยังมีมิติความเป็นชายขอบ ความเป็นอื่นเมื่อมองจากรัฐกลาง หรือการกดทับทางเพศในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน แม่-แนท ก็ยังส่งต่อวัฒนธรรมการกดขี่จากแม่ผัว-ลูกสะใภ้ หรือพี่ชายของมาร์ช-เท็ด คู่รัก LGBTQIA+ ที่ก็ต้องพิสูจน์ว่ามีประโยชน์ต่อครอบครัวก่อน ถึงจะได้รับการยอมรับ และประเด็นสังคมอีกมากมายที่ซ่อนอยู่เป็นระยะตลอดทั้งเรื่อง
กลับมาที่ชื่อหนังอย่าง ผีใช้ได้ค่ะ (A Useful Ghost) ที่ฟังครั้งแรกคงรู้สึกเอ๊ะว่าฟังผิดไหม ตั้งใจเล่นคำผวนหรืออย่างไร แต่หลังจากชมภาพยนตร์ก็ได้รับคำตอบแล้วว่า ผีที่ ‘ใช้ได้’ และ ‘มีประโยชน์’ แก่กลุ่มชนชั้นนำเท่านั้น ถึงจะสามารถอยู่รอดและได้รับอภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่นทั่วไป
และอาจตอบคำถามได้ว่าทำไมต้องเป็น ‘ผีเครื่องดูดฝุ่น’ นอกจากฝุ่นที่หมายถึง ฝุ่นควันมลพิษทางอากาศจากการทำลายโลกเพื่อประโยชน์ของกลุ่มทุนแล้ว ฝุ่นเหล่านี้อาจหมายถึงประชาชนตาดำๆ อย่างเราๆ ที่เป็นได้แค่ฝุ่นสร้างความระคายเคืองแก่ผู้มีอำนาจ มากสุดก็ทำได้แค่ส่งผลให้ ‘เคืองตา’ และผีเครื่องดูดฝุ่นอย่างแนทนี่แหละ ที่คอยช่วย ‘ดูดฝุ่น’ ให้หายไป
ในช่วงต้น หนังเปิดเรื่องด้วยฉากปั้นประติมากรรมรูปสามัญชนหลากหลายอาชีพ ทั้งชาวนาเกี่ยวข้าว กรรมกรแบกหาม ทหารถือปืน นักกีฬา นักเรียน พระ แรกเห็นก็เข้าใจได้ทันทีว่าภาพประติมากรรมเหล่านี้คือประติมากรรมที่ฐานปีกของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ซึ่งถูกสร้างขึ้นสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม และเมื่อประติมากรรมเหล่านี้ถูกสร้างเสร็จและนำไปตั้งโชว์ได้ไม่นานก็ตกลงมาหักพัง นี่คงเหมือนกับการเยาะเย้ยว่า ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงการปกครองจะเกิดขึ้นแล้ว แม้เราจะมีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีภาพความเท่าเทียมกันของชนชั้นกรรมาชีพทุกอาชีพ แต่ภาพเหล่านี้อาจเป็นเพียงภาพฝันที่จัดฉาก ตั้งอยู่ได้ไม่นานก็พังทลาย แต่กลับปิดจบด้วยฉากสุดท้ายที่เหล่าผีได้กลับมาชำระสะสางเอาคืนเหล่าอภิสิทธิ์ชนอย่างสาสม แม้ดูออกจะบ้าระห่ำ แต่ก็คงสาแก่ใจชนชั้นกรรมาชีพอยู่ไม่น้อย ราวกับได้ระบายความโกรธเกรี้ยวผ่านภาพฝันที่ไม่เคยเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม นับเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่งที่ผู้สร้างภาพยนตร์ได้หยิบยกเรื่องขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การสลายการชุมนุมปี 2553 การถูกบังคับสูญหาย ที่ใครๆ ก็น่าจะเข้าใจได้ไม่ยากว่ากำลังพูดถึงความตายอย่างโหดเหี้ยมของ สุรชัย แซ่ด่าน, สหายภูชนะ และสหายกาสะลอง ผู้ลี้ภัยที่ถูกพบเป็นศพกลางแม่น้ำโขง ความพยายามลบเลือนและบิดเบือนประวัติศาสตร์ การถอนหมุดคณะราษฎร และสร้างอนุสาวรีย์ทดแทน เพื่อช่วงชิงความหมายและอำนาจทางวัฒนธรรม
เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่ผี
แต่เป็น ‘ผู้กดขี่ข่มเหง’
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราจะต้องช่วยกันจดจำชื่อผู้ต่อสู้ทุกนาม
เพื่อสานต่ออุดมการณ์
และความปรารถนาที่จะเห็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเสียที
Tags: รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค, หนัง, ดาวิกา โฮร์เน่, ภาพยนตร์, วิศรุต หิมรัตน์, หนังไทย, ภาพยนตร์ไทย, คานส์, Screen and Sound, ผีใช้ได้ค่ะ, A Useful Ghost, หนังผี, ใหม่ ดาวิกา, การเมืองไทย