วันนี้ (30 กรกฎาคม 2565) ที่อาคาร 50 ปี สารนิเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) บรรยายตอนหนึ่งในหัวข้อ ‘216 โครงการกับการพลิกโฉมมหานคร’ ว่า ในการทำงานที่ผ่านมา การกำหนดยุทธศาสตร์มี 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกต้องวิเคราะห์ว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร ต้องมีภาพนโยบายรวมๆ และต้องมี A set of coherence action plan เป็น Action Plan หรือแผนปฏิบัติที่สอดคล้องกัน หากยุทธศาสตร์ไม่มี Action plan ก็ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ เป็นแค่คำขวัญ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึงต้องมี 216 โครงการ แต่หากไม่มี Action Plan สมมติบอกแค่ว่าอยากให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน นั่นคือ ‘คำขวัญ’ ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ เพราะนำไปทำต่อไม่ได้

“เหมือนกับชีวิตคุณ ถ้าคุณมียุทธศาสตร์ ว่าอยากไปเรียนต่อที่นู่น หรือทำงานที่นี่ ต้องมี Action Plan หลายๆ Plan เพื่อให้สอดคล้องกันในชีวิต ถ้าไม่มี Action Plan ก็ถือว่าไม่มียุทธศาสตร์”

ชัชชาติระบุว่า เมื่อตัดสินใจสมัครเป็นผู้ว่าฯ ได้ตัดสินใจสั่งหนังสือเกี่ยวกับเรื่อง ‘เมือง’ ทั้งหมด และกว้านซื้อจากเว็บไซต์แอมะซอน (Amazon) เพราะอย่างน้อยคนเป็นผู้ว่าฯ กทม. ต้องรู้เรื่องเมืองละเอียดพอ ต้องเรียนทุกอย่างของเมือง ทั้ง Affordable City, Smart City การออกแบบถนน เพราะอย่างน้อย ต้องมีความรู้เชี่ยวชาญ

“ฉะนั้น ถ้าเกิดน้องๆ อยากเริ่มทำอะไร อย่าคิดว่ามีปาฏิหาริย์ คุณต้องรู้ด้วยตัวเองก่อน อย่างน้อยต้องมีกึ๋นพอในการรู้ ผมเริ่มจากอ่านหนังสือ หาข้อมูล หาทีมงานมาช่วย เราอาจไม่เชี่ยวชาญ แต่มีคนที่รู้จริงเยอะ เราก็หาทีมงานมาช่วยร่วมงาน จนมี Expert มาร่วมกับเรา 100 กว่าคนในทุกด้าน เราโชคดีที่เราเป็นอิสระ ไม่มีภาพการเมือง เพราะเขารู้สึกว่าเป็น ‘งานเมือง’ เราเชิญผู้ช่วยวิจัย จัดทีมงาน มาช่วยกัน

“หลักการคือเราต้องยืนบนบ่าของยักษ์ คุณจะเห็นสูงกว่ายักษ์ ฉะนั้น เอายักษ์มาร่วมทีม เอาคนที่รู้เรื่องแล้วมาร่วมทีม แล้วขอไปยืนบนบ่าเขา มองได้ไกลกว่าเขา ฉะนั้น ต้องไม่มีอีโก้ อย่าคิดว่าเราเก่ง หาคนมาร่วมทีม กราบไหว้ ขอเขาไปทั่ว จนมีทีมมาเยอะแยะมาร่วม”

และคำถามสำคัญอีกอย่าง คือต้องตอบให้ได้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นยัง Relevant (เกี่ยวข้อง) กับโลกไหม คำหนึ่งที่ชัดเจนคือ Moore’s Law หรือกฎของมัวร์ ที่บอกว่า พลังของคอมพิวเตอร์จะเพิ่มทุก 2 เท่า ในทุก 2 ปี เพราะฉะนั้น ทุกอย่างถือเป็น Exponential และพลังของคอมพิวเตอร์เปลี่ยนเร็วมาก เมื่อโลกเปลี่ยนเร็ว วันหนึ่งคุณตื่นมา อาจไม่มีความหมายต่อโลกแล้ว

“ถามว่าพรรคการเมืองยัง Relevant กับโลกอยู่ไหม คำตอบผมเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมเชื่อว่าไม่ Relevant การเป็นอิสระ ทำงานได้ดีกว่า รู้สึกเลยว่าเราทำได้ แต่การเมืองใหญ่อาจเป็นอีกแบบ แต่ท้องถิ่นฯ เป็นอิสระ ทำงานได้ดีกว่า เลยตัดสินใจลงอิสระ ทำงานเมือง ไม่ได้ทำการเมือง”

ชัชชาติยังระบุอีกด้วยว่า ในตอนแรก การหาเสียงของเขาใช้คำว่า Better Bangkok หรือกรุงเทพฯ ที่ดีกว่า แต่เป็นคำที่คิดไวๆ เลยอาจไม่ได้กินใจคนมากนัก จนมาถึงคำว่า ‘ทำงาน ทำงาน ทำงาน’ ที่กินใจคนมากกว่า

“คำถามคือ ‘ทำงาน ทำงาน ทำงาน’ กินใจเพราะอะไร มันไม่ได้บอกว่า ‘ชัชชาติคนทำงาน’ หรือ ‘ชัชชาติต้องทำงาน’ แต่ ‘ทำงาน ทำงาน ทำงาน’ เพราะทุกคนในกรุงเทพฯ ต้องทำงานดิ้นรนเอาตัวรอด ม็อตโต้นี้ไม่ใช่ของเรา แต่คือม็อตโต้ของทุกคนที่ดิ้นรนอยู่ในกรุงเทพฯ อย่างผมไปที่สวนลุมฯ ทุกคนอยากใส่ตัวนี้ ไม่ใช่ชัชชาติทำงาน แต่ทุกคนต้องทำงาน ก็เลยโดนใจทุกคน และสามารถเอาไปขยายต่อได้ นี่คือสิ่งที่เราคิดให้ Relevant ต่อโลก”

Tags: