สารภาพกันตามตรง เราไม่อาจเรียกตัวเองว่าเป็นแฟนของวงซินธ์ป็อปอย่างโพลีแคท (Polycat) ได้เต็มปากเต็มคำ อาจเคยแอบย่องไปดูตามงานต่างๆ อยู่บ้างสองถึงสามครั้ง สะสมแผ่นซีดีที่ชอบบ้าง และเปิดฟังเพลงใหม่ทุกครั้งที่สามหนุ่มปล่อยออกมาตามระบบสตรีมมิ่ง
แต่ที่ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าติดตามพวกเขาอย่างจริงจัง เพราะเมื่อเราได้มีโอกาสไปดูคอนเสิร์ต ‘LEO Present Polycat I Want You Concert’ ของ นะ – รัตน จันทร์ประสิทธิ์, เพียว – เพียว วาตานาเบะ และโต้ง – พลากร กันจินะ กลับพบว่ายังมีเพลงที่ตัวเองร้องตามไม่ได้อีกมากมาย ขณะที่คนข้างซ้ายมือกำลังกู่ร้องตามอยู่ทุกบทเพลง คนข้างขวาฮัมเสียงโซโล่ออกมาทุกท่อน และด้านหน้าและด้านหลังโยกค่อยสลับกระโดดตามจังหวะที่เพลงส่ง
แอบสัมผัสถึงความคลั่งไคล้ในระดับที่ไม่มีคั่งค้าง และอินเนอร์รุนแรงเกินวัดด้วยมาตราริกเตอร์ของเหล่าแฟนคลับ เราจึงต้องยอมรับว่า
สามหนุ่มโพลีแคทไม่ได้มีดีเพียงคีย์เสียงร้องสูงปรี๊ดทะลุชั้นโอโซนของนักร้องหนุ่มรอยยิ้มหวานเท่านั้น
พวกเขายังเหนือชั้นด้วยการเรียบเรียงเมโลดี้หวานลื่นให้ออกมาลื่นไหลฟังสบาย ฟังไม่ยากแต่จะให้เล่นตามก็ไม่ง่าย
และสามหนุ่มยังกล้าในการทดลองซาวด์ประหลาดหู จนสร้างฐานแฟนคลับไปไกลถึงแดนอาทิตย์อุทัย
แต่สิ่งที่พิสูจน์ความสำเร็จของพวกเขาบนถนนดนตรีได้ชัดเจนที่สุดคือ ผลงาน 2 อัลบั้มเต็ม กับ 3 EP. ย่อย ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นภาษาญี่ปุ่นทุกเพลง และการแสดงสดอีกนับไม่ถ้วนครั้ง
และเราก็ค้นพบอีกว่า เสน่ห์ที่ตราตรึงและมัดใจแฟนคลับของโพลีแคทให้อยู่หมัดอีกอย่างหนึ่งคือ บรรยากาศและความเป็นกันเองของพวกเขาต่อแฟนเพลง ซึ่งเปล่งความอบอุ่นออกมาชัดเจนตลอดระยะเวลาสามชั่วโมง
เราอยากเริ่มจากเรื่องเล่าก่อนเก่าของพวกเขา ก่อนหน้าที่พวกเขาจะโด่งดังเป็นพลุแตกด้วยอัลบั้ม 80 kisses ที่ปลุกซาวด์ป็อปแบบยุค 80s ขึ้นมา พร้อมชุบชีวิตฟุตเทจของหนังเรื่อง พริกขี้หนูกับหมูแฮม (2532) ฝีมือผู้กำกับ สมจริง ศรีสุภาพ มาประกอบเอ็มวี
ในเวลาที่พวกเขายังเรียกตัวเองว่าวง ‘Ska Rangers’
ในเวลาที่พวกเขาเป็นวงที่มีกันอยู่ 5 คน
นะ เพียว โต้ง ผาและดอย เล่นดนตรีกลางคืนอยู่ในเชียงใหม่กว่า 3 ปี เข้าร้านนี้ ออกร้านนู้น กระทั่งจับพลัดจับผลูได้เล่นประกอบฉากหนึ่งของหนังเรื่อง Hangover 2 ในบทเพลง I RAN ของวงนิวเวฟจากประเทศอังกฤษนาม A Flock of Seagulls
ด้วยมุ่งมั่นและแน่วแน่ในถนนดนตรี จึงตัดใจลาจากลมหนาวของเชียงใหม่ เข้ามาเสี่ยงโชคในเมืองหลวงที่ขึ้นชื่อเรื่องแดดร้อน ลมแล้ง และตึกสูงที่วุ่นวายด้วยแสงสี
หลับนอนร่วมชายคาเดียวกันในห้องเล็กแคบ แลกเปลี่ยน ถกเถียงรสนิยมทางศิลปะและดนตรี กินข้าวร่วมหม้อ ดื่มน้ำร่วมแก้ว และมีความฝันร่วมกัน
เพราะความมุ่งมั่นและเพียรพยายามไม่เคยทรยศใคร ฝีไม้ลายมือของโพลีแคทไปเข้าตาแมวมองค่ายสมอลล์รูมในปี 2554 เพลงอย่าง ‘ถ้าเธอคิดจะลืมเขา’, ‘เมื่อเธอมาส่ง’, ‘มิดชิด’ และ ‘ลา’ จากอัลบั้ม ‘05:57’ จึงได้เดินทางพบปะนักฟังเพลง และสร้างชื่อเสียงให้พวกเขาขึ้นมาได้บ้าง
แต่การเดินทางขับเคี่ยวบนถนนดนตรี อาจไม่ใช่คำตอบของชีวิตชายหนุ่มทั้งห้าคน ด้วยความจำเป็นทางครอบครัว ผาเดินทางกลับเชียงใหม่เพื่อสานต่อธุรกิจของครอบครัวให้เดินหน้าต่อ ดอยเดินทางกลับเชียงใหม่เช่นกัน เพื่อเริ่มต้นธุรกิจเสื้อกีฬาของตัวเอง รวมทั้งเริ่มชีวิตครอบครัวของตนเองเช่นกัน
แต่เส้นทางชีวิตที่แยกห่างกันออกไป ไม่ได้ลดทอนมิตรภาพที่เกิดขึ้นจากช่วงหนึ่งของชีวิตที่พวกเขามีร่วมกัน ผาและดอยขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของ Polycat ในฐานะแขกรับเชิญ หวนกลับสู่เส้นทางดนตรีชั่วขณะ
ผาโปรยนิ้วเรียวยาวไปตามแป้นคีย์ของเครื่องคีย์บอร์ด ขณะที่ดอยคอยสะบัดไม้กลองคุมจังหวะของทั้งวงราวมิดฟิลด์ตัวกลางมากชั้นเชิง พวกเขาทั้งห้าคนร่วมกันบรรเลงเพลงฮิตจากอัลบั้มแรกอย่าง ‘ถ้าเธอคิดจะลืมเขา’ ‘มิดชิด’ และ ‘ลา’
ชายหนุ่มทั้ง 5 คน กลับมาเล่นดนตรีร่วมกันอีกครั้ง แม้ต่างอาชีพการงาน แต่ความรู้สึกที่เหมือนเดิมยังคงล่องลอยร่วมกันในบทเพลง
คิดในใจตัวเอง บางทีนี่คงเป็นหนึ่งในที่มาของชื่อคอนเสิร์ต ‘I WANT YOU’
หลายคนอาจมองผ่าน แต่ส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ตที่ขาดไม่ได้ และเป็นส่วนสำคัญที่ติดตาตรึงใจเรามากครั้งนี้คือ แสงสีและภาพอาร์ตเวิร์กที่คอยเป็นพื้นหลังการแสดงตลอดสามชั่วโมง
ไล่เรียงตั้งแต่อาร์ตเวิร์กชุดแรกที่เป็นขบวนพาเหรดของรูปทรงเรขาคณิต วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ผลัดกันโผล่-หลบตามจังหวะของเพลง ชวนให้นึกถึงหน้าปกหนังสือ ความน่าจะเป็น ของปราบดา หยุ่น
ภาพก้อนเมฆสีชมพูคล้ายก้อนสายไหม ลอยเอื่อยๆ ชวนฝันหวาน ไปกับเนื้อเพลงที่ร้องว่า ‘ฉันไม่ต้องการใครอีก ดวงดาวทั้งฟ้าต้องเสียใจเลย ไม่มีสิ่งใดงดงามอีกแล้ว’
และถ้าชอบอัลบั้มแนว city pop ชุด 土曜日のテレビ(Doyobi No Terebi) ของพวกเขาแล้วล่ะก็ คงเพลิดเพลินไปกับอาร์ตเวิร์กรูปดอกไม้สีสันสดใสแบบญี่ปุ่นที่ผลัดกันร่วงโรยต่อเนื่องชวนให้นึกถึงความโรแมนติกอีกแบบของฤดูใบไม้ร่วง
นอกจากอาร์ตเวิร์กเคลิ้มอารมณ์แล้ว ฝ่ายไลท์ติ้งเองก็โชว์ศักยภาพแพรวพราวออกมาไม่แพ้กัน
แสงหลากสีไม่ว่าน้ำเงินเข้ม ฟ้าน้ำทะเล ม่วงเม็ดมะปราง ส้มยามเย็น แม้กระทั่งแดงของเปลวเพลิง ผลัดกันฉาย ผลัดกันหยุด เริงระบำอย่างซุกซนหากถูกจังหวะจะโคน ขับความสวยงามของอาร์ตเวิร์กและโชว์บนเวทีให้แจ่มชัดขึ้นอย่างเงียบๆ ราวกับทูตสวรรค์ที่คอยคุ้มครองโชว์ครั้งนี้
ตลอดสามชั่วโมงเราจึงได้แต่รำพึงกับตัวเองคนเดียวว่า “มันดีที่สุดเลยเว้ยแก”
และนี่คงเป็นอีกหนึ่งในที่มาของชื่อคอนเสิร์ต I WANT YOU ที่ควรมอบให้แก่ทีมเบื้องหลัง
แสงบนเวทีหรี่วูบลง เหลือไว้เพียงเงาทึมทึบของคอรัสและแบคอัพด้านหลัง ความเงียบโรยตัวอึมครึม ทันใดนั้น สปอร์ตไลท์สามัคคีฉายแสงรวมกันไปที่จุดเดียว ณ ตรงนั้นที่ชายหนุ่มร่างใหญ่ยืนอยู่ ไม่นานเกินอึดใจ เขาร่ายมนต์สะกดทุกคนผ่านลำคอเรียวเล็กของแซกโซโฟน
ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ทุกอย่าง ‘พอดี’ คือคำนิยามของเราต่อแซกโซโฟนเดี่ยวของเพียว
โต้งเองก็ไม่น้อยหน้า เมื่อขึ้นมาโชว์สำเนียงร้องและโซโล่กีตาร์ ด้วยการงัดเพลงป็อปจากยุค 90s อย่าง ‘ขอคืน’ ของวงบอยสเก๊าท์ขึ้นมาเล่นใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะว่าไปโต้งเองก็คล้ายกับวัยรุ่นที่หลุดมาจากยุค 90s อยู่ไม่น้อย และอันที่จริงตัวเราเองก็เกิดไม่ทันสามหนุ่มบอยแบนด์วงนี้เท่าไร แต่เมื่อเมื่อได้ฟังโต้งร้องในท่อน ‘กำลังใจ อาจจะสร้างใหม่ ไม่นานมัน คงจะกลับมา’ เพลงนี้ กลับติดหูเราอย่างน่าประหลาด
ต่อจากเพียวและโต้งก็เป็นคิวของ นะ ที่ขึ้นมาโชว์สเต็ปเท้าไฟสะกดให้ผู้ชมยิ้มไม่หุบไปกับลีลาโยกย้ายและเอวที่พริ้วไหว ดูเพลินไม่แพ้นักเต้นมืออาชีพ
โชว์ที่เราชอบมากๆ อีกชุดหนึ่งคือ ‘อาวรณ์’ ที่นะนำมาเรียบเรียงและร้องใหม่แบบ Gospel ร่วมกับวงร้องประสานเสียงหญิงชาย โดยให้จังหวะด้วยการกระแทกเท้าสลับปรบมือ ละมุนจนทำเราโยกเบาๆ ไปตามจังหวะเพลงได้อยู่เรื่อยๆ
“Baby I Want You” เสียงสุดท้ายถูกเปล่งออกมาแทนคำลาจากระหว่างผู้แสดงกับผู้ชม กระดาษอ่อนสีขาวร่วงโรยจากเพดานของฮอลล์แทนน้ำตาของการจากลา ไฟทั้งฮอลล์สว่างพรึบขึ้นผู้คนเดินออก ทิ้งภาพเวทีและความประทับใจไว้เบื้องหลัง
แม้ตลอดระยะเวลาสามชั่วโมงอาจจะมีช่วงที่ติดขัดอยู่บ้าง เช่น เบสจม กลองตีดัง หรือเสียงไม่กลม แต่ด้วยความสัตย์จริงของผู้ชมคนหนึ่ง ขอส่งคำขอบคุณกลับไปยังโพลีแคทและทีมงานทุกฝ่ายว่า “I WANT (TO SEE) YOU (AGAIN)”
Fact Box
- โพลีแคท (Polycat) จัดคอนเสิร์ตใหญ่ ‘LEO Present Poloycat I Want You Concert’ ขึ้นที่ธันเดอร์ โดม เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม และ 1 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา
- ปัจจุบันมีผลงานเพลงเป็นอัลบั้มและ EP ทั้งหมด ได้แก่ 05:57 (อัลบั้ม, 2554) 80 Kisses (อัลบั้ม, 2559 The Ordinary Love Story (EP, 2558) The Ordinary Love Story: Fungjai Exclusive Version (EP, 2559) และ 土曜日のテレビ(Doyobi No Terebi) (EP, 2560)