ในโลกปัจจุบันที่ธุรกิจ ‘คาเฟ่’ หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกัน ดังนั้นหากใครที่ต้องการความแตกต่าง Paengrum’s BOOK & CAFE’ อาจเป็นคำตอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะสำหรับผู้คนที่ชื่นชอบการหวนรำลึกวันวาน และตามรอยความทรงจำในอดีต
เพราะด้วยการเป็นคาเฟ่ขวัญใจเด็กยุค 90s ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยเซ็ตอาหารเช้าที่เปิดขายทุกเวลา หรือของสะสมหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นโมเดลรถเหล็ก Matchbox ป้ายโฆษณาหรือใบปิดภาพยนตร์เก่าแก่และหายาก จนถึงวิทยุและตู้เพลงเล่นอันแสน ‘เก๋ากึ๊ก’ ที่ใครหลายคนเกิดไม่ทัน
อีกทั้งยังเปรียบเสมือนจุดผ่อนคลายสำหรับหนอนหนังสือตัวยง เพราะคาเฟ่แห่งนี้ยังเป็น ‘ร้านหนังสือมือสอง’ ที่เต็มไปด้วยหนังสือและเอกสารหายากมากมาย ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ตั้งแต่หนังสือนิทานสำหรับเด็ก หนังสือการ์ตูน หนังสือภาพ แบบเรียน วรรณกรรม จนถึงเอกสารทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญระดับประเทศ
“บางครั้งเราซื้อหนังสือมาเพราะภาพสวย เนื้อหาดี หรือแม้แต่หนังสือเก่ามาก เราก็ซื้อกลับมา เพราะรู้สึกสงสารหนังสือ กลัวว่าถ้าวางที่ไว้จะไม่มีคนเห็นค่า และจะโดนเอาไปทิ้งต่อไปอีก เราก็เลยมองว่า ถ้าเอามาไว้ที่นี่ก็อาจจะมีคนเห็นคุณค่า”
เหล่านี้คือเหตุผลที่ แป้งร่ำ-ภานุชนาถ สังข์ฆะ เจ้าของคาเฟ่สะสมของวินเทจ และร้านขายหนังสือมือสองแห่งย่านนางเลิ้ง เลือกที่จะริเริ่มธุรกิจของเธอตั้งแต่ 10 ปีก่อน จนมาสู่การเปิดหน้าร้านอย่างเป็นทางการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
1
สิ่งของในร้าน Paengrum’s BOOK & CAFE’ เป็นมากกว่าของสะสมที่รอคอยให้แค่เชยชมผ่านตา เพราะทุกสิ่งล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ที่ผ่านการบ่มเพาะจากความชื่นชอบและความหลงใหลของภานุชนาถตั้งแต่วัยเยาว์
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากชีวิตหนอนหนังสือของเธอที่เติบโตมาพร้อมกับกองหนังสือมากมายของคุณตา โดยเฉพาะหนังสือประวัติศาสตร์ที่มีความหนาราวกับพจนานุกรมขนาดใหญ่ ขณะที่กิจกรรมคุ้นชินหลังเลิกเรียนทุกเย็น คือการเดินตามล่าหนังสือในแผงลอยบริเวณท่าพระจันทร์ สนามหลวง ทอดยาวไปจนถึงบริเวณท่าเตียน
แม้กาลเวลาจะผ่านไปจนถึงจุดพลิกผันครั้งสำคัญ หลังภานุชนาถชนะรางวัลชมเชยการเขียนเรื่องสั้นของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จนตัดสินใจออกจากงานประจำ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะนักเขียน โดยระหว่างนั้นเธอขายหนังสือเก่าที่มีอยู่เป็นงานเสริม เพื่อหาเงินทุนเลี้ยงชีพไปก่อน แต่ปรากฏว่ากิจการชั่วคราวไปได้สวยกว่าที่คิด จนรู้สึกสนุกและมีความสุขกับอาชีพนี้มากกว่า สุดท้ายจึงตัดสินใจเปิดร้านหนังสือมือสองออนไลน์ตั้งแต่ 10 ปีก่อนหน้า
กระทั่งถึงจุดหนึ่ง ความปรารถนาของภานุชนาถเริ่มโตตามเวลาที่ผ่านไป เธอต้องการขยับขยายให้ธุรกิจร้านหนังสือออนไลน์ มีพื้นที่รองรับการมาเยือนของลูกค้า โดยขณะนั้นประจวบเหมาะกับการได้โอกาสเช่าพื้นที่จากสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในย่านนางเลิ้งพอดิบพอดี
Paengrum’s BOOK & CAFE’ จึงถือกำเนิดขึ้นมาในปี 2566 โดยชื่อของร้านมีที่มาจากชื่อเล่นของภานุชนาถคือ ‘แป้งร่ำ’ ขณะที่ของสะสมในร้านส่วนหนึ่งมาจากงานอดิเรกของแฟนหนุ่ม ที่ชื่นชอบการเก็บโมเดลของเล่น โปสเตอร์เก่าแก่ ใบปิดโปสเตอร์หนัง จนถึงสิ่งของที่เป็นดังหลักฐานชิ้นสำคัญทางประวัติศาสตร์
ไม่ว่าจะเป็นป้ายปราศรัยครั้งใหญ่ของพรรคกิจสังคมภายใต้ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช, สมุดแถลงนโยบายของจอมพล ป.พิบูลสงคราม จนถึงป้ายโฆษณาชวนเชื่อ ‘ต้านภัยคอมมิวนิสต์’ ในยุคสงครามเย็น
รวมถึงของสะสมระดับแรร์ (Rare) ส่วนหนึ่งที่เธอยังหาไม่เจอ เช่น รูปภาพคลองมหานาคสมัยอดีต หรือรูปการแข่งเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาระหว่างฝั่งพระนครกับฝั่งธนฯ โดยเจ้าหน้าที่เทศบาล ซึ่งเจ้าของร้านหนังสือมือสองถึงกับออกปากว่าเสียดาย เพราะถือเป็นห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก
2
โลกของหนังสือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ไร้กาลเวลา ไม่จำกัดความชอบ เพศ วัย และเชื้อชาติ
นี่คือบทเรียนอันแสนล้ำค่าที่ได้รับจากการมาเยือนร้านหนังสือมือสองแห่งย่านนางเลิ้ง ทันทีเมื่อที่ภานุชนาถเปิด ‘คลังแสง’ กองหนังสือสะสมของเธอ ทำให้ผู้เขียนถึงกับรู้สึกเพลิดเพลินกับที่มาที่ไปของหนังสือแต่ละเล่ม ราวกับกลับไปเป็นเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่อีกครั้ง
เริ่มจากของสะสมวรรณกรรมเยาวชนสุดคลาสสิกอย่างเจ้าชายน้อย (The Little Prince) ของ อ็องตวน เดอ แซ็งแตกซูว์เปรี (Antoine de Saint-Exupéry) ที่มีหน้าปกหลายเวอร์ชัน ซ้ำยังมีเวอร์ชันภาษาต่างประเทศอย่างญี่ปุ่นและเมียนมา โดยเจ้าของร้านเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้เราฟังว่า เจ้าชายน้อยฉบับเมียนมามีที่มาที่ไปอย่างน่าสนใจ
“คือเรื่องเกิดขึ้นในช่วงที่เราเปิดร้านปีแรก มีลูกค้าคนหนึ่งเห็นคอลเลกชันเจ้าชายน้อย เขาเลยบอกว่า มีภาษาพม่า และเดี๋ยวจะนำมามอบให้ ซึ่งเขาก็ทำตามสัญญาที่รับปากเอาไว้จริงๆ เอามาให้โดยไม่คิดเงิน แต่เขาไม่กลับมาอีกเลย เราไม่เจอพี่เขาเลย จริงๆ ก็อยากเจอกันอีกนะ (หัวเราะ)”
ภานุชนาถเล่าก่อนจะให้เราดูหนังสือนิทานชุดกระต่ายน้อยปีเตอร์ (Peter Rabbit) โดย เบียทริกซ์ พอตเตอร์ (Beatrix Potter), หนังสือภาพ, หนังสือนิทาน, หนังสือปกสวย หรือชื่อเฉพาะของหนังสือรูปวาดสมัยก่อน, หนังสือผีของ เหม เวชกร บรมครูเรื่องสยองขวัญของชาวไทย
รวมถึงไฮไลต์สำคัญที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับ (อดีต) เด็กผู้หญิงอย่าง ‘หนังสือบ้านตุ๊กตา’ สมัยวิกตอเรียน (Victorian) ออกมา ซึ่งให้นัยสำคัญกับเราว่า การซื้อหนังสือไม่จำเป็นต้องเลือกเพราะเหตุผลทางด้านเนื้อหาเสมอไป
เมื่อถามต่อว่า มีหนังสือที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้อ่านในฐานะเจ้าของร้านไหม เธอค่อยๆ เปิดตู้และหยิบเขาชื่อกานต์ หนังสือวรรณกรรมไทย โดย สุวรรณี สุคนธา ก่อนจะเล่าให้เราฟังว่า นอกจากปีศาจ ของ เสนีย์ เสาวพงศ์ นี่คือหนังสือเล่มโปรดของเธอ ที่แม้จะเก่าแก่ แต่ยังสะท้อนสังคมไทยในปัจจุบันอยู่เสมอ
“เนื้อเรื่องในนิยายยังสะท้อนถึงสังคมไทยในปัจจุบันอย่างประเด็นคอร์รัปชันของข้าราชการ การโกงกิน และความทุกข์ยากของชาวบ้าน เช่นในตอนหนึ่งของหนังสือ มีฉากที่สรุปได้ว่า พ่อของเด็กคนหนึ่งที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน เอาสำลีจากหมอกานต์ (พระเอกในเรื่อง) มาปุเบาะรถยนต์”
ภานุชนาถเสริมต่อว่า ปกติแล้วเธอชอบอ่านวรรณกรรมไทยแนวสะท้อนสังคม แต่หากเป็นหนังสือในหมวดประวัติศาสตร์ เธอชอบอ่านสิ้นแสงฉาน โดย อิงเง่ ซาร์เจนท์ (Inge Sargent)
ขณะที่หากพูดถึงในมุมลูกค้าทั่วไป หลายคนที่เข้ามาในร้านนี้มักถามหาวรรณกรรมต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เช่น เจ้าชายน้อย หรือโมโม่ (Momo) โดย มิคาเอล เอ็นเด (Michael Ende) หรือในหมวดของการเมืองหรือประวัติศาสตร์ ก็มักจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ 2475 เสมอ ซึ่งขณะนี้มีหนังสือที่เข้ามาใหม่คือ บันทึกลับของพระยาทรงสุรเดช
เจ้าของร้านหนังสือมือสองยังเล่าอย่างติดตลกต่อว่า เคยมีกรณีลูกค้าถามหนังสือที่ค่อนข้างแปลก ด้วยประโยคว่า “มีหนังสือที่นางเอกเดินลงไปหาจระเข้ไหม” ซึ่งท้ายที่สุดเธอก็ค้นพบว่า หนังสือเล่มดังกล่าวคือ จำปูน ผลงานเรื่องสั้นของ เทพ มหาเปารยะ
3
นอกจากหนังสือและของสะสมสุดคลาสสิก Paengrum’s BOOK & CAFE’ ยังมีลูกเล่นต้อนรับผู้มาเยือนด้วยอาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย โดยเมนูซิกเนเจอร์ที่ห้ามพลาดคือ เซตอาหารเช้าที่เปิดขายทั้งวัน ซึ่งประกอบด้วย ไข่กวน/ ไข่ดาว (ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) ไส้กรอก แฮม และขนมปังปิ้ง รวมถึงเซต ‘สภากาแฟ’ ที่หลายคนคุ้นเคย ได้แก่ ไข่ลวก ขนมปังปิ้ง กาแฟ และน้ำชามะลิ
นอกจากนี้เจ้าของร้านคาเฟ่แห่งนี้ยังหมายเหตุไว้ว่า ทางร้านมีเมนูพิเศษอื่นๆ เช่น สตูว์ซี่โครงหมูที่ขายดีเป็นพิเศษ ขนมปังสังขยา และอาหารตามสั่งจานเดียว หากแต่ขอให้ทุกคนแจ้งให้ร้านทราบประมาณ 2 วันล่วงหน้าก่อน เนื่องจากเธอต้องดูแลร้านทั้งหมดคนเดียว รวมถึงกิจการร้านหนังสือมือสองในโลกออนไลน์ด้วย
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ทุกคนที่มาเยือนคาเฟ่แห่งนี้จะไม่ได้กลับบ้านด้วยมือเปล่า หากสั่งอาหารหรือซื้อของในร้านครบ 150 บาท ทางร้านมีของเล่นถูกใจวัยรุ่นยุค 90s อย่าง ‘โหลหมุนไข่’ ที่ให้ทุกคนหมุนลุ้นคูปองส่วนลด เมื่อมาร้านครั้งต่อไป รวมถึงของเล่นน่ารักเช่นแหวนพลาสติกอีกด้วย
“ความคิดตรงนี้เกิดจากที่ว่า เราชอบหมุนโหลหมุนไข่ ก็เลยคิดว่า ถ้าเก็บไว้หมุนคนเดียวก็ไม่สนุก ก็ควรจะแบ่งให้คนอื่นเล่นด้วยเหมือนกัน” ภานุชนาถเล่าที่มาที่ไปของของเล่นสุดน่ารัก
4
ภาพของผู้คนใกล้เคียงที่เดินเข้าออก ซื้อของ และทักทายด้วยท่าทางเป็นมิตรกับเจ้าของคาเฟ่แห่งนี้ระหว่างการพูดคุย ยิ่งทำให้สัมผัสได้ว่า Paengrum’s BOOK & CAFE’ ไม่ใช่แค่ร้านหนังสือมือสองปกติ หรือคาเฟ่ที่เปิดรับแค่เฉพาะลูกค้าขาจร หรือชาวต่างชาติทั่วทุกมุมโลก
ทว่าที่แห่งนี้ยังเป็น ‘ส่วนหนึ่ง’ ของชุมชนนางเลิ้งที่มีมาเนิ่นนาน ซึ่งภานุชนาถออกปากกับ The Momentum เองว่า เธอคือ ‘คนนางเลิ้ง’ คนหนึ่ง แม้จะอยู่ที่นี่เพียง 2 ปี หากเทียบกับใครหลายคนที่อยู่มานานก็ตาม
“มีน้องๆ ในบริษัทหนึ่ง คือเวลามีการจัดกิจกรรมชุมชน เขาก็จะมาและเรียกเราไปช่วย เราได้อยู่ในแผนที่เวลาเขาจัดกิจกรรม ซึ่งรู้สึกโอเคนะ เขาไม่ได้มองว่าเราเป็นคนนอกชุมชน เขารู้สึกว่าเราต้องไปด้วยกัน ช่วยเหลือกัน”
ภานุชนาถแสดงความคิดเห็นต่อว่า ความเป็นนางเลิ้งไม่ได้มีความหมายในแง่ของชุมชนหรือศิลปวัฒนธรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงร้านค้าบริเวณโดยรอบด้วย ขณะที่ร้านของเธอไม่ได้ผูกมัดความทรงจำไว้ที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ทุกอย่างในร้านเป็นภาพจำของคนทั่วโลกร่วมกัน
“ร้านนี้คือความทรงจำของทุกคนที่มา เพราะเราเคยเจอนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน เขามีอายุ พอเห็นโต๊ะเรียนไม้ของร้านก็นึกถึงสมัยที่เด็กๆ ที่บ้านที่เยอรมัน และก็มีกล้องส่องดูภาพของเยอรมัน เขาบอกว่าคิดถึงภาพเด็กๆ สมัยก่อน” เธอย้ำก่อนจะเล่าว่า มีลูกค้าต่างชาติหลายคนที่แวะเวียนมาเยือนถึง 5 ครั้ง หรือหลายคนก็ตามมาจากคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมชาติด้วยกันเอง
แม้จะนึกสงสัยว่า อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าหลายคนกลับมาเยือนคาเฟ่แห่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าในท้ายที่สุด เราก็ได้คำตอบเมื่อการสัมภาษณ์สิ้นสุดลง หลังมีโอกาสพูดคุยกับเธอต่ออย่างถูกปากถูกคอ ก่อนจะจากกันในช่วงแดดยามบ่ายเริ่มอ่อนแรงลง พร้อมกับ ‘ของขวัญที่ระลึก’ จากเจ้าของคาเฟ่แห่งนี้ คือ ผีเสื้อและดอกไม้ ของ นิพพาน สำหรับผู้เขียน และท่องแดนเจดีย์ไพรในพุกามประเทศ โดย ธีรภาพ โลหิตกุล สำหรับช่างภาพของ The Momentum ที่มาจากการพูดคุยเนื้อหาในหนังสือ สิ้นแสงฉาน
นอกจากความประทับใจที่คลายความสงสัยดังกล่าว คำตอบเพิ่มเติมผู้เขียนที่ได้รับคือ ตนเองอาจจะต้องกลับมาอีกหลายๆ ครั้ง เหมือนชาวต่างชาติคนนั้นก็เป็นได้
Fact Box
- Paengrum’s BOOK & CAFE’ ตั้งอยู่ในย่านนางเลิ้ง ระหว่างไปรษณีย์หลานหลวง กับสี่แยกถนนจักรพรรดิพงษ์และถนนนครสวรรค์ https://maps.app.goo.gl/iyKtkuW6MxbqE7wCA
- ร้านเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9.30-18.00 น. โดยสามารถติดต่อได้ผ่านเบอร์โทรศัพท์ 08-2498-9883 หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ Paengrum’s BOOK & CAFE’ และหากต้องการสั่งเมนูพิเศษ ต้องโทรจองร้านล่วงหน้าก่อน 2 วัน
- ปกติแล้ว Paengrum’s BOOK & CAFE’ มีพนักงาน ‘พิเศษ’ ที่คอยต้อนรับทุกคน นั่นก็คือ ‘แมว’ ประจำร้าน ทว่าอาจจะพบเจอได้ยาก เนื่องจากเจ้าตัวน้อยชอบหลบไปวิ่งเล่นบริเวณรอบๆ ชุมชน