เมื่อพูดถึงนานะ โคมัตสึ ภาพแรกที่คุณนึกถึงเธอจะเป็นภาพไหน โปสเตอร์ภาพยนตร์ที่ใส่ชุดนักเรียน สีหน้าเรียบนิ่งเวลาถ่ายแบบ รอยยิ้มกว้างที่มอบพลังของความสดใส สำหรับเราไม่ว่าจะลุคไหนๆ สิ่งที่ทำให้เธออยู่ในความทรงจำก็คือหน้าม้า ผมหน้าที่ปรกลงมาพอดีกับคิ้ว ซึ่งช่วยขับให้นานะดูเด็กอยู่เสมอ

ปัจจุบัน นานะ อายุ 24 ปี เธอเริ่มต้นอาชีพนางแบบเมื่ออายุ 12 ปี แล้วค่อยๆ เดินทางเข้ามาสู่การแสดง ซึ่งหลายคนจดจำเธอได้จาก The World of Kanako และนับแต่นั้นเป็นต้นมา นานะก็มีผลงานออกมาทุกๆ ปี จากเด็กที่เคยขี้อายและขาดความมั่นใจ เธอแทบไม่เชื่อว่าตัวเองจะมาอยู่ตรงนี้ได้ แต่เมื่อมีโอกาสเธอก็ทำเต็มที่ที่จะคว้ามันไว้ แทนที่จะมานั่งเสียใจในภายหลัง เธอเลือกที่จะทำมันอย่างเต็มที่มากกว่า ซึ่งในอนาคตนานะก็หวังว่าจะได้ทำงานที่หลากหลายมากขึ้น และไปปรากฎตัวในภาพยนตร์ต่างประเทศ ส่วนตอนนี้ที่เราทำได้ก็คือหวนกลับไปดูผลงานและพัฒนาการของเธอ เพื่อรอให้เธอปรากฎตัวอีกครั้งในภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่ง

The World of Kanako (2014)

“ถ้าคุณต้องการเติบโตในฐานะผู้กำกับ สิ่งที่คุณต้องทำคือท้าทายตัวเอง ดังนั้น คุณต้องตั้งใจใส่บางสิ่งที่คุณพบว่ายากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะทำในภาพยนตร์ เพื่อให้คุณต้องลงมือทำมันจริงๆ จากนั้นคุณจะพบหนทางรอบข้างเพื่อทำให้มันเป็นจริง และนั้นก็คือการทำให้ตัวเองเติบโต” เท็ตสึยะ นากาชิมะ ได้เคยกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ชิ้นหนึ่ง หลังจากภาพยนตร์ The World of Kanako ถูกปล่อยไปแล้วหนึ่งปี

The World of Kanako ดัดแปลงมาจากนิยายสืบสวนสอบสวนของอะคิโอะ ฟุคะมาจิ ความท้าทายหลักในการกำกับภาพยนตร์คราวนี้คือการเฟ้นหานักแสดง มันอาจไม่ใช่เรื่องยากในการคัดเลือกคน แต่เกี่ยวกับบทที่พวกเขาได้รับต่างหาก โชคดีที่นักแสดงทุกคนที่เท็ตสึยะต้องการตอบรับบทกันหมด

อากิคาสุ ฟูจิชิมะ อดีตตำรวจที่ชีวิตหยำเปไปเรื่อย ทั้งตกงาน ติดเหล้า และเมียทิ้ง เรียกว่าล้มเหลวในทุกหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ หลังจากใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาเนิ่นนาน วันหนึ่งเขาก็ได้รับข่าวว่า คานาโกะ ลูกสาวหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ แน่นอนนี่คือข่าวร้าย แต่ในข่าวร้ายนี้เขาก็ยังมีความหวังว่าถ้าหากพบตัวลูกสาว เขาจะแก้ไขอดีตที่เคยผิดพลาด แล้วสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้นใหม่

ฟูจิชิมะ แทบไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับลูกเลย ครั้นจะถามเอาจากเมียเก่าก็ไม่ได้ความ เพราะเธอเองก็ไม่เคยสนใจลูกสาว สิ่งเดียวที่ฟูจิชิมะพอจะทำได้ก็คือพยายามรวบรวมข้อมูลจากคนรอบๆ ตัวคานาโกะ นั่นแหละเป็นตอนที่ความดำมืดยื่นมือออกมา เรื่องราวรายล้อมคานาโกะมีแต่สิ่งที่ไม่น่าไว้วางใจ ไม่ว่าจะยาเสพติด การทำร้ายร่างกาย การฆ่าตัวตาย และยากูซ่า ฟูจิชิมะนึกไม่ออกเลยว่าทำไมลูกสาวถึงไปเกี่ยวข้องกับอะไรเหล่านี้ ทั้งๆ ที่คำตอบนั้นติดอยู่ที่ปลายตาเขานั่นเอง… สายสัมพันธ์ของครอบครัวที่ขาดผึงเป็นมากกว่าแค่เส้นด้ายทั่วๆ ไป และนี่คงเป็นผลจากการตัดขาดออกจากัน

My Tomorrow, Your Yesterday (2016)

My Tomorrow, Your Yesterday ดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีที่ทำยอดขายมากกว่า 1 ล้านเล่นในญี่ปุ่น ผ่านฝีมือผู้กำกับ ทากาฮิโร มิกิ ซึ่งหลายคนอาจคุ้นเคยเขามาจาก Solanin (2010) สำหรับคนที่จะมาถ่ายทอดบทบาทนำในเรื่องนี้คู่กับนานะ ได้แก่ โซตะ ฟุคุชิ หนุ่มหน้าหวานที่เริ่มเข้าวงการบันเทิงจากบทนักแสดงสมทบ ก่อนจะฉายความสามารถขึ้นเรื่อยๆ จนคว้าบทหลักมาไว้ในมือ ผลงานก่อนๆ ของเขาจะออกแนวสดใสวัยรุ่นๆ แต่มาถึงการแสดงเรื่องนี้เขาจะได้แสดงความอ่อนไหวและโชว์ความสามารถในเส้นทางของตัวเองอีกขั้น

ภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องราวของคนสองคนที่ตกหลุมรักกันบนขบวนรถไฟ ทาคาโตชิ นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะหลงรัก เอมิ ตั้งแต่แรกเห็น เขาพยายามรวบรวมความกล้าเข้าไปหาเธอ จนได้มีโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์ โดยตกลงว่าจะเดทกันเป็นเวลา 30 วัน สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือเอมิมักจะทำนายสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้เสมอ และเมื่อใดก็ตามที่ทาคาโตชิหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้ เธอนั้นทั้งสุขและเศร้าไปในคราวเดียวกัน

หลังจากช่วงเวลาวูบนั้นได้ผ่านไป ความจริงที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็ถูกเฉลย ต่อให้รักกันมากแค่ไหน ความรักของพวกเขาก็ไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้ เพราะเอมิอาศัยอยู่ในโลกคู่ขนานอีกใบ ซึ่งเวลาของเธอนั้นสวนกับเขา ขณะที่เวลาของทาคาโตชิเดินไปข้างหน้า แต่เวลาของเอมิดันถอยหลัง และพวกเขาจะมีโอกาสได้พบกันในทุกๆ 5 ปี ด้วยระยะเวลา 1 เดือน ถ้าเขาอายุมากขึ้นก็เท่ากับอายุเธอที่น้อยลง แต่อย่างไรพวกเขาก็มองว่ามันคุ้มค่าที่จะเสี่ยง ต่อให้เส้นทางของทั้งสองจะไม่มีวันบรรจบกันอย่างสนิทก็ตามที

Drowning Love (2016)

Drowning Love มีพื้นฐานมาจากมังงะเรื่อง Oboreru Knife ที่ตีพิมพ์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2004 ถึง ธันวาคม 2013 ในนิตยสาร Bessatsu Friend นำแสดงโดยนานะ และสุดะ มาซากิ หนุ่มที่แจ้งเกิดด้วยผลงานคาเมนไรเดอร์ปี 2009 และมักได้รับบทบาทหลากหลายอยู่เสมอ ซึ่งหลังจากได้ทำงานกับนานะในเรื่องนี้แล้ว ในปี 2020 ทั้งคู่ก็ยังได้วนกลับมาทำงานด้วยกันอีกในภาพยนตร์ Ito ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงของมิยูกิ นากาจิมา

นัตสึเมะ โมจิสึกิ เด็กสาวที่ต้องย้ายจากโตเกียวมายังเมืองเล็กๆ อันไร้ซึ่งสีสัน เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามครอบครัวมา ทั้งการงานวงการนางแบบ ความศิวิไลซ์ และเพื่อนๆ ที่เคยคบหา ตอนที่มาถึงช่วงแรกๆ นัตสึเมะทนไม่ได้เลยกับความเปลี่ยนแปลง ในวันหนึ่งขณะเธอเดินไปรอบๆ บริเวณชายฝั่ง เธอก็พลัดเข้าไปยังบริเวณต้องห้าม แต่ที่นั่นไม่ได้ปราศจากคนอย่างที่คิด เพราะมี โค เด็กหนุ่มใบหน้าเศร้าอยู่ก่อนแล้ว

โค เป็นทายาทผู้มีอิทธิพลในแถบนี้ เขาค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น และมีความไม่มั่นคงทางอารมณ์บางอย่าง ในทีแรกทั้งสองไม่ได้ญาติดีต่อกันเท่าไรนัก เนื่องจากเหตุผลและความขัดแย้งทางอารมณ์ภายในใจ แต่ชะตาความรักอันเจ็บปวดก็ถูกขีดเส้นไว้แล้ว โคและนัตสึเมะต่างมองเห็นแสงสว่างในตัวอีกฝ่าย พวกเขามีความรัก มีสิ่งที่อยากปกป้อง มีความใฝ่ฝัน แต่ใครจะรู้เล่าว่าสิ่งที่พวกเขามีนั้นยากเกินกว่าจะดูแล ถึงจะพยายามทุ่มเทแล้วก็เถอะ

เหตุการณ์ที่ทั้งสองต้องแบกรับนั้นร้าวรานเกินไป ในที่สุดการผลักไสกันจึงดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ฉุดรั้งใครคนใดคนหนึ่งไว้ ทุกก้าวเดินนับแต่นี้ต่อไป โคและนัตสึเมะจึงทำได้เพียงเฝ้ามองในที่ๆ ไกลกัน และส่งความหวังดีไปให้เสมอ

After the Rain (2018)

ต้นฉบับของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากมังงะ Koi wa ameagari no you ni ของมายุซุกิ จุน ผลงานซึ่งถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2014 ลงนิตยสารรายเดือน Monthly Big Comic Spirits และช่วงต้นปี 2018 ฉบับอนิเมะก็ได้ฤกษ์ออกอากาศ ส่วนภาพยนตร์คนแสดงนั้นมีการถ่ายทำตั้งแต่ช่วงปลายปี 2017 และเข้าฉายจริงในเดือนพฤษภาคม 2018

After the Rain เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักต่างวัย บวกกับความฝันต่างเส้นทาง ชีวิตของ อากิระ ทาจิบานะ เด็กสาวชั้นมัธยมปลายมีอันต้องเปลี่ยนไปหลังจากประสบอุบัติเหตุระหว่างซ้อมกีฬา เธอเป็นอดีตเอสของชมรมกรีฑา ซึ่งการวิ่งแทบจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่เมื่อขาทั้งสองข้างไม่เป็นดั่งใจ เธอจึงตกลงสู่ห้วงแห่งความผิดหวังและหันหลังให้มันไป

ในทางเดียวกัน มาซามิ คนโด ผู้จัดการร้านวัย 45 ปี ก็เป็นอีกคนที่ละทิ้งความฝันของตัวเองเช่นกัน มาซามิกำลังตกอยู่ในวิกฤตวัยกลางคน เขาหย่าร้างกับภรรยา และปล่อยวางสิ่งที่เคยหลงใหลให้หล่นหายไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง การพบกันของทั้งสองเกิดขึ้นท่ามกลางสายฝน ในฤดูที่หากต้นรักไม่งอกงามก็คงตายลง ทั้งนี้ก็อยู่ที่ว่ามันจะงอกงามในแบบไหนด้วย

แม้ว่าพล็อตเรื่องจะถูกนำด้วยคำว่ารักต่างวัย แต่ความรักของพวกเขาไม่ได้หยุดอยู่ที่การได้ครองคู่ ความรักเป็นสิ่งที่ผลักดันและช่วยให้ทั้งสองได้พบบางอย่างที่เคยลืมไป บางอย่างที่ควรค่าแก่การต่อสู้มากกว่าจะปล่อยผ่าน ถึงจะใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหาคำตอบให้ตัวเองได้ แต่แค่พบคำตอบ นั่นก็ถือว่ามีความหมายมากพอแล้ว…

Farewell Song (2019)

Farewell Song ภาพยนตร์ที่นำพาด้วยเสียงเพลง และอำลาด้วยเสียงเพลง จนส่งให้ผลงานเพลงชิ้นนี้ที่โคมัตสึ นานะ และคาโดวากิ มุกิ ได้ร้องเล่นด้วยกันฮิตจนขึ้นอันดับสองของชาร์ตได้ทันที ซึ่งเพลงที่ว่าคือเพลง Sayonara Kuchibiru แต่งโดยสองนักร้องนักแต่งเพลงชื่อดัง ฮาตะ โมโตฮิโระ และไอมยอน

บทเพลงของเรื่องราวนี้เปิดตัวในฤดูร้อนปี 2018 วงดนตรีฮารุเลโอกำลังออกเดินทางสำหรับทัวร์อำลา บรรยากาศที่ปกคลุมช่างน่าอึดอัด เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดพลาดในความสัมพันธ์ของพวกเขา ซึ่งประกอบไปด้วย ฮารุ นักแต่งเพลงพูดน้อยที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก เลโอ นักดนตรีที่ก่อตั้งวงด้วยกันมา เป็นคนตรงๆ แต่บางครั้งก็แสดงออกไม่ตรงกับใจเท่าไร และ ชิมะ ตัวแปรความสัมพันธ์ที่เป็นทั้งกาวใจไปพร้อมๆ กับกรรไกร

ฮารุกับเลโอ เป็นสองคนที่จับมือกันฟอร์มวงดนตรีอินดี้ตั้งแต่แรกเริ่ม จากจุดเล็กๆ ที่ไม่เคยมีใครสนใจ ทั้งคู่ก็ค่อยๆ โด่งดังขึ้นมา แต่วงจะไม่มีทางแพร่หลายได้มากไปกว่านี้หากไม่มีการทัวร์แสดงคอนเสิร์ต พวกเธอจึงร่วมมือร่วมใจกันก้าวตามเส้นทางนักดนตรี จนมาพบกับ ชิมะ อดีตโอสต์ที่ผันตัวมาขอเป็นผู้ช่วยวง จากสองจึงกลายเป็นสาม จากความหนักแน่นจึงกลายเป็นความอ่อนไหว จากการเดินทางบนถนนจึงกลายเป็นการเดินทางของหัวใจ

เรื่องรักสามเส้าก่อเกิดเป็นบาดแผล และแผลนั้นไม่สามารถสมานตัวได้ ซึ่งถ้าเป็นเรา เราก็ไม่อยากให้แผลนั้นบาดลึกลงไปหรอกจริงไหม ฉะนั้น ทัวร์อำลาของวงฮารุเลโอเลยเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง หากยังอยากให้หัวใจกลับมาหายดี แล้วพวกเขาอาจจะร้องเพลงร่วมกันได้อีกครั้งในวันที่ไม่มีใครต้องทำร้ายกัน

Tags: , , , , , ,