1

17 พฤศจิกายน 1957 นายอำเภออาร์ต ชลีย์ (Art Schley) เดินทางมายังบ้านหลังหนึ่งพร้อมกับผู้ช่วย ซึ่งไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ชลีย์เพิ่งไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นร้านขายของชำแห่งหนึ่ง หลังจากได้รับแจ้งจากผู้ช่วยของเขาว่า แม่ของตัวเอง นางเบอร์นิส วอร์เดน (Bernice Worden) อายุ 58 ปี ไม่ยอมมาเปิดร้านเสียที พอเปิดประตูเข้าไปกลับพบกองเลือดบนพื้น ปืนไรเฟิลวางทิ้งไว้ในกระสอบ ขณะที่แม่ของเขาหายตัวไปอย่างลึกลับ

“เขาทำอะไรบางอย่างกับเธอ” นี่คือคำพูดของผู้ช่วย

“ใคร” นายอำเภอสงสัย

“เอ็ด เกน แม่บอกว่าเขาชอบมาเตร็ดเตร่แถวร้าน” 

นายอำเภอรู้จัก เอ็ด เกน (Ed Gein) เป็นอย่างดี ชายผู้มีอาชีพเป็นช่างซ่อมบำรุง ผู้มีนิสัยแปลกๆ อาศัยอยู่ในฟาร์มและบ้านที่ไม่มีไฟฟ้าห่างออกไปจากตัวเมืองราว 10 กิโลเมตร เมื่อผู้ช่วยพูดเช่นนั้น พวกเขาจึงขับรถไปสอบถามเอ็ด เกน เมื่อไปถึงบ้านก็พบเอ็ดในลักษณะมีพิรุธ เมื่อถูกถามเรื่องการหายตัวไปของนางวอร์เดนก็พูดจาตะกุกตะกัก ก่อนเจ้าหน้าที่จะตัดสินใจคุมตัวเอ็ดไปรอสอบปากคำที่โรงพัก หลังจากนั้นจึงทำการเข้าค้นบ้าน นายอำเภอชลีย์จุดไฟแช็กไล่ความมืดอึมครึมภายในห้องต่างๆ และเพียงไม่นาน พวกเขาก็พบนางวอร์เดน

เธออยู่ในสภาพไร้ศีรษะ ร่างถูกแขวนห้อยหัวลงมาเหมือนนายพรานแขวนกวางที่ล่ามาได้ ลำตัวถูกผ่าออก อวัยวะสำคัญๆ ถูกคว้าน หัวใจถูกผ่าวางทิ้งไว้ให้เห็นได้ชัดๆ 

นายอำเภอชลีย์ถึงกับวิ่งออกมาอาเจียนนอกบ้าน เขาตั้งสติก่อนจะวิทยุเรียกกำลังเสริมเพื่อเข้าค้นบ้านเพิ่มเติม สิ่งที่พวกเขาพบนั้นน่าตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม เพราะนอกจากบ้านที่รกเข้าขั้นสกปรกแล้ว เจ้าหน้าที่ยังพบชิ้นส่วนกะโหลกมนุษย์ถูกหั่นครึ่งทำเป็นถ้วย พบเก้าอี้ที่เบาะหุ้มด้วยหนังของมนุษย์ ชุดที่ทำจากศพผู้หญิงไว้ห่มคลุม หน้ากากที่ชำแหละจากใบหน้าศพ ผิวหนังส่วนมือที่ถูกเฉือนมาทำเป็นถุงมือ เข็มขัดที่ทำมาจากหัวนมผู้หญิง ยังไม่นับฟันหรือซากศพอีกเป็นจำนวนมาก

ภาพถ่ายหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในอเมริกาคือภาพนายอำเภอชลีย์และลูกชายของนางวอร์เดนกำลังคุมตัวเอ็ด เกนโดยใส่กุญแจมือไว้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรไม่ถึงพันคน ณ รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา มันกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศทันที

เอ็ด เกน กลายเป็นต้นแบบแรงบันดาลใจให้นักเขียนหยิบยืมพฤติกรรมของเขาไปสร้างเป็นตัวละครฆาตกรต่อเนื่อง ทั้งในนิยายเรื่อง Psycho ที่ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์อันโด่งดัง หรือตัวละครใช้เลื่อยไฟฟ้าในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง Texas Chainsaw รวมถึงถูกนำไปสร้างเป็นฆาตกรจิตวิปลาสที่ชอบฆ่าผู้หญิงเพื่อเอาหนังไปสร้างเป็นชุดห่มคลุม ในนิยายและภาพยนตร์รางวัลออสการ์ชื่อเดียวกันอย่าง Silence of The Lambs ตัวละครเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยความรุนแรง บ้าคลั่ง ชอบทรมานและฆ่าคน สร้างความสยดสยองให้แก่ผู้ชมมานานหลายทศวรรษ

แต่ความโหดร้ายทั้งหมดไม่เท่ากับที่นายอำเภอชลีย์ได้ประสบพบเจอในวันเกิดเหตุ เขาไม่คาดคิดว่าจะต้องพบกับเหตุสยองขวัญเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เรื่องราวของเอ็ด เกนจึงส่งผลสะเทือนต่อนายอำเภอในเวลาต่อมา

11 ปีหลังการจับกุมเอ็ด เกน นายอำเภอชลีย์ก็เสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวาย ว่ากันว่าสาเหตุความตายเกิดจากความเครียดที่ต้องทำคดีนี้ ตลอดจนความเลวร้ายที่เขาพบเจอในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งกลายเป็นภาพติดตาที่หลอกหลอนตัวชลีย์ไปทั้งชีวิต

2

หากจะพูดถึงเอ็ด เกนกับความวิปลาส ก็ต้องพูดถึงครอบครัวของเขาก่อน พ่อของเอ็ดเป็นช่างไม้ นายหน้าขายประกัน และคนฟอกหนัง ที่มีหลายอาชีพเพราะพ่อของเอ็ดนั้นติดเหล้าอย่างหนัก ทำงานได้ไม่นานก็ต้องเปลี่ยนงานใหม่อยู่เป็นประจำ สร้างความลำบากให้กับครอบครัวอย่างมาก แต่อย่างน้อยเขาก็ถ่ายทอดวิชาการฟอกหนังให้แก่เอ็ด ซึ่งจะได้นำไปใช้ในการเก็บถนอมรักษาซากศพในเวลาต่อมา

แม่ของเอ็ดมาจากครอบครัวเคร่งศาสนา เธอเกลียดสามีมาก แต่เพราะเป็นคนเคร่งศาสนามากๆ จึงไม่มีความคิดจะหย่า ตอนตั้งท้องลูกคนที่ 2 เธอคิดว่าจะได้ลูกผู้หญิง แต่เมื่อเกิดมาเป็นเด็กผู้ชายที่ชื่อว่าเอ็ด ผู้เป็นแม่ก็ตัดสินใจว่าจะเลี้ยงลูกแบบวิถีของตนเองโดยไม่แคร์สังคมภายนอกใดๆ ทั้งสิ้น เธอสอนลูกชายว่าโลกใบนี้คือสถานที่แห่งบาป ผู้หญิงคือโสเภณี เป็นตัวแทนของปีศาจที่ผู้ชายไม่ควรข้องแวะด้วยเด็ดขาด

ครอบครัวเกนซื้อที่ดินทำฟาร์มเกษตรไว้นอกเมือง เอ็ดกับพี่ชายมีโอกาสได้ออกไปข้างนอกแค่ตอนไปโรงเรียนเท่านั้น เอ็ดเป็นเด็กขี้อาย อันเป็นผลจากการเลี้ยงลูกแบบเข้มงวดถึงขั้นครอบงำของแม่ เขาไม่ค่อยมีเพื่อน ชอบอ่านหนังสือมาก และเพราะเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย บวกกับมีปัญหาสายตา ทำให้เขาโดนกลั่นแกล้งเป็นประจำ

เมื่อพ่อของเอ็ดเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย แม่ก็สั่งให้ลูกทั้งสองคนเลิกไปโรงเรียน แล้วมาทำงานในฟาร์มของครอบครัว เอ็ดจึงไม่ค่อยพบปะใคร และแทบจะไม่มีผู้หญิงผ่านเข้ามาให้รู้จักคำว่ารัก ชีวิตเขามีแต่แม่และพี่ชายเท่านั้น

นักจิตวิทยาเคยวิเคราะห์ว่า การเลี้ยงดูลูกที่ผิดปกติถึงขนาดบอกว่าเซ็กซ์เป็นบาป ทำให้เอ็ดต้องรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนชั่วชีวิต ขณะที่การครอบงำจากแม่ทำให้เอ็ดมีปัญหาด้านพัฒนาการเติบโต เพราะแม่เป็นเพียงผู้เดียวที่เขายึดถือ เอ็ดเริ่มสับสนในสภาวะเพศชายของตัวเอง และเริ่มอยากเป็นผู้หญิง อยากเป็นแบบแม่ของตัวเอง แต่อีกมุม เขาก็สับสน อยากเป็นผู้ชาย มีภรรยา มีครอบครัวเหมือนคนทั่วไป

แม้พี่ชายของเอ็ดจะต้องออกจากโรงเรียน แต่ก็ไม่โดนเลี้ยงแบบเข้มงวดมาก ทั้งสองทำงานเป็นช่างรับจ้างทั่วไป ถึงคนในชุมชนจะมองว่าครอบครัวเกนแปลกประหลาดถึงขั้นเพี้ยนๆ แต่พวกเขาก็ทำงานรับจ้างได้อย่างเรียบร้อย

เอ็ด เกนไม่เคยเดินทางออกไปไกลจากเมือง ตลอดชีวิตเขาไปไกลจากบ้านเพียง 2 ครั้ง หนึ่งในนั้นคือตอนเดินทางไปเข้ารับสมัครเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กองทัพไม่รับเพราะเขามีปัญหาสายตา

วันหนึ่ง เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นในฟาร์มของครอบครัว เจ้าหน้าที่ช่วยกันดับเพลิงก่อนพบร่างพี่ชายของเอ็ดสำลักควันตาย ศพถูกตีด้วยของแข็งที่หัว แต่ทางการฟันธงไปว่าเป็นอุบัติเหตุ จึงไม่ได้สอบสวนต่อ ก่อนเกิดเหตุไฟไหม้ พี่ชายเอ็ดเปรยว่าจะออกไปอาศัยอยู่กับแม่ม่ายลูกติดเพื่อสานสัมพันธ์ความรัก แน่นอนว่าแม่ของเขาไม่เห็นด้วย พี่ชายได้วิจารณ์ครอบครัวของตัวเองอย่างรุนแรง จากนั้นไม่นานก็เกิดไฟไหม้ขึ้น เอ็ดให้การว่าเขาพยายามตามหาพี่แต่เพราะควันหนามากจึงหากันไม่เจอ

สุดท้ายเหลือเพียงแม่กับเอ็ดอาศัยอยู่ด้วยกัน 2 คน แต่อยู่กันได้ไม่นาน หญิงชราผู้เคร่งศาสนาที่หวังเลี้ยงลูกชายตามความเชื่อก็ตายจาก ทิ้งเอ็ดวัย 39 ปี อยู่ตัวคนเดียวเป็นครั้งแรกท่ามกลางไร่นาอันใหญ่โต 

ช่วงนั้นเอง ที่เส้นทางการฆ่าของเอ็ดเริ่มต้นขึ้น

3

ภายหลังความตายของแม่ผ่านไปไม่นาน เอ็ด เกนกลับไปสุสานแล้วขุดเอากะโหลกแม่กลับมาไว้ที่บ้าน เพื่อจะได้อ่านหนังสือให้ฟังทุกคืน เพื่อนบ้านต่างได้กลิ่นเหม็นเน่าจากบ้านของเอ็ด แม้หลายคนจะเห็นว่าเอ็ดเป็นคนแปลก แต่ก็ยังจ้างงานให้ซ่อมรั้วบ้านตามปกติ

ช่วงนั้นเอ็ดตระเวนตามสุสานเพื่อหาหลุมศพหญิงสาวที่อายุใกล้เคียงกับแม่ แล้วลงมือขุดศพออกมาเพื่อลอกเอาหนังมาตัดเย็บทำเป็นชุดสูทผิวหนังผู้หญิง บางครั้งก็ลอกผิวหน้ามาทำเป็นหน้ากาก เอ็ดจะเอาชุดที่ตัดเย็บเหล่านี้มาสวมเพื่อให้กลายเป็นผู้หญิง บางครั้งก็ชำแหละชิ้นส่วนมาตัดเย็บ เพื่อที่ว่าพอพระจันทร์เต็มดวง จะได้นำซากศพเหล่านี้ไปเต้นรำที่สุสานอย่างสบายใจ

เอ็ดใช้เวลาไม่นานในการก้าวข้ามขั้นจากคนขโมยศพในสุสานสู่การเป็นนักฆ่า ในปี 1951 มีรายงานว่านายพราน 2 คน หายตัวไประหว่างล่าสัตว์ หลักฐานบ่งชี้ว่าทั้งสองน่าจะตกเป็นเหยื่อของเอ็ด ต่อมาปี 1953 เด็กหญิงวัย 15 ปี ถูกลักพาตัวไปขณะทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หน้าต่างถูกงัด มีร่องรอยการต่อสู้ และด้วยพฤติกรรมแปลกๆ ของเอ็ด ตำรวจจึงพาตัวเขาไปสอบปากคำ ซึ่งชายคนนี้ได้ปฏิเสธความเกี่ยวข้อง ถึงแม้จะนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเด็กหญิงคนนี้หายไปไหน แต่คาดว่าน่าจะตกเป็นเหยื่อของเอ็ด เกน

ปีต่อมา เอ็ดไปสนิทสนมกับหญิงเจ้าของบาร์วัย 54 ปี ซึ่งคล้ายแม่ของเขา เพียงแต่เจ้าของบาร์รายนี้ดูเป็นคนปากเสีย พูดจาหยาบคาย วันหนึ่งเธอหายตัวไป เจ้าหน้าที่พบเลือดในบาร์ พร้อมปลอกกระสุนจำนวนหนึ่งตกอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน ตำรวจสอบปากคำเอ็ดอีกรอบ เขาให้การว่าดื่มกับเธอจนบาร์ปิดแล้วก็กลับบ้านไป ซึ่งเขาสารภาพในเวลาต่อมาว่า หลังดื่มเสร็จ เขาอาศัยจังหวะเจ้าของบาร์เผลอ ควักปืนยิงที่ด้านหลัง ก่อนเอาศพขึ้นรถกระบะขับไปที่บ้าน ตัดหัวชำแหละร่างหญิงคนดังกล่าวอย่างชำนาญ

เจ้าของโรงสีข้าวเคยเล่าว่า ตอนที่เจ้าของบาร์หายตัวไปใหม่ๆ เขาเคยคุยกับเอ็ดที่บ้านของเอ็ด จากนั้นอีกฝ่ายก็พูดออกมาว่า 

“เธอไม่ได้หายไปไหน ก็อยู่ที่ฟาร์มนี่ไง”

ตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นเรื่องตลก แต่เอ็ดนำศพเจ้าของบาร์ไว้ที่บ้านของตัวเองในขณะนั้นจริงๆ

กลับมาที่เหยื่อรายสุดท้ายที่ระบุว่าถูกเอ็ด เกนฆ่า นั่นคือนางวอร์เดน ซึ่งนำไปสู่การบุกบ้านเอ็ดและคุมตัวเขาไปโรงพัก ตอนแรกเอ็ดปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของใครทั้งสิ้น แต่สุดท้าย หลังจากจำนนต่อหลักฐาน เอ็ดก็รับสารภาพว่าได้สังหารเจ้าของบาร์และคุณนายวอร์เดนจริง โดยยิงทั้งสองที่ท้ายทอย เขายังเล่าว่าได้เข้าไปขโมยศพในสุสาน และเอาชุดสูทหนังศพผู้หญิงไปเต้นรำในสุสาน รวมทั้งอธิบายวิธีการดูแลรักษาหน้ากากที่ทำจากหน้าศพว่า ต้องชโลมด้วยน้ำมันอย่างดีเพื่อรักษาสภาพให้คงทนไว้

4

เอ็ด เกนถูกนำตัวขึ้นศาล แต่ลูกขุนตัดสินว่าเขาป่วยทางจิต ต้องคุมตัวไปรักษาให้หายก่อนถึงจะพิจารณาคดีได้ นั่นทำให้เขาได้นั่งรถออกจากเมือง ห่างจากบ้านเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต โดยไปอยู่โรงพยาบาลจิตเวชเพื่อรักษาตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่เผยว่าตัวเกนมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น ยกเว้นเมื่อถึงวันพระจันทร์เต็มดวง ที่มักจะมีอาการประหลาดๆ เสมอ

ขณะที่บ้านของเอ็ด เกนกลายเป็นสถานที่ดึงดูดคนจำนวนมากให้มาเที่ยวชม ยิ่งเรื่องราวเขากลายเป็นตัวละครในนิยาย บ้านจึงถูกซื้อโดยนายทุนที่หวังปั้นให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดสยอง แต่ไม่ทันไร ปรากฏว่าบ้านของเกนถูกมือดีวางเพลิงไหม้วอดวายทั้งหลัง โดยหัวหน้าที่เข้าไปคุมการดับเพลิงก็คืออดีตผู้ช่วยนายอำเภอ ลูกชายของคุณนายวอร์เดนเอง ซึ่งพอเอ็ดทราบข่าวบ้านถูกไฟไหม้ เขาก็พูดออกมาว่า 

“ก็ดีเหมือนกันแหละ”

เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเอ็ด เกนน่าจะฆ่าคนไปอย่างน้อย 5 คน และเอาศพมาชำแหละ แต่เพราะสมัยนั้นหลักฐานการเก็บดีเอ็นเอยังไม่มี จึงไม่มีใครรู้ว่าซากศพเหล่านั้นเป็นใครบ้าง คงมีแต่ร่างของเจ้าของบาร์และคุณนายวอร์เดนเท่านั้นที่มีคนจำได้

เอ็ด เกนถูกส่งตัวไปรักษาอาการทางจิตเกือบ 11 ปี ก่อนถูกนำตัวมาขึ้นศาลใหม่อีกรอบ ครั้งนี้ลูกขุนเห็นว่าเขาผิดฐานฆ่าคนตายจริง แต่ก็ยืนยันว่าชายคนนี้เป็นบ้า ดังนั้นจึงไม่ควรนำตัวไปขังคุกเหมือนคนทั่วไป เอ็ดจึงถูกส่งตัวไปอยู่โรงพยาบาลบ้าตลอดชีวิต หลังจากนั้น 1 เดือน นายอำเภอชลีย์ก็หัวใจวายตาย

เอ็ด เกนเสียชีวิตด้วยวัย 78 ปี ศพของเขาถูกฝังไว้เคียงข้างพี่ชายและแม่สุดที่รักของเขา จนถึงวันนี้ยังคงมีคนไปเยี่ยมชมหลุมศพฆาตกรจิตวิปลาสคนนี้อยู่เป็นประจำ 

ต่อมา เรื่องราวของเอ็ด เกนได้รับการศึกษามากขึ้น มีการวิเคราะห์ว่าสาเหตุทั้งหมดคือการเลี้ยงดูในวัยเด็กที่ทำให้เอ็ดโตมาในสภาพบิดเบี้ยว โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเขากับแม่ คือประเด็นหลักที่ทำให้มีสภาพจิตใจแบบนี้ เขาเริ่มขโมยศพเพื่อแปลงกายเป็นหญิง เขาก้าวข้ามไปฆ่าคนที่เห็นว่าเหมือนแม่ เพื่อจะนำมาเก็บไว้ที่บ้าน สมดังปณิธานที่เขาตั้งใจไว้ตอนแรกคือจะทำบ้านให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แม่ของตัวเอง

จริงๆ แล้ว เอ็ด เกนเคยมีเพื่อนผู้หญิงแถวบ้าน สนิทกันมานาน แต่เธอไม่อยากแต่งงานกับเขา เพราะเอ็ดเอาแต่พูดเรื่องการฆาตกรรมอยู่ตลอดเวลา เธอจึงไปแต่งงานกับคนอื่น นักจิตวิทยาเชื่อว่า ลึกๆ แล้ว ตัวเอ็ดก็อยากคบหาแต่งงานกับผู้หญิงเหมือนผู้ชายทั่วไป เขาไม่ได้เป็นเกย์ แต่เพราะการกีดกันและปลูกฝังของแม่ ทำให้เขากลัวผู้หญิง 

เมื่อต้องอยู่คนเดียวและอยากมีใครสักคนอยู่เคียงกาย ผลักดันให้เขาไปลักศพผู้หญิงจากสุสาน ก่อนลุกลามกลายเป็นการฆ่าผู้หญิงแล้วนำศพกลับมาไว้ที่บ้าน มีหลักฐานยืนยันว่าเขาไม่ได้ต้องการจะมีเซ็กซ์กับศพ เพราะกลิ่นเหม็นมาก เขาต้องการแค่มีผู้หญิงอยู่เคียงข้างเขาในบ้านหลังดังกล่าว มันเป็นสภาวะที่สับสน ใจหนึ่งก็อยากเป็นผู้หญิง อยากเป็นแม่ ใจหนึ่งก็อยากมีผู้หญิงอยู่ด้วย เคยมีคนเข้าไปถามเอ็ด เกน ขณะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลว่า ทำไมถึงทำแบบนั้นลงไป เกนตอบเรียบๆ ว่า ทุกอย่างที่เขาทำลงไปนั้น

“มันทำให้ผมมีความสุขแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิต”

 

อ้างอิง

https://www.thesun.co.uk/news/14551624/real-psycho-ed-gein-murder-human-skin/

https://www.nzherald.co.nz/world/who-was-the-mother-of-the-most-depraved-serial-killer-of-all-time/T75XZ2O7K7AGAP5LBGPKDKHVV4/

https://www.history.com/this-day-in-history/real-life-psycho-ed-gein-dies

https://www.nytimes.com/1984/07/27/obituaries/no-headline-091273.html

A Plague of Murder: The Rise and Rise of Serial Killing in the Modern Age By Colin Wilson (Author), Damon Wilson (Author)

Ed Gein – Psycho! By Paul Anthony Woods

Tags: , , ,