จบไปเป็นเวทีล่าสุดของค่ำคืนวันที่ 22 มีนาคม กับปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายของพรรคอนาคตใหม่ ที่จัดขึ้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยมีประชาชนมาร่วมฟังกว่า 10,000 คน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกครื้น มีจัดพื้นที่ปราศรัยแบบผู้พูดสามารถมองเห็นได้รอบด้านและยังมี ‘ล่ามภาษามือ’ ที่คอยทำหน้าที่แปลคำพูดของเหล่าผู้สมัครเพื่อสื่อสารกับกลุ่มผู้พิการที่กำลังดูเวทีการปราศรัยในครั้งนี้ด้วย

การปราศรัยบนเวทีอนาคตใหม่เน้นไปที่นโยบายและอุดมการณ์ แต่ก็มีเสียดสี ติดตลกไปทางพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่บ้างพอเป็นกระษัย

ประเด็นหลักๆ ที่อนาคตใหม่ปักหมุดคือเรื่องการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มความเท่าเทียมและความหลากหลายในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ จนถึงกลุ่มผู้ใช้แรงงาน กลุ่มผู้ที่มีความพิการทางร่างกาย และกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ที่อยู่ในประเทศไทย

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ขึ้นปราศรัยเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยท่าทีสบายๆ เปิดด้วยกันเล่นมุกติดตลกเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างการเดินทางหาเสียงตลอดช่วงที่ผ่านมาให้ผู้ฟังได้หัวเราะไปพร้อมๆ กัน หลังจากนั้น ยังได้เน้นย้ำถึงเรื่องความต้องการที่จะสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับการเมืองไทย ที่กำลังต้องการการเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่การเป็นประชาธิปไตย และเพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช.

ทั้งนี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังเน้นย้ำถึงเรื่องศักยภาพของประชาชน และการกระจายอำนาจคืนสู่ท้องถิ่น และการคืนอำนาจ สิทธิ เสรีภาพแก่ประชาชนอย่างที่ไม่มีตลอด 5 ปีเศษที่ผ่านมา และเราได้รวมคำพูดบางท่อนจากการปราศรัยครั้งสุดท้ายนี้มาให้ทุกคนได้อ่านกัน

“ผมมีข่าวดีกับข่าวร้ายจะมาบอกชาวอนาคตใหม่ทุกคน ข่าวดีก็คือ ในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของทุกพรรคการเมือง ไม่มีชื่อคุณประวิตร วงษ์สุวรรณอยู่ในนั้น แต่ข่าวร้ายก็คือ -ต้องพูดต่อไหม- ยังมีรายชื่อของคุณลุงเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่ครับ”

“ธนาธรไม่ได้กล้าหาญกว่าคนอื่น ปิยบุตรไม่ได้ฉลาดล้ำกว่าคนอื่น แต่เป็นพวกเราทั้งหมด ที่แต่ละคนมีความหลากหลาย มีความสวยงามของตัวเอง มีความฝันของตัวเอง ที่ลุกขึ้นมาสร้างประวัติศาสตร์การเมืองไทยแบบใหม่ไปด้วยกัน”

“ถ้าเราได้โอกาสมา เราจะต้องสร้างรัฐสภาที่ดี สร้างพรรคการเมืองที่ดี สร้างฝ่ายค้านที่ดี

ให้ประชาชนกลับมาศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง เพื่อที่เสียงส่วนน้อย เมื่อเค้าแพ้

เค้าไม่ต้องกวักมือเรียกทหารออกมา”

“ถ้าอยากได้สังคมที่เท่าทันโลก มีวิธีเดียว คือลงทุนกับอนาคต กล้าลงทุนในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล้าลงทุนในการวิจัยและพัฒนา และต่อให้เราล้มเหลว ความรู้ที่เราได้ไม่ได้ไปไหน มันอยู่กับเราคนไทย”

“อนาคตที่ดี สร้างไม่ได้ด้วยระบอบเผด็จการ สร้างไม่ได้ด้วยระบอบรวมศูนย์ ที่อำนาจอยู่ในมือคนไม่กี่คน เพราะด้วยระบอบแบบนี้ ไม่มีใครกล้าไปพูดความจริงกับผู้มีอำนาจ”

ด้าน ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล ก็ได้ขึ้นปราศรัยพร้อมย้ำถึงเรื่องที่พรรคอนาคตใหม่ต้องการจะแก้ไข ทั้งเรื่องการพาประเทศกลับไปสู่จุดปกติสุขเหมือนเดิม ที่เคยมีประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงการพาประเทศเดินหน้าด้วยการเมืองแบบใหม่ๆ กับคนใหม่ๆ พรรคการเมืองใหม่ๆ

นอกจากนี้ได้มีการแซวพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาบ้างเป็นระยะ เพื่อย้ำจุดยืนหยุดการสืบอำนาจของ คสช. และเราได้รวมคำพูดบางท่อนจากการขึ้นปราศรัยครั้งนี้มาให้ทุกคนได้อ่านเช่นกัน

“พี่น้องครับ เขาออกแบบรัฐธรรมนูญ ออกแบบกฎหมายมาแบบนี้ ชัดเจนเหลือเกินว่า ต้องการใช้วันเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ”

“เราเที่ยวไปทวงคืนกี่ที ก็บอกว่าเดี๋ยวคืนให้ ใจเย็นๆ เราเที่ยวไปทวงกี่ที ก็บอกว่าเดี๋ยวคืนให้ ขอปฏิรูปประเทศก่อน เราเที่ยวไปทวงกี่ที ก็บอกว่าเดี๋ยวคืน เราเที่ยวไปทวงกี่ที เอาคดีความใส่เราอีก”

“เวลาอยู่ในเมืองไทย ก็ชี้นิ้วว่าคนนู้น คนนี้เต็มที่ ช่วงนี้ใจดีหน่อยเพราะใกล้เลือกตั้ง”

“อย่าคิดว่ารัฐประหารเป็นยาแก้ปวด หยิบขึ้นมากินแล้วหายปวดหัว ที่ไหนได้ หยิบขึ้นมากิน กลายเป็นมะเร็งร้ายจนถึงทุกวันนี้”

“เขาจะใช้ 24 มีนา เป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจ เราจะใช้ 24 มีนา ส่งประยุทธ์กลับบ้าน”