เกมเพิ่งเริ่มต้น สำรวจ ‘แคนดิเดตนายกฯ เบอร์หนึ่ง’ ใครคือผู้เล่นสำคัญในเกม/ พลิก/ อำนาจ

การเลือกตั้งปี 2569 ไม่ได้เป็นเพียงการนับจำนวน สส.แต่คือการจัดวางไพ่ในเกมอำนาจที่ซับซ้อนที่สุดครั้งหนึ่งของการเมืองไทย

เป็นการเลือกตั้งภายหลังนายกรัฐมนตรี 2 คน หลุดจากตำแหน่งด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการเลือกตั้งภายหลังพรรคประชาชน พรรคที่ใหม่ที่สุดในการเมืองไทย ตัดสินใจโหวต อนุทิน ชาญวีรกูล พรรคการเมืองอันดับ 3 เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเงื่อนไขเพื่อ ‘แก้รัฐธรรมนูญ’ ทว่าสุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลว ไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ตามที่ตั้งมั่น

บนโต๊ะเดียวกัน เราเห็นหน้าไพ่หลากหลายใบ ต่างวัย ต่างเส้นทาง ต่างฐานอำนาจ แต่ทุกใบมีเป้าหมายเดียวกัน คือเก้าอี้นายกฯ เก้าอี้ที่อุดมไปด้วยอำนาจบนเส้นทางประชาธิปไตย

The Momentum พาไปสำรวจแคนดิเดตนายกฯ เบอร์หนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าใครในที่นี้จะได้เป็นนายกฯ แต่คือใครบ้างที่ถูกวางให้เป็นผู้เล่นหลักในเกมนี้

แน่นอนว่าในเกมแบบ House of Cards ไม่ใช่คำถามแค่ว่าใครเป็นที่นิยมมากที่สุด แต่ใครถือไพ่ใบไหน และไพ่ใบนั้นจะถูกใช้อย่างไร ใช้ในสนามใด

1. ไพ่จั่ว ไพ่แห่งความหวัง – ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ

ตัวแทนการเมืองเจเนอเรชันใหม่จากพรรคประชาชน กับคำถามว่าวันนี้ยัง ‘ใหม่’ จริงหรือเปล่า

ณัฐพงษ์เป็นผลผลิตของคลื่นการเมืองหลังปี 2562 เมื่อพรรคอนาคตใหม่ลงสนาม ณัฐพงษ์ที่เป็นเจ้าของบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทค ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนฉิวเฉียด

หลังจากนั้น ความ ‘เนิร์ด’ ของหัวหน้าเท้งก็พาเขาไปไกลขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ พรรคก้าวไกลถูกยุบ ณัฐพงษ์ในฐานะแถว 3 ต้องกลายเป็นผู้นำพรรค ภายหลังจากคนที่พร้อมที่สุดของสีส้มอย่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกพิษจาก ‘รัฐพันลึก’ ให้อันตรธานหายจากการเมืองไทยไปอีก 10 ปี

ภาพที่ติดตัวของณัฐพงษ์คือภาพลักษณ์สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนแปลง จุดยืนของพรรคประชาชนที่ถึงอย่างไรก็ใหม่ที่สุด และผลงานตรวจสอบของพรรคประชาชนในรัฐบาลที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่ได้อย่างเข้มแข็ง

แต่ในจุดแข็งก็เต็มไปด้วยจุดอ่อน หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า ประสบการณ์ของณัฐพงษ์ยังไม่มากพอสำหรับการนั่งเป็นนายกฯ คะแนนเสียงที่หายไปของพรรคประชาชนหลังโหวตอนุทิน ก็กลายเป็นจุดที่ทำให้หลายคนลังเลที่จะเลือกพรรคประชาชนต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังถูกพรรคภูมิใจไทยหักหลังอีกที

ขณะเดียวกัน ณัฐพงษ์ยังมีชนักติดหลังว่าด้วยคดี ‘จริยธรรมร้ายแรง’ กรณีลงชื่อให้สภาผู้แทนราษฎรแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ว่า ‘เข้าข่าย’ ผิดจริยธรรมหรือไม่ ซึ่งหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เห็นว่าผิดก็ต้องถูกแขวน และหากส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจัดการ เขาอาจถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต

ไพ่ใบนี้ยังต้องพิสูจน์ว่าพร้อมเล่นเกมยาวได้เพียงไหน ในสนามที่กติกาไม่ได้เป็นธรรมกับหน้าใหม่เสมอไป

2. ไพ่ของการ ‘อยู่เป็น’ – อนุทิน ชาญวีรกูล

วันนี้เขาเป็นนักการเมืองที่พิสูจน์มาแล้วว่า ‘อยู่เป็น’ คือสิ่งที่สำคัญที่สุด

ไพ่ของอนุทินไม่ใช่ความหวือหวา แต่คือ เครือข่าย ทั้งในระบบราชการ ทุนใหญ่ และกลไกอำนาจที่มองไม่เห็นบนเวทีเลือกตั้ง

เขาอาจไม่ใช่ผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจสูงสุด แต่เป็นผู้เล่นที่ฝ่ายอำนาจเดิม ‘ไว้ใจได้’ ในยุคที่ชนชั้นนำกำลังมองหาความมั่นคง มากกว่าการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

หลังเหตุมหาอุทกภัยที่อำเภอหาดใหญ่เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทุกคนคิดว่าชีวิตการเมืองของอนุทินจบลงแล้ว แต่หลังแสดงท่าทีแข็งกร้าวจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา สัปดาห์ที่แล้วก็ดูคะแนนเสียงของ ‘เสี่ยหนู’ จะกลับมาโลดแล่นได้อีกครั้ง

แน่นอนว่าโมเมนตัมนี้ส่งต่อมาถึงวันที่อนุทินตัดสินใจยุบสภาฯ ในวันที่เชื่อว่าเขาพร้อมที่สุด มีเสียง สส.มีบ้านใหญ่รวมอยู่ด้วยมากที่สุด

และหากบรรยากาศเป็นใจ ฟ้าฝนเป็นใจ อนุทินจะได้เป็นนายกฯ อีกรอบ โดยไม่จำเป็นต้องได้เสียง สส.มากที่สุด หากแต่รวมเสียงได้มากที่สุดในระบบรัฐสภา

ในเกมนี้อนุทินคือไพ่ที่ไม่สวย แต่ไม่ควรถูกประเมินต่ำ

3. ไพ่ตายของ ‘ชินวัตร’ – ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์

หากการเมืองไทยคือเกมไพ่ ตระกูลชินวัตรคือเจ้าของสำรับ และยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ คือไพ่ตายเพิ่งถูกเปิดหน้า

ยศชนันเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นนักวิจัย ไม่ใช่นักการเมืองสายมวลชน ไม่ใช่คนที่ลงสนามเพื่อชนะใจประชาชนโดยตรง แต่คือผู้เล่นที่ถูกออกแบบมา เพื่อ ‘รักษาเกม’ ให้เกมนี้ยังอยู่ในมือ ‘ชินวัตร’ ต่อไป

เขาคือหลานชายของ ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือลูกชายของ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และคือลูกพี่ลูกน้องของ แพทองธาร ชินวัตร

ยศชนันเป็นศาสตราจารย์ เป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่ใครทำงานด้วยต่างก็ ‘ชื่นชม’ ในความรอบรู้ ในความอ่อนน้อมถ่อมตัว และเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง

แต่ส่วนสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ หากไม่มีนามสกุลวงศ์สวัสดิ์ห้อยท้าย เขาก็ไม่อาจเป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ของพรรคเพื่อไทยได้

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทุกคนประเมินว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ใช่พรรคที่ได้ลำดับที่ 1 แต่การมาของยศชนันอาจ ‘เปลี่ยนเกม’ บางอย่างได้

ต้องไม่ลืมว่า ณ วันนี้ ทักษิณยังคงอยู่ในเรือนจำ เพิ่งถูกยึดทรัพย์ไปหลายหมื่นล้านบาท แพทองธารยังคงมีคดีติดตัว อำนาจของ ‘รัฐพันลึก’ ดูจะไม่ชอบใจตระกูลชินวัตรเท่าไรนัก

จุดแข็งของยศชนันไม่ใช่คะแนนนิยม แต่คือความเป็นทางออก ในวันที่ไพ่ใบอื่นๆ ของชินวัตร ถูกล้างออกจากโต๊ะ ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย ด้วยแรง-ต้านจากโครงสร้างอำนาจเดิม

เขาคือชื่อที่ไม่ท้าทายมากเกินไป ไม่ปลุกกระแสต่อต้าน และไม่สร้างความหวาดระแวงในหมู่ฝ่ายอำนาจ ขณะเดียวกันก็ยังเชื่อมโยงกับ ‘DNA ชินวัตร’ ได้อย่างไม่ขาดตอน

ในเกมแบบ House of Cards ไพ่ตายไม่จำเป็นต้องถูกใช้บ่อย แต่ต้องถูกเก็บไว้ สำหรับจังหวะที่ไม่มีทางเลือกอื่น

ยศชนันอาจไม่ใช่คนที่ถูกวางไว้หน้าเวทีแต่เป็นคนที่ถูกเตรียมไว้ สำหรับวันที่เกมกำลังจะพัง และฝ่ายชินวัตรต้องการ ‘ชื่อใหม่’ ใน ‘ร่างเก่า’ เพื่อประคองอำนาจให้เดินต่อได้

ในเกม/ พลิก/ อำนาจ ไพ่ใบนี้จึงไม่ควรถูกประเมินต่ำเสมอไป…

4. ไพ่ของนกฟินิกซ์ – อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตัดสินใจหลบฉาก อยู่เบื้องหลังเงียบๆ หลังพาพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ใหญ่ ด้วยเหตุว่า “ฟังช้าๆ ชัดๆ อีกครั้งนะครับ ไม่สนับสนุน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี”

อภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค ไม่ได้เป็น สส. เขาร่วมงานกับเครือสหพัฒน์ฯ ภายหลังเว้นวรรคทางการเมือง รอจนถึงจุดตกต่ำสุดของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนกลับเข้ามาอีกรอบ

แน่นอนว่าสเปกตรัมทางการเมืองมีที่ว่างให้อภิสิทธิ์ ฝ่ายอนุรักษนิยมไม่ได้มีตัวเลือกที่ ‘ฉลาด’ และมีวิสัยทัศน์เท่าไร และในอีกด้านหนึ่งพรรคของสองลุง อดีตคณะรัฐประหารทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติต่างก็ถึงกาลอวสานกันหมดแล้ว

ด้วยเหตุนี้ประชาธิปัตย์จึงเป็นคู่แข่งที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ต้องการทางเลือกอื่น คนที่เห็นว่าพรรคประชาชนซ้ายเกินไป สุดขั้วเกินไป และครั้นจะไปเลือกพรรคภูมิใจไทยก็ทำใจไม่ได้

คะแนนของพรรคประชาธิปัตย์จึงดีวันดีคืน โดยเฉพาะในพื้นที่ดั้งเดิมที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาก่อนอย่างพื้นที่ภาคใต้

วันนี้หลายคนจึงไม่ได้ประเมินคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ว่าอยู่ราวๆ 10 เสียง หากแต่อาจถึง 25 เสียง มากพอที่จะส่งให้อภิสิทธิ์ขึ้นไปเป็นหนึ่งในคนที่มีสิทธิจะเป็นนายกฯ ได้

5. คนแจกไพ่ – ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า

หากการเมืองคือเกมไพ่ ธรรมนัสคือผู้เล่นที่ไม่เคยต้องถือไพ่สวย แต่รู้เสมอว่า ใครควรได้ไพ่ใบไหน และใครควรถูกดึงออกจากโต๊ะ

ตลอดเส้นทางการเมือง ผู้กองนัสคือคนที่อยู่ถูกที่ ถูกเวลา ตรงจุดที่ท่ออำนาจ เงิน และคะแนนเสียง ไหลมาบรรจบกัน

ต้องไม่ลืมว่าเขาไม่ใช่นักการเมืองที่ชนะใจชนชั้นกลางในเมืองใหญ่ แต่คือนักการเมืองที่อ่านโครงสร้างอำนาจไทยขาด ตั้งแต่ระบบราชการ กลไกความมั่นคง และบ้านใหญ่ในต่างจังหวัด

ในหลายช่วงเวลา เขาคือผู้เล่นที่ถูกมองว่า ‘หมดอนาคต’ แต่ทุกครั้งที่เกมเปลี่ยน ธรรมนัสกลับเป็นหนึ่งในคนที่ยังอยู่บนโต๊ะเสมอ

การหลุดจากพรรคพลังประชารัฐ การตั้งพรรคใหม่ การกลับมารวมกลุ่ม สส.ได้อีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากคือทักษะการเอาตัวรอดในเกมที่โหดร้ายที่สุดของการเมืองไทย

ไพ่ของธรรมนัส ไม่ใช่คะแนนนิยม ไม่ใช่อุดมการณ์ แต่คือจำนวน สส.ที่ต่อรองได้จริง ในวันที่ต้องจัดตั้งรัฐบาล ไม่ต้องสงสัยว่า วันนี้หากไม่มีธรรมนัส ก็ไม่มีอนุทินเป็นนายกฯ

ในสถานการณ์ที่ไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากเด็ดขาด ธรรมนัสอาจไม่ใช่คนที่ได้เป็นนายกฯ แต่เป็นคนที่ตัดสินได้ว่าใครจะได้เป็นนายกฯ

และในเกมแบบ House of Cards ผู้เล่นแบบนี้ อันตรายกว่าคนที่ถือไพ่ใบใหญ่เสียอีก

ใครจะชนะ ไม่ได้อยู่ที่ไพ่ใบเดียว การเลือกตั้งครั้งหน้า อาจไม่มี ‘ผู้ชนะเบ็ดเสร็จ’ หากแต่จะมีผู้เล่นที่ต่อรองเก่งที่สุด อยู่รอดดีที่สุด และพร้อมจับมือกับคนที่เราคาดไม่ถึงที่สุด

ใน House of Cards คนที่ชนะ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ประชาชนรักที่สุด แต่คือคนที่อ่านเกมขาดที่สุด

และเกมนี้ เพิ่งจะเริ่มสับไพ่เท่านั้น

Tags: , , , , , , , ,