‘We Are One! สวัสดีครับ พวกเราคือ EXO!’ 

ถ้อยคำแนะนำตัวที่ติดหูของ ‘EXO’ บอยแบนด์ชื่อดังจากค่ายตึกสีชมพู SM Entertainment ซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจเป็นอย่างดี แม้แต่ในกลุ่มคนทั่วไป ที่ไม่ใช่ ‘EXO-L’ (ชื่อแฟนคลับของเอ็กโซ), ‘เอลี่’ หรือเป็นที่รู้จักในภาษาไทยว่า ‘แอ๋ว’ 

แม้ระยะเวลาจะเดินไปข้างหน้า 11 ปีแล้ว แต่ความนิยมของ EXO ยังคง ‘ไม่ล้ม ไม่หาย ไม่ตายไมค์’ ไปจากวงการ สมกับฉายา ‘ราชาแห่ง K-POP’ สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนที่สุด คือ การฟ้องร้องของ 3 สมาชิกแห่งยูนิต EXO-CBX คือ เฉิน แบคฮยอน และซิ่วหมิน ซึ่งต้องบอกว่า ‘สะเทือน’ ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วงการธุรกิจและการเงิน หลังมูลค่าหุ้นของ SM หายไปถึงระดับ ‘พันล้าน’ ภายใน 24 ชั่วโมงของวันที่เปิดเผยการฟ้องร้อง

(ที่มา: @Yu_Myeon)

หากอ้างการรายงานของสื่อเกาหลีหลายแห่งเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ‘NH Investment & Securities’ ลดมูลค่าการลงทุนจาก SM ลง โดยให้เหตุผลว่า ต้นสังกัดไม่สามารถการันตีกิจกรรมของ EXO ได้ หลังจากเปิดเผยถึงความไม่แน่นอนในการคัมแบ็ก

มากกว่านั้น ความนิยมของ EXO ก็ ‘ทุบทำลาย’ ลงได้ยาก แม้มีกระแสเรื่องการเล่น ‘Media Play’ และการสร้างความแตกแยกในหมู่แฟนด้อมหลังการฟ้องร้องก็ตาม แต่การปรากฏตัวของเหล่าสมาชิกทั้ง 7 คน ยังมีกระแสตอบรับจากสื่อมวลชนและแฟนคลับอย่างดีเยี่ยม เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา เมมเบอร์ EXO ทั้ง 7 คน ยกเว้นไคที่เข้ากรมรับใช้ชาติ เดินทางไปปูซาน ทงยอง เพื่อถ่ายทำวาไรตี้ ‘EXO’s Travel the World on a Ladder 4’ หรือเป็นที่รู้จักในชื่อไทยคือ ‘ไต่บันได’ 

สื่อข่าวดิสแพตช์ (Dispatch) พาดหัวข่าวว่า ‘EXO ตลอดไป: เฉิน แบคฮยอน ซิ่วหมิน เดินทางไปปูซาน’ ซึ่งปรากฏคลิปวิดีโอของเหล่าสมาชิกยิ้มแย้มแจ่มใส เดินพูดคุยกันปกติเสมือนว่าไม่มีเรื่องราวการฟ้องร้องเกิดขึ้น 

ยังไม่รวมไม้เด็ดที่ EXO-L รอคอยมาตลอด คือการประกาศคัมแบ็กอัลบั้มเต็มชุดที่ 7 ‘EXIST’ อย่างเป็นทางการในวันที่ 10 กรกฎาคมของปีนี้ นั่นยิ่งตอกย้ำข้อแถลงของ 3 สมาชิกที่ฟ้องร้องต่อต้นสังกัดว่า พวกเขายังคงจะเดินหน้าเป็นสมาชิกของ EXO ต่อไป แม้ว่าจะต้องยุติสัญญากับ SM ในอนาคตก็ตาม

“แม้แต่ลิฟต์ยังเอา EXO ไม่ลง”

“ตัวพ่อมาก ฟ้องค่าย แต่ก็ยังทำงานตามปกติ ฟีลแบบพี่จะอยู่ เหมือนชื่ออัลบั้ม”

“EXO ทำงานแล้ว ทำงานอยู่ ทำงานต่อ”

นี่คือกระแสบางส่วนจาก EXO-L ที่อาจเรียกได้ว่า ‘เป็นความปกติในความไม่ปกติ’ แม้ว่าจะมีความตื่นตระหนกและหวาดกลัวในช่วง 2 วันแรกของการฟ้องร้อง แต่ EXO-L ยังรับมือกับข่าวสารและสถานการณ์วุ่นวายเหล่านี้ได้อย่างดีเยี่ยม จนแฟนด้อมอื่นๆ เริ่มสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะเรื่องราวตลอดระยะเวลา 11 ปี ที่ EXO และ EXO-L ต้องฝ่าฟันอุปสรรคที่เลวร้ายและใจหายนับไม่ถ้วนเสมือน ‘ต้องคำสาป’ บางอย่าง ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ 2 ปีแรกของการเดบิวต์มาจนถึงปัจจุบัน จนมีคำอธิบาย EXO-L ของชาวต่างชาติและผู้เชี่ยวชาญว่า 

“ฉันไม่ปรารถนาจะให้ใครเผชิญประสบการณ์การเป็นแอ๋ว แม้แต่ศัตรูที่แย่ที่สุดของฉันก็ตาม” แอ็กเคานต์ @shoomymelody ทวีตข้อความหลังข่าวการฟ้องร้อง

“ไม่มีช่วงเวลาที่น่าเบื่อเลยสำหรับการเป็นแอ๋ว คุณต้องพบเจอกับประสบการณ์เหมือนเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์ตลอดเวลา” แอ็กเคานต์ @hanazyx ทวีตข้อความพร้อมแนบรูปภาพมีม (Meme) 

“EXO-L เป็นแฟนคลับที่มีความรู้สึกซับซ้อน และเศร้าโศกมากมาย เนื่องจากพวกเขารัก EXO มาก พวกเขาต้องรับมือความสูญเสียทางอารมณ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ก็ยังสามารถอดทนได้ (…) นี่คือพลังที่ทำให้ EXO เดินไปต่อ” สตีฟ ชเว (Steve Choi) ผู้เชี่ยวชาญด้าน K-Pop อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง EXO-L กับ EXO ในรายการ OK POP!! (오케이팝!!)

 

อาจจะเป็น ‘ความโชคดี’ ในความโชคร้าย เพราะทุกครั้งที่ EXO ต้องเผชิญเรื่องเลวร้ายชนิดที่ทุกแฟนด้อมไม่อยากให้เกิดขึ้นกับวงของตัวเอง พวกเขาก็สามารถกลับมายืนหยัดได้อย่างสง่าทุกครั้ง จนเกิดคำกล่าวที่ว่า EXO ฆ่าไม่ตาย เปรียบเสมือน ‘แมว 9 ชีวิตแห่งวงการเคป็อป’ 

หรือแม้แต่การเปรียบเทียบแบบขำขันในแฟนด้อมอินเตอร์ว่า ‘เอ็กโซคือแมลงสาบแห่งเคป็อป’ (Cockroaches of K-Pop) เพราะอยู่ยงคงกระพันอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้จะต้องพบเจอเรื่องยากลำบาก ซึ่งแม้แต่สมาชิกของวงก็คิดเช่นนั้น

 “ถึงจะทำสถิติ (จนประสบความสำเร็จ) ได้ แต่พวกเรายังคงสามารถฉลองอายุวงในปีที่ 10 ด้วยตัวเอง มันน่าเหลือเชื่อมาก” ไคบอกกับสมาชิกในรายการ EXO’s Travel the World on a Ladder ซีซัน 3 

เนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปี และคัมแบ็กที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ The Momentum ชวน EXO-L และผู้อ่านทุกคนร่วมย้อนความทรงจำเส้นทางแห่งหยดน้ำตา รอยยิ้ม และความสำเร็จไปกับ EXO แมว 9 ชีวิตแห่ง K-Pop ตลอดทั้ง 11 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่โด่งดังในฐานะเด็กหนุ่มในชุดนักเรียน สู่ดาวค้างฟ้าที่เป็นตำนานตลอดกาล

จุดเริ่มต้นของความโด่งดัง: คอนเซปต์อันแปลกประหลาด แต่กลายเป็นรักแรกแห่งชาติของใครหลายคน กับชุดนักเรียนในเพลง ‘Growl’

ในปี 2012 SM เปิดตัวบอยแบนด์หนุ่มสัญชาติเกาหลี-จีนที่ชื่อว่า EXO โดยแบ่งเป็น EXO-K หรือสมาชิกเกาหลี ได้แก่ ซูโฮ (Suho) ลีดเดอร์ของวง แบคฮยอน (Baekhyun) ชานยอล (Chanyeol) ดีโอ (D.O.) ไค (Kai) และเซฮุน (Sehun) ขณะที่สมาชิกฝั่งจีนภายใต้ EXO-M ประกอบด้วย คริส (Kris) ลู่หาน (Luhan) เลย์ (Lay) เฉิน (Chen) ซิ่วหมิน (Xiumin) และเทา (Tao) ซึ่งเริ่มต้นเดบิวต์ด้วยเพลง ‘MAMA’ และ ‘What is Love’ 

แต่มากกว่าการแบ่งแยกยูนิต คือความแปลกประหลาดที่อาจเรียกว่า ‘มาก่อนกาล’ วงอื่นๆ ในตึกชมพูอย่างเอสปา (aespa) กับคอนเซปต์กวังยาอันแสนลึกลับในปัจจุบัน คือ EXO มีจักรวาลเป็นของตนเองภายใต้คอนเซปต์ ‘เด็กหนุ่ม ผู้มาจากดาวเคราะห์ EXO Planet’ ซึ่งสมาชิกแต่ละคนมีพลังวิเศษประจำตัวและเชื่อมโยงกัน เช่น แบคฮยอนมีพลังแสงเชื่อมโยงกับเลย์ที่มีพลังรักษา ซูโฮมีพลังน้ำคู่กับซิ่วหมินที่มีพลังน้ำแข็ง 

อย่างไรก็ตาม ความโด่งดังแบบพลุแตก เริ่มต้นขึ้นในปี 2013 ด้วยอัลบั้มชุดแรก ‘XOXO (Kiss & Hug)’ ที่มีเพลง B-Side คุ้นหูกันดีในหมู่แฟนด้อมเกาหลี ไม่ว่าจะเป็น ‘Lucky’ ‘Peter Pan’ หรือ ‘Baby Don’t Cry’

เพลงไตเติลแรกของอัลบั้มนี้ คือ ‘Wolf’ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับว่า ‘แปลก’ และ ‘เบียว’ มาก ทั้งเนื้อเพลงและทำนองที่แปลกหู แต่นั่นเป็นจุดแรกที่ EXO เริ่มได้รับความนิยม จากกระแสยุคหนึ่งในประเทศที่ผู้คนบนท้องถนนใส่เสื้อ ‘WOLF 88’ ไม่ว่าจะรู้จักเด็กหนุ่มที่มาจากต่างดาวหรือไม่ก็ตาม

จนกระทั่งการปล่อยเพลง ‘Growl’ หรือเป็นที่รู้จักในภาษาเกาหลี คือ อือรือรอง (으르렁) ภายใต้คอนเซปต์ ‘เด็กหนุ่มในชุดนักเรียน’ แสนน่ารัก สดใส แต่ก็แฝงด้วยเสน่ห์อันลึกลับบางอย่างตามคอนเซปต์ของเพลง 

검은 그림자 내 안에 깨어나

เงามืดได้ตื่นขึ้นมาในตัวฉันแล้ว

널 깨운 두눈에 불꽃이 튄다

เกิดเป็นประกายไฟในดวงตาทั้งคู่ ยามที่มองเธอ

그녀 곁에서 모두다 물러나

ทุกๆ คนถอยห่างออกไปจากเธอซะ

이제 조금씩 사나워진다

จากนี้ไปฉันจะค่อยๆ โหดร้ายกว่าเดิม

ด้วยท่วงทำนอง การออกแบบท่าเต้นอันเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะรูปแบบการถ่ายทำแบบ One-Take ที่เผยให้เห็นเสน่ห์อันกระตือรือร้นของชายหนุ่มในวัย 20 ต้นๆ ทำให้สมาชิกทั้ง 12 คน โด่งดังในชั่วข้ามคืน และ EXO กลายเป็นบอยแบนด์ที่ทำยอดขายอัลบั้ม 1 ล้าน ขึ้นครั้งแรกในรอบ 12 ปี พร้อมด้วยการชนะรางวัลใหญ่ ‘แดซัง’ มากมาย เช่น รางวัล Album of the Year ของ Mnet Asian Music Awards (MAMA) หรือรางวัล Song of the Year ของ Melon Music Awards ประจำปี 2013

“ความนิยมของ EXO ในช่วง Growl ไม่สามารถอธิบายได้ คนดังพูดถึงแต่ EXO รายการทีวีมีแต่ EXO หรือแม้แต่การพูดคุยก็เป็น EXO (…) ชั้นเรียนของฉันมีผู้หญิง 18 คน แต่ 16 คนเป็นแฟนๆ ของ EXO ไปแล้ว ช่วงพัก เรารวมตัวกันดู M Countdown และ Music Bank เราตีกับเพื่อนๆ ว่า ‘ซิ่วหมินกับชานยอลเป็นของฉันนะ’ 5555” 

“แม้แต่คนที่ไม่ใช่แฟนคลับ EXO ยังร้องแฟนชานต์เพลง Growl ได้เลย”

“ฉันไม่ได้ล้อเล่น แต่ปีใหม่เป็นต้นมา พวกคำถาม ‘เธอชอบคนดังคนไหน?’ ถูกแทนที่ด้วย ‘เธอชอบคนไหนใน EXO?’”

“สรุปง่ายๆ สั้นๆ 2013 เป็นปีของ EXO” 

ทั้งหมดนี้คือคอมเมนต์สั้นๆ จากชาวเน็ตเกาหลี ที่อธิบายกระแสความนิยมของ EXO ในปี 2013 ได้ดี ซึ่งหากย้อนมาในไทยช่วงเวลาดังกล่าว ก็อาจบอกได้ว่า EXO กินประเทศไทยไปแล้ว เพราะในเวลานั้น เสื้อผ้า โลโก้ หรือทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ EXO แทบจะปรากฏตัวเกือบทุกที่ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำกล่าวที่ว่า “ทุกคนเคยเป็นแอ๋วมาก่อน” เป็นสิ่งที่ไม่เกินจริงเลยทีเดียว เพราะ EXO ได้รับความนิยมในประเทศไทย จนเมื่อมีการปรากฏตัวของเมมเบอร์ สถานที่แทบจะแตก ผู้คนพร้อมหลั่งไหลไปรวมตัว ณ ที่แห่งนั้น

แม้จะล้มลุกคลุกคลาน แต่ต้องเดินหน้าเพื่อเติบโต: เด็กหนุ่มทั้ง 9 คน ในวันที่พายุโหมกระหน่ำ 

ก่อนพายุจะมา ท้องฟ้าจะสดใสผิดปกติเสมอ เช่นเดียวกับสถานการณ์ของ EXO ในปี 2014 ที่คัมแบ็กในเพลง ‘Overdose’ ซึ่งได้รับกระแสนิยมเป็นอย่างดีต่อเนื่องจากแฟนๆ แต่ใครจะรู้ว่าการกลับไปจีนของเมมเบอร์คนหนึ่ง จะเป็นการจากไปตลอดกาลของเขา 

วันที่ 15 พฤษภาคม 2014 คริส สมาชิกฝั่งจีนยื่นฟ้อง SM เพื่อยุติสัญญาทาส ในเวลานั้น ห้วงเวลาแห่งสุญญากาศเกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรหรือมีเป้าหมายอย่างไร หรือแม้แต่คนที่คิดว่ารู้จักกันดีที่สุดอย่างเมมเบอร์ในวงก็ตาม 

ช่วงเวลาวิกฤตครั้งใหญ่ของเด็กหนุ่มที่เพิ่งเดบิวต์ได้ 2 ปี กลับมีคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็น ‘เสาหลักพยุงจิตใจ’ EXO และ EXO-L ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะ ซูโฮ ลีดเดอร์ของวง ทำหน้าที่ได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เขาเดินขึ้นรับรางวัลคนเดียวในรายการ M-Countdown หลังจาก EXO-K ชนะในรายการเพลงนี้ 

“คำขวัญประจำวงของเรา ‘We Are One’ มันไม่ใช่แค่ผม แต่คือพวกเราทั้งหมด พวกเราจะยึดมั่นคำเหล่านี้และทำมันเพื่อแฟนๆ” ซูโฮกล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมขอบคุณผู้มีส่วนร่วม แต่ไม่มีใครรู้ว่าหัวใจของเขาเป็นอย่างไรในวันนั้นจนถึงทุกวันนี้

เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์ค่อยๆ คลี่คลายแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่จากไป การเตรียมการเพื่อคอนเสิร์ตครั้งแรกของ EXO ‘The Lost Planet’ เป็นไปอย่างหวุดหวิด เพราะต้องวางแผนใหม่ทั้งหมด 

แต่ไม่นานนัก ลู่หาน สมาชิกชาวจีนอีกคน ก็ยื่นฟ้องและขอยกเลิกสัญญากับ SM หลังจากการจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศจีน กรุงปักกิ่ง เนื่องจากปัญหาทางสุขภาพ และการปฏิบัติต่อเมมเบอร์ที่ไม่เท่าเทียม อย่างไรก็ดี การจากไปครั้งนี้ของเขาเป็นที่รับรู้ของทุกคนในวง และแฟนบางส่วนก็คาดเดาได้ 

ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี การคัมแบ็กของ EXO ในปี 2015 ภายใต้อัลบั้ม ‘EXODUS’ กับทีเซอร์ระดับตำนาน ‘Pathcode’ ที่ยังถูกเล่าขานจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะความเล่นใหญ่และอลังการ เพราะอัลบั้มมีทั้งหมด 20 ปก พร้อมทั้งทีเซอร์ระดับหนังสั้นถ่าย 10 เมมเบอร์ในสถานที่ 10 แห่ง ที่ลงทุนถ่ายทำในต่างประเทศ รวมถึงยังเป็นจุดเริ่มต้นการไขปริศนาอันงุนงงในคอนเซปต์ของ EXO เมื่อแอ๋วหลายคนต่างสวมวิญญาณเป็นนักสืบโคนันเพื่อหาคำตอบตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

EXO เปิดศักราชใหม่ด้วยเพลงไตเติล ‘Call Me Baby’ ที่โด่งดังและติดหูจนคว้ารางวัล 18 ถ้วยจากรายการเพลง แต่ไม่นานนัก พายุรุนแรงก็โหมกระหน่ำอีกครั้ง ในเดือนมีนาคม 2015 เทา เมมเบอร์ชาวจีนที่หยุดพักงาน ตัดสินใจฟ้องร้องต่อ SM เพื่อยื่นยุติสัญญาด้วยปัญหาทางสุขภาพและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม 

ในเวลานั้น จิตใจของ EXO-L อ่อนแอและบอบช้ำอย่างมาก อีกทั้งยังเกิดความไม่แน่นอนในการสนับสนุนผู้ชายทั้ง 9 คน เพราะไม่รู้ว่าอะไรขึ้นจะเกิดขึ้นกับวงที่ตัวเองรัก หลังสูญเสียอดีตสมาชิก 3 คน โดยใช้ระยะเวลาไม่ถึงปี

แม้แต่จิตใจของเมมเบอร์ที่เหลือก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน ทุกคนต่างความหวาดกลัวว่าจะต้องเสียสมาชิกคนอื่นๆ ไป โดยเฉพาะสมาชิกจีนเพียงหนึ่งเดียว 

ท่ามกลางความมืดมน มองไม่เห็นทิศทางในอนาคต เลย์ก็ประกาศอย่างชัดเจนผ่านบทสัมภาษณ์ในแมกาซีนว่า เขาจะไม่ไปไหน แม้ว่าจะก่อตั้งสตูดิโอของตนในประเทศจีนก็ตาม

“ผมไม่ยกเลิกสัญญาของ EXO เพื่อจะรักษาสัญญากับเมมเบอร์ที่เหลือ” เขากล่าวในปี 2015 เหมือนกับที่ให้สัญญาในเพลง ‘Promise’ หรือ ‘EXO 2014’ ที่แต่งขึ้นมาเพื่อ ‘ขอบคุณ’ และ ‘ขอโทษ’ แฟนๆ ในเวลาเดียวกัน 

อาจกล่าวได้ว่า 2015 คือปีแห่งการเริ่มต้นที่แท้จริง ความนิยมของ EXO พุ่งทะลุสูงสุด ทั้งยอดขายอัลบั้ม EXODUS ทะลุ 1 ล้านอีกครั้ง การกวาดรางวัลท้ายปีมากมาย และการเดบิวต์ที่ญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความภาคภูมิใจที่สุดของ EXO-L คือการขึ้น ‘โตเกียวโดม’ ในระยะเวลาสั้นๆ อีกทั้งยังสร้างตำนานการกดบัตรคอนเสิร์ตครั้งที่ 2 ‘EXO’luXion’ ทุบสถิติโลก เพราะทำยอดขายบัตรคอนเสิร์ต 5 วัน จำนวน 67,040 ใบ หมดภายในเวลา 0.4 วินาที

ยังไม่รวม 2016 ที่นับว่าเป็นยุคทอง EXO ปล่อยอัลบั้มที่ 3 ‘EX’ACT’ โดยมีเพลงไตเติล 2 เพลง คือ ‘Lucky One’ และ ‘Monster’ ที่มีคอนเซปต์ 2 ด้าน คือด้านดีกับด้านร้าย ซึ่งบอกใบ้เกี่ยวกับตัวตนของ EXO ภายใต้ร่าง Alter Ego อย่าง ‘X-EXO’ ที่จะเปิดเผยต่อการคัมแบ็กในอนาคต รวมถึงกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมในอัลบั้มรีแพ็กเกจ ‘Lotto’ ในลุก Young and Rich

คอนเซ็ปต์สองสายระหว่างด้านดีและด้านมืด (ที่มา: KnockKnock04048)

อัลบั้ม EX’ACT ก็ทำสถิติด้วยยอดขายอัลบั้ม 1 ล้านเช่นเดิม จนได้ฉายา ‘Triple Million Seller’ ในรอบ 16 ปี พร้อมทั้งหอบรางวัลกลับบ้านมากมายในปีเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นรางวัล Artist of the Year ของ Melon Music Awards หรือ รางวัลแดซัง Album of the Year ใน MAMA

นอกจากนี้ EXO ยังมีอัลบั้มฤดูหนาวที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น นับตั้งแต่อัลบั้ม ‘Miracles in December’ ที่มีเพลงชาติประจำเกาหลีในทุกหิมะตก คือ ‘The First Snow’ รวมถึงอัลบั้ม ‘Sing For You’ ‘For Life’ และ ‘Universe’

อัลบั้มฤดูหนาวยังมีความสำคัญสำหรับ 3 เมนโวคอลอย่าง เฉิน แบคฮยอน และดีโอ ซึ่งมักได้ปล่อยของและแสดงศักยภาพในเพลงบัลลาดอยู่บ่อยครั้ง จนหลายคนมักพูดติดปากจนถึงทุกวันนี้ว่า “ขี้โกงมาก เอาสามคนนี้มาอยู่วงเดียวกันได้ยังไง” 

EXO กับการเปิดศักราชใหม่สู่ความสำเร็จ: จาก ‘ความล้มเหลวของค่าย’ สู่ ‘ราชาแห่ง K-Pop’ และ ‘Nation’s Pick’

‘EXO ร้องเพลงเป็นเหรอ ดูก็รู้ว่าลิปซิงค์ทั้งนั้น’

‘ออกทีเซอร์ 20 กว่าตัว ค่ายดันหลังสุดๆ แต่ดูทรงแป้กแน่ๆ’

‘โตเกียวโดมไม่ขลังอีกต่อไปแล้ว’

ทั้งหมดนี้คือข้อครหาที่ EXO ต้องพบเจอตลอดระยะเวลาช่วงเริ่มเดบิวต์ระยะแรกๆ เพราะใครจะเชื่อว่า เด็กผู้ชายทั้ง 9 คนในวันนั้นที่ถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ความล้มเหลวของค่าย’ จะก้าวขึ้นมาสู่ ‘จุดสูงสุดในวงการ’ ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ซึ่งเป็นที่ประจักษ์จากฉายาต่างๆ มากมาย 

ไม่ว่าจะเป็น ‘ราชาแห่ง K-Pop’ จากความสามารถอันครบเครื่องทั้งการร้อง การเต้น การแสดงที่โดดเด่น และการดึงดูดผู้ชม หรือการได้รับสมญานามจากรัฐบาลเกาหลีใต้ของ มุน แจอิน (Moon Jae-in) ว่า ‘Nation’s Pick’ หลังจากได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศในงานสำคัญต่างๆ เช่น การแสดงพิธีปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวพยองชางปี 2018 การเป็นตัวแทนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาหลี หรืองานทางการทูต ตั้งแต่การเข้าพบ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และงานความสัมพันธ์จีน-เกาหลีใต้ (Korea-China Economic and Trade Partnership)

รวมถึงความนิยมในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน แม้ว่าในปี 2016 รัฐบาลจีนและเกาหลีใต้เกิดความขัดแย้งการวางระบบขีปนาวุธ Terminal High Altitude Area Defense (THAAD) ส่งผลให้ทางการจีนแบนกระแสฮันรยู (Hallyu) เพื่อตอบโต้เกาหลีใต้ 

การแบนดังกล่าวกระทบต่อ EXO โดยตรง เพราะเลย์ไม่สามารถทำกิจกรรมร่วมกับเมมเบอร์ที่เหลือได้ตามกฎข้อห้าม อีกทั้งเกิดการเลื่อนแผนงานต่างๆ ของวง เช่น การเลื่อนแผนคอนเสิร์ต EXO Planet #3 -The EXO’rDIUM ในเมืองหนานจิงไปอย่างไม่มีกำหนด

แม้ EXO จะไม่ได้เหยียบจีนแผ่นดินใหญ่มาหลายปี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกเขาได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นการยึดชาร์ตเพลง จำนวนการค้นหาสมาชิก ความนิยมในโซเชียลมีเดีย รวมถึงยอดขายอัลบั้มทั้งในฐานะวงและศิลปินเดี่ยว

“ผมไปกินข้าวกับ CEO บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งในจีน เขาบอกว่า EXO เป็นตัวเลือกหนึ่งเดียวสำหรับพวกเขา นั่นพิสูจน์ว่า EXO ยังคงยิ่งใหญ่ในจีน” สตีฟ ชเว วิเคราะห์กระแสของ EXO 

นอกจากนั้น สมาชิก EXO แต่ละคนยังมีจุดแข็งสำคัญ คือความโดดเด่นด้านผลงานเดี่ยว ซึ่งครบเครื่องทั้งสายวาไรตี้ การแสดง และศิลปินเดี่ยว รวมถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ดังระดับโลก  

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ หากเกาหลีมีแบคฮยอน ผู้ได้รับฉายา ‘One-Top Solo’ ในฐานะศิลปินเดี่ยว หลังทำยอดขายอัลบั้ม ‘Delight’ 1 ล้านแตกในรอบ 19 ปี ต่อจาก ซอ แทจี (Seo Tae-ji) และคว้ารางวัล Best Male Artist 3 ปีซ้อนของ MAMA คนแรกในประวัติศาสตร์ ในประเทศจีนก็มีเลย์ในฐานะ จาง อี้ชิง (Zhang Yixing) ตัวแทนของกระแส M-Pop ที่ครบเครื่องทั้งการร้อง การเต้น การแสดง พ่วงตำแหน่งโปรดิวเซอร์

นอกจากนั้น เฉิน ก็โดดเด่นในการร้องเพลงจากน้ำเสียงทรงพลัง จนได้รับฉายาว่า ‘ราชาแห่ง OST’ เพราะร้องเพลงประกอบซีรีส์และละครดังมากมาย เช่น ‘Everytime’ และ ‘Best Luck’ ที่เมื่อบทเพลงบรรเลงขึ้นมา ทุกคนต้องร้องได้ ไม่ว่าจะรู้จักเฉินหรือไม่ก็ตาม 

รวมไปถึงไค ในฐานะ Global Brand Ambassador ของกุชชี่ (Gucci) และความสามารถในการเต้นที่โดดเด่นในฐานะศิลปินเดี่ยว ยังไม่รวมถึงสกิลวาไรตี้อันเป็นที่ประจักษ์ของรุ่นพี่ในวงการ จนได้รับคำเชิญออกรายการวาไรตี้อยู่บ่อยครั้ง 

ขณะที่สายการแสดง ก็ต้องยกให้ดีโอ ในฐานะนักแสดง โด คยองซู (Do Kyungsoo) ที่ได้รับคำชมถึงการแสดงอันดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์หรือภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ก็ตาม รวมถึงเมมเบอร์คนอื่นๆ อย่าง เซฮุน ซูโฮ ซิ่วหมิน ที่มีผลงานการแสดงซีรีส์และละครเวทีออกมาให้ชมอยู่บ่อยครั้ง

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คือชานยอลที่โดดเด่นในฐานะโปรดิวเซอร์ ภายใต้ชื่อ ‘LOEY’ และผลงานการแต่งเพลงมากมาย เช่น ‘Gravity’ ‘Rodeo Station’ ‘Telephone’ อีกทั้งยังมีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ในฐานะนักร้องเดี่ยว แม้จะมีตำแหน่งเป็นเมนแร็ปของวงก็ตาม ซึ่งฝากซิงเกิลยอดฮิตไว้อย่าง ‘Yours’ หรือ ‘Stay with Me’

ทั้งหมดนี้คือผู้ชายทั้ง 9 คนที่ขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดในอุตสาหกรรมความบันเทิงระดับโลก เปรียบเสมือน ‘ดาวค้างฟ้า’ ตลอดกาล หลังจากสร้างยุคเป็นของตนเอง และยังคงได้รับความรักและความนิยมอย่างต่อเนื่อง

ความห่างเหินของ SM และ EXO: ข้อเรียกร้องจากเมมเบอร์ในการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม

EXO ยังคงได้รับการปฏิบัติและกระแสตอบรับที่ดีจากต้นสังกัดมาตลอด โดยเฉพาะช่วงคัมแบ็กอัลบั้ม ‘The War’ ในปี 2017 ภายใต้เพลงไตเติล ‘Ko Ko Bop’ ที่มักถูกแซวอยู่บ่อยครั้งว่า ‘น้องโค่ 100 สเตจ’ 

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นระหว่าง EXO กับ SM เริ่มประจักษ์ขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2019 หลังซูโฮให้สัมภาษณ์ในรายการ Radio Star ภายใต้การโปรโมตอัลบั้ม ‘Obsession’ ว่า EXO กำลังไปได้สวยในการทำงาน แต่ต้นสังกัดปล่อยปละละเลย ไม่เอาใจใส่เหมือนเมื่อก่อน

“ผมผิดหวังนิดหน่อยนะ สมัยก่อน เมื่อเราทำได้ดีกับการคัมแบ็กในเพลง Growl เราเดินทางไปถ่ายทำ MV ในต่างประเทศ เหมือนพวกเขาจะลงทุนกับพวกเราเยอะมากเลยล่ะ

“แต่เดี๋ยวนี้ทุกอย่างดูเรียบง่ายไปหมด นั่นก็ผิดหวังเล็กน้อย แต่บริษัทบอกกับพวกเราว่า เขาจะเน้นทำอะไรแบบ ‘เรียบง่าย’ (Minimalistic) 

“ไม่นานมานี้ เราเพิ่งไปเล่นคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศ ปกติแล้วเวลาพักที่โรงแรม ห้องของหัวหน้าวงเป็นระดับสวีต แต่ตอนนี้บริษัทให้เป็นห้องธรรมดา” ลีดเดอร์แห่ง EXO อธิบายสถานการณ์

คำพูดของซูโฮ ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงปี 2018 เป็นต้นมา หลังจากการคัมแบ็กโปรโมตอัลบั้ม ‘Don’t Mess Up My Tempo’ และซิงเกิล ‘Love Shot’ ในอัลบั้มรีแพ็กเกจ น้อยกว่าที่ควรจะเป็น แม้ว่าถ้าได้รับการต่อยอด EXO อาจได้รับกระแสที่ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะลุกใหม่ของสมาชิกที่โตขึ้น แข็งแรงขึ้น และได้รับฉายาใหม่ในฐานะ ‘ไอคอนแห่งความเซ็กซี่’ รวมถึงยอดวิวของ MV ถึง 500 ล้านวิว

(ที่มา: KnockKnock0408)

นั่นยังรวมถึงผลงานการคัมแบ็กในอัลบั้มพิเศษ ‘Don’t Fight the Feeling’ ที่ถือว่าแทบไม่มีการโปรโมตอะไรจากค่าย ยกเว้นการประชาสัมพันธ์ในหมู่ EXO-L จนหลายคนไม่ทราบว่ามีอัลบั้มนี้อยู่ 

ความละเลยของ SM ต่อ EXO ยังกระทบต่อแบคฮยอนและไคในช่วงปี 2019-2021 หลังจากทั้งสองต้องทำโปรเจกต์พิเศษของค่าย คือ SuperM ที่สร้างปัญหาอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบตารางงานวง งานเดี่ยว รวมถึงสุขภาพร่างกาย เพราะต้องเดินทางข้ามทวีปอยู่บ่อยครั้งและใช้เวลายาวนาน ซึ่งมีการเปิดเผยในรายการ Radio Star ว่า แบคฮยอนถึงกับขอคำแนะนำจากซูโฮ เพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานโปรเจกต์พิเศษ

“นายคงจะยุ่งมากๆ ใช่ไหม แม้ว่าตอนนี้นายไม่มีเวลาหรือทำงานเหมือนเครื่องจักร แต่ในอนาคต ถ้าได้ย้อนกลับมามองตัวเอง มันจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น นายทนอีกนิดนึงนะ เข้าใจไหม?” ข้อความของซูโฮส่งถึงแบคฮยอน

นอกจากนั้น ยังมีข้อสันนิษฐานบางอย่างถึง ‘สัญญาทาส’ ที่เกิดขึ้นระหว่างสมาชิก EXO หลังเมมเบอร์ ‘กึ่งพูดเล่นพูดจริง’ ในการโปรโมตอัลบั้ม ‘Rover’ ของไค

“40% ของรายได้ของคุณ 15% ของยอดขายทั้งหมดเป็นของเรา

“คุณต้องอยู่เงียบๆ อย่าไปออกรายการวาไรตี้ คุณสามารถแสดงออกได้ทุกอย่างผ่านการเต้นและการร้องเพลง (ยกเว้นการเป็นตัวของตัวเอง)

“นอกจากนี้ 50% ของรายได้จะเป็นของเรา และอย่าไปให้สัมภาษณ์” ซูโฮและแบคฮยอนพูดกับไคในการแสดง Role Play ออดิชัน ก่อนที่ดีโอจะเบรกทุกอย่างที่เกิดขึ้น

ซึ่งมีการเปิดเผยในภายหลังถึงความไม่ธรรมของสัญญา หลังทนายความของ 3 สมาชิกที่ฟ้องร้อง SM เปิดเผยว่า เมมเบอร์ต้องเจรจาเพื่อแก้ไขการต่อสัญญาถึง 8 ครั้ง อีกทั้งการต่อสัญญาไม่โปร่งใส เพราะต้นสังกัดใช้สมาชิกเป็นตัวประกัน

“แบคฮยอน ถ้าคุณเซ็นสัญญา สมาชิกคนอื่นๆ จะได้รับเงินจำนวนเท่านี้นะ” นี่คือข้อความที่ SM บอกกับแบคฮยอน ซึ่งเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา

 ทั้งหมดนี้จึงแสดงให้เห็นว่า EXO ต้องพบเจอกับความอยุติธรรมมาตลอด จนนำไปสู่การฟ้องร้องของ 3 สมาชิก ท่ามกลางการรับรู้ของสมาชิกวงทุกคน และอาจบอกได้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สามารถเปิดเผยได้ในสาธารณะและบทความแห่งนี้ 

อนาคตที่ไม่มีใครรู้: ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหน ผู้ชายทั้ง 9 คนก็จะยังคงเป็น EXO ของ EXO-L ตลอดไป

คำกล่าวที่ว่า ‘ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ’ เช่นเดียวกับสถานการณ์ต่างๆ ของ EXO เริ่มผ่อนคลาย EXO-L จึงได้รับข่าวดีมากมาย หลังเกิดปรากฏการณ์ ‘พฤหัสอัศจรรย์’ 

ไม่ว่าจะเป็นการเปิดไทม์ไลน์คัมแบ็กอย่างเป็นทางการใน ‘วันที่ 10 กรกฎาคม’ กับ อัลบั้มที่ 7 ‘EXIST’ จนเกิดปรากฏการณ์แฮชแท็ก #เอ็กโซคัมแบค10กรกฎา ขึ้นอันดับ 1 ในทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา หรือการถ่ายทำรายการวาไรตี้ ‘ไต่บันได’ ซีซัน 4 ที่เอลี่ทุกคนต่างเฝ้ารอ 

รวมถึงการปล่อยเพลงและ MV ‘Let Me in’ ซึ่งเป็นเพลง B-Side ใหม่ล่าสุดในอัลบั้ม EXIST ที่เปิดเผยครั้งแรกในแฟนมีต 11 ปี เมื่อเวลา 16.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย

อีกทั้งยังมีข่าวดีๆ ของการฟ้องร้อง หลัง SM มีท่าทีผ่อนปรนลง และหน่วยงาน Free Trade Commission (FTC) เตรียมรับการร้องเรียนของ 3 สมาชิกไปดำเนินการต่อ 

แม้ว่าเราอาจยังไม่รู้หนทางข้างหน้าในอนาคต แต่สิ่งหนึ่งที่ EXO-L มั่นใจได้เสมอ คือความภักดีต่อสมาชิกด้วยกันเองที่พร้อมจับมือกันฝ่าฟันอุปสรรคที่ยากลำบาก ซึ่งเป็นการแสดงออกที่เสียงดังที่สุดถึง ‘สัญญาใจ’ ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม

นอกจากนั้น เหตุการณ์ครั้งนี้ยังทำให้เห็นความรักที่ EXO-L มีให้ EXO อย่างไม่เสื่อมคลายตลอดระยะเวลา 11 ปีเต็ม ซึ่งแสดงออกผ่านการยืนหยัดส่งกำลังใจผ่านโปรเจกต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งรถแห่ประท้วงหน้า SM แถลงการณ์รวมตัวของเหล่าบ้านแฟนเบสทั่วโลก หรือแผนการเดินหน้า ‘ดับเครื่องชน’ สนับสนุนการคัมแบ็กครั้งนี้อย่างเต็มที่ 

ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่า EXO และ EXO-L จะไม่ทอดทิ้งกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าผู้ชายทั้ง 9 คนจะยืนอยู่จุดไหน และยังคงเชื่อมั่นว่า ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ยืนหยัดต่อสู้เสมอ 

“เราคิดว่าบางสิ่งควรได้รับการแก้ไข หากมีใครได้ประโยชน์จากการเอาเปรียบผ่านความทรงจำ ความรัก ช่วงเวลาอันเยาว์วัย ความทุ่มเท และความหลงใหลที่เมมเบอร์และแฟนๆ แบ่งปันกันและกันมาตลอดเป็นเวลา 10 ปี เราถนอม EXO มากกว่าสิ่งใดทั้งนั้น

“พวกเราใช้เวลาครึ่งชีวิต เผชิญทั้งสุขและทุกข์ด้วยกันมาตลอด ไม่ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เราจะยึด EXO มาก่อนอะไรทั้งนั้น

“เรารวบรวมความกล้าเพื่อยืนหยัดต่อสิทธิของเรา เราจะให้สาธารณชนและแฟนๆ ที่ล้ำค่าของเราตัดสินใจเองว่า สิ่งเหล่านี้คือการทรยศต่อสมาชิกหรือไม่

“เมื่อพิจารณาถึงการกระทำอยุติธรรมที่จะไม่ได้เพียงเกิดขึ้นกับตอนนี้ แต่ยังรวมถึงในอนาคต เราอดไม่ได้ที่จะพูดถึงมันเพื่อเหล่าเทรนนีและศิลปินรุ่นน้อง” ส่วนหนึ่งจากแถลงการณ์ของ CBX ที่แสดงให้เห็นความกล้าหาญและความภักดีต่อ EXO และ EXO-L เหนือกว่าสิ่งอื่นใด

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าบทสรุปเป็นอย่างไร แต่หากพิจารณาถึงอดีตที่ผ่านมาของบอยแบนด์ทั้ง 9 คน ยิ่งทำให้เราตระหนักได้ว่า ไม่มีอะไรสามารถทุบทำลาย EXO ลงได้ เพราะต่อให้ต้องล้มสักกี่ครั้ง หรือพบเจอความยากลำบากเพียงใด หากพวกเขามี ‘การสนับสนุนของ EXO-L’ ที่เป็นกำลังสำคัญ ผู้ชายทั้ง 9 คนจะสามารถลุกขึ้นสู้ต่อจนทุกอย่าง ‘ยิ่งใหญ่’ และ ‘แข็งแกร่ง’ กว่าเดิม

ดังที่เฉิน แบคฮยอน และซิ่วหมิน เปิดเผยในแถลงการณ์ว่า

“ถ้าเรามีแฟนๆ (EXO-L) พวกเราก็ไม่เกรงกลัวต่ออะไรทั้งนั้น”

อ้างอิง

http://kpopkfans.blogspot.com/2016/09/how-popular-was-exo-during-growl.html

https://www.soompi.com/article/609437wpp/exo-k-wins-mcountdown-only-suho-accepts-award

https://www.siamzone.com/board/view.php?sid=3753381

https://aminoapps.com/c/k-pop/page/blog/exo-achievements-in-2015/N1IM_uW167gzrNk2JZrJna8q1qlDKm

https://www.hellokpop.com/news/exo-successfully-wraps-up-first-tokyo-dome-concert/

https://exo.fandom.com/wiki/EXO_PLANET_2_-_The_EXO%27luXion

https://www.soompi.com/article/719519wpp/exos-lay-im-not-leaving-exo-because-of-my-promise-to-the-members

https://aminoapps.com/c/exo/page/blog/exos-awards-achievements-review-2016/j04k_BdvcKupKVMMRZa2qbE5JDme5LvrPW

https://www.koreaboo.com/news/korean-government-called-exo-nations-pick/

https://en.yna.co.kr/view/AEN20161207005900315

https://www.korseries.com/exos-baekhyun-becomes-1st-solo-artist-who-acheive-a-million-album-sales-in-19-years/

https://www.youtube.com/watch?v=rfTU1CuVQ8Q&ab_channel=KOCOWATV

https://twitter.com/506BBH92/status/1665661456472211456

https://twitter.com/qtpiebyunbaek/status/1665660182393946112/photo/2

https://twitter.com/qtpiebyunbaek/status/1665661023918096384

Fact Box

  • EXO เป็นบอยแบนด์สัญชาติเกาหลี-จีน ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 9 คน ได้ ได้แก่ ซูโฮ ซิ่วหมิน เลย์ แบคฮยอน เฉิน ชานยอล ดีโอ ไค และเซฮุน 
  • พลังวิเศษของ EXO ตามคอนเซปต์ ได้แก่ ไค พลังหายตัว, แบคฮยอน พลังแห่งแสง, ซูโฮ พลังน้ำ, ซิ่วหมิน พลังน้ำแข็ง, เซฮุน พลังลม, ชานยอล พลังไฟ, ดีโอ พลังความแข็งแกร่ง, เฉิน พลังสายฟ้า และเลย์ พลังฮีลลิง
  • EXO-L เป็นแฟนคลับของ EXO ตั้งขึ้น เพราะ L = Love และอยู่ตรงกลางระหว่างตัวอักษร (EXO) K กับ (EXO) M อีกทั้งยังมีชื่อเล่นน่ารักๆ อย่าง ‘เอลี่’ ที่แบคฮยอนตั้งให้ 
  • ‘พฤหัสอัศจรรย์’ เป็นวลีที่ถูกใช้ในหมู่แฟนด้อม เวลาตื่นตระหนกหรือตกใจ เมื่อ EXO มีข่าวสารหรือเรื่องราวใหญ่ๆ ที่มักออกมาทุกวันพฤหัสบดี วลีนี้มีที่มาจากตอนที่ EXO เคยมาไทยช่วงเดบิวต์แรกๆ และออกรายการพฤหัสอัศจรรย์นั่นเอง
  • เมมเบอร์ชาวจีนคนเดียวของ EXO คือ เลย์ หรือ จาง อี้ชิง (Zhang Yixing) ขณะที่ซิ่วหมินและเฉินเป็นคนเกาหลีแท้ มีชื่อจริงว่า คิม มินซอก (Kim Min-seok) และคิม จงแด (Kim Jong-dae)
  • แม้ว่าเลย์จะหมดสัญญากับ SM แต่เขาก็ยังยืนยันว่าจะไม่ออกจากวง และอยู่กับ EXO ต่อไปในฐานะครอบครัวชาวจีน
  • EXO มียูนิตแยกอีก 2 วง คือ EXO-CBX หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘เฉินแพคซิ’ หรือชื่อเล่นแบบไทยๆ คือ ‘สามจิ๋ว’ และคู่ดูโอพี่น้องสองศรี EXO-SC ที่มีชื่อเรียกติดปาก คือ ‘เซชาน’
Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,