“ฉันจะรดน้ำดอกไม้และอธิษฐานให้มันกลายเป็นสวนในสักวัน”

(I’ll water the flowers and pray for a garden)

จากบทเพลงท่อนหนึ่งในอัลบั้ม Water the Flowers, Pray for a Garden ของวง Valley วงดนตรี Alternative Pop จากแคนาดาประกอบด้วยสมาชิก 3 คน ร็อบ ลาสกา (Rob Laska) นักร้องนำ, คาราห์ เจมส์ (Karah James) นักร้องและมือกลอง และอเล็กซ์ ดีเมาโร (Alex DiMauro) มือเบส

จุดเริ่มต้นของพวกเขามาจากการเจอกันแบบบังเอิญในห้องสตูดิโอ สู่การสร้างสรรค์เพลงระดับบทกวีอย่าง Like 1999, Last Birthday และอีกหลายๆ เพลงฮิตแห่งยุคเจนซี

 โดยพวกเขาเคยมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยในงาน เทศกาลดนตรีนานาชาติ ROAD TO SONIC BANG เมื่อปี 2023 และนำความประทับใจไปสู่แฟนเพลงชาวไทยมากมาย

 ด้วยความสนุกของเพลงที่มีเนื้อหากินใจ ท่วงทำนองสนุกสนาน และความเต็มที่ของการแสดงสด และวันนี้พวกเขากลับมาอีกครั้งกับคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกที่ประเทศไทยกับทัวร์ VALLEY : WATER THE FLOWERS, PRAY FOR A GARDEN ASIA TOUR 2025 in Bangkok

ในยุคที่โลกของเพลงต่างพากันไหลไปตามกระแส พวกเขาต่างสื่อสารเพลงถึงสัจธรรมของชีวิตออกมาอย่างเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ด้วยบทเพลงที่บรรเลงด้วยความสุขและสนุกสนาน แต่แฝงไปด้วยการตั้งคำถามถึงชีวิตและการที่จะต้องพบเจอทั้งสุขและเศร้า

Water the Flowers, Pray for a Garden บทเพลงที่เปรียบเสมือนกวีแห่งชีวิต ในยุคที่เพลงเต็มไปด้วยความวุ่นวายและสินค้าในโลกทุนนิยม ด้วยความแตกต่างแต่มีเสน่ห์ทำให้ในวันนี้ The Momentum จึงอยากพามารู้จักพวกเขาถึงที่มาที่ไปของอัลบั้มชุดใหม่นี้และการเดินทางของ Valley ตั้งแต่วันแรกจนมาถึงปัจจุบันไปพร้อมกับสะท้อนภาพคอนเสิร์ต VALLEY : WATER THE FLOWERS, PRAY FOR A GARDEN ASIA TOUR 2025 in Bangkok ที่เพิ่งผ่านมา

วินาทีที่แสงไฟฮอลล์ดับลงและเริ่มเปิดการแสดง เป็นความรู้สึกแรกของผู้เขียนที่ได้หลุดเข้าไปอยู่ในฮอลล์การแสดงคอนเสิร์ต ณ ต่างประเทศสักแห่ง ด้วยบรรยากาศ ดนตรีและเสียงเพลงที่ทำให้เรารู้สึกอินไปกับทุกบทเพลงของพวกเขา

 

อัลบั้ม Water the flowers, Pray for a garden เริ่มต้นขึ้นมาได้อย่างไร

Water the Flowers, Pray for a Garden อาจไม่ได้เริ่มจากคอนเซปต์ใหญ่โต แต่เริ่มต้นจาก ร็อบ ลาสกา หนึ่งในเมมเบอร์วง ที่เขียนเก็บไว้ใน Dropbox ตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดโรคระบาดรุนแรง และโลกกำลังเงียบเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

“สำหรับพวกเราคำว่า Water the Flowers, Pray for a Garden เป็นชื่อที่เหมือนกับอะไรที่คุณยายชอบพูด ซึ่งมันฟังดูกระชับและมีชีวิตชีวามากๆ ถึงแม้จะไม่มีอยู่จริงก็ตาม ซึ่งพวกเราคิดว่ามันน่าสนใจสำหรับการนำมาตั้งเป็นชื่ออัลบั้ม แล้วกลายมาเป็นต้นแบบของการผจญภัยไปยังดนตรีแขนงต่างๆ ของวง

“เหมือนกับว่าเรากำลังสร้างสวนให้เจริญเติบโต และดูแลส่วนต่างๆ ของสวนเหมือนกับที่เราดูแลส่วนต่างๆ ของตัวตนของพวกเราที่มีทั้งส่วนที่ดีและไม่ดี เหมือนกับในสวนที่เราต้องพบกับศัตรูพืชและแมลงต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นของดอกไม้ที่สวยงามและธรรมชาติที่เจริญเติบโตอย่างงดงาม เปรียบดั่งพวกเราที่เปลี่ยนแปลงและเจริญเติบโตเป็นเวอร์ชันที่จริงใจกว่าเดิม”

แนวเพลงใหม่ๆ ที่ Valley อยากจะทำแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ

“ตอนนี้เราก็กำลังทำเพลงใหม่อยู่ครับ แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันจะไปในทิศทางไหน”

Valley เปิดเผยว่า นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพยายามจับความเป็น ‘วงดนตรีสด’ ลงไปในแผ่นเสียง ด้วยการลองเล่นกับเสียงที่ได้จริงๆ ว่าจะออกมาเป็นยังไง (Improvise) ซึ่งพวกเขามองว่ามันเป็นความท้าทายใหม่ๆ ที่จะนำเพลงไปสู่ทิศทางในอนาคตของวงที่น่าติดตาม

“เราอัดเพลงแบบ Live off the floor ซึ่งก็คือการเล่นสดพร้อมกันทั้งวง แล้วอัดทั้งหมดในรอบเดียว ซึ่งเราไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ”

แนวดนตรีของ Valley ในวันนี้เติบโตหรือเปลี่ยนแปลงไปจากวันแรกในห้องซ้อมอย่างไรบ้าง

เมื่อถามว่าแนวดนตรีของ Valley วันนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหนจากวันแรก พวกเขากลับรู้สึกว่า ตัวเองกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังไล่ตามความจริงใจในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยพยายามซื่อสัตย์กับแฟนเพลงและหวังว่าสิ่งนั้นจะเชื่อมโยงกับพวกเขาได้

“ถ้าจะให้พูดจริงๆ ผมว่าตอนนี้เรากลับมาใกล้กับวันแรกที่เริ่มต้นวงมากกว่าช่วงกลางของเส้นทางอีกนะ เหมือนว่าเรากำลัง ‘กลับไปยังจุดเริ่มต้น’ ด้วยอัลบั้มนี้” ลาสกากล่าว

“ที่ผ่านมาเราก็ลองอะไรหลายอย่าง ซึ่งมันคือส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ตอนนี้เรากลับมาใกล้กับวันแรกมากๆ เลย กลับมาใช้วิธีเขียนเพลงแบบเดิมคือ อินไปกับมัน ใช้สัญชาตญาณ ไม่คิดมากเกินไป ไม่ได้เริ่มจากแผนปล่อยเพลงหรือคิดถึงการทำให้มันเป็นสินค้า แต่มาจากความสุขที่ได้ทำเพลงจริงๆ”

 

การมาไทยและพบปะกับแฟนๆ ชาวไทย ครั้งนี้แตกต่างจากตอนปี 2023 ไหม

Valley กล่าวว่า การมาเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยครั้งนี้ ต่างจากครั้งก่อนตรงที่พวกเขาจะได้เจอกับแฟนๆ ที่อยากจะมาฟังเพลงของ Valley โดยเฉพาะ

“คราวที่แล้วเรามาแบบเร็วมาก เข้ามาแล้วก็ออกเลย แต่รอบนี้อย่างน้อยเราก็มีเวลาเมื่อวานครึ่งวันได้ออกไปเดินเล่น สำรวจบ้าง ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก

“ฉันพบว่าฉันรักประเทศไทยมาก บรรยากาศที่นี่มันดีสุดๆ คิดว่า นี่เป็นจุดที่ชอบที่สุดของทัวร์เลยก็ว่าได้ ทุกอย่างที่นี่มันดีหมดเลย เป็นอิสระ ทุกคนก็ใจดี สุภาพมาก สำหรับฉันมันน่าประทับใจมากจริงๆ” เจมส์กล่าว

“เมื่อวานเรายังได้มีโอกาสไปทำชาไทยแบบดั้งเดิมด้วย สนุกมากๆ แฟนๆ ทุกคนที่เจอก็เป็นมิตรและตื่นเต้นที่ได้เจอเรา ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและยินดีกับการมาครั้งนี้จริงๆ”

อยากมอบเพลงไหนให้แฟนๆ ชาวไทย

  “จริงๆ ผมว่าทุกคนน่าจะรอฟัง Like 1999 ของพวกเรานะ แต่สำหรับผมถ้าจะให้เลือกเพลงที่สื่อถึงพวกเราในตอนนี้ ก็คงต้องเป็นเพลง Water the Flowers, Pray for a Garden แทร็กชื่อเดียวกับอัลบั้มเลย ผมรู้สึกว่าเพลงนี้มีความชัดเจนมากขึ้น และมันสะท้อนตัวตนของเราตอนนี้ได้ดี โดยเฉพาะเวลาที่เราอยู่ที่นี่”

คงไม่ใช่เพียง Valley เท่านั้นที่อยากจะมอบบทเพลงนี้ให้กับแฟนๆ ไทย เพราะเหล่าแฟนๆ ก็ได้เตรียมของขวัญให้พวกเขาเช่นกัน โดยการเปิดแฟลชเป็นสีเขียวและฟ้าประกอบคลอไปกับเพลง Water the Flowers, Pray for a Garden ให้กับพวกเขาในวันคอนเสิร์ตเหมือนแสงดาวน้อยๆ ที่สว่างทั่วฮอลล์สามย่านมิตรทาวน์

อัลบั้มนี้มีบางเนื้อหาที่พูดถึงความเศร้า การจากลา และความเหงา คุณอยากบอกอะไรกับแฟนๆ ที่กำลังรู้สึกแบบนี้

  “ผมว่าข้อความที่ดีที่สุดที่อยากจะพูดคือ พวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ทุกคนเคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อน และถ้ามีอะไรสักอย่างที่ช่วยให้ผู้คนได้รู้สึกเชื่อมโยงกัน ไม่โดดเดี่ยว ผมว่ามันคือดนตรี”

และ Valley ได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า ดนตรีของพวกเขาสามารถรวมผู้คนให้หลงลืมความเศร้าและสนุกไปกับเสียงดนตรีที่แสนจะจริงใจของพวกเขาได้ตลอดการแสดง จนเราแทบไม่ทันรู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว

สำหรับใครที่สนใจเพลงของ Valley สามารถติดตามพวกเขาได้ทาง https://www.youtube.com/@ThisIsValley

Tags: , , ,