ความประณีตที่มากกว่าเพื่อ ‘ดูเวลา’ ของ OMEGA Seamaster 300 Bronze Gold

สำหรับคุณแล้ว คุณค่าของนาฬิกาอยู่ที่อะไร?

หากวัดกันที่การใช้งานเพียงอย่างเดียว นาฬิกาแทบทุกเรือนมีประโยชน์ใช้สอยไม่ต่างกัน นั่นก็คือการ ‘ดูเวลา’ แต่ถ้าเอานาฬิกา 100 เรือนมาวางเรียงกัน มูลค่านั้นก็อาจจะไม่เท่ากัน เพราะว่านาฬิกาเป็นมากกว่าเครื่องมือในการดูเวลาที่แม่นยำ แต่มันคือคุณค่าความตั้งใจที่ถูกบรรจุในวัสดุชั้นดี ฝีมือในการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ให้ทำงานในระบบกลไกอย่างแม่นยำ และนั่นคือสิ่งที่แบรนด์นาฬิกา OMEGA ให้ความสำคัญมาตลอด 173 ปี

การออกแบบที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องความสวยงามของนาฬิกา การใช้งานจริง และอายุการใช้งานที่ยาวนาน เป็นหัวใจหลักของการออกแบบของ OMEGA จนได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์เจ้าของนาฬิกาเรือนแรกที่ถูกคัดเลือกให้นักบินอวกาศในภารกิจ Gemini 4 ด้วยนาฬิการุ่น OMEGA Speedmaster จนโด่งดังในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์จนถึงทุกวันนี้

ในนาฬิกาจากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของความเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมที่ไม่เคยหยุดหย่อนในอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาของ OMEGA ที่เวลานับ 173 ปี ได้พิสูจน์แล้วว่า นาฬิกาทุกเรือนของแบรนด์ OMEGA เปี่ยมด้วยความประณีตในทุกกระบวนการ และเป็นคุณค่าที่ข้ามกาลมากกว่าแค่ใช้สวมใส่ ‘ดูเวลา’ อย่างแท้จริง แต่มันคือสิ่งที่อยู่คู่กับข้อมือของเหล่าผู้บุกเบิกต่างๆ ของโลก ที่มีปณิธานไปในทิศทางเดียวกันกับ OMEGA ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นคอลเลกชันใหม่สำหรับนักสำรวจท้องทะเลทั้งหลายนามว่า OMEGA Seamaster 300 Bronze Gold

OMEGA Seamaster 300 Bronze Gold

ผลพวงจากการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสร้างสรรค์นาฬิกาที่ไม่หยุดหย่อนของ OMEGA นี้ ได้สะท้อนอยู่ในคอลเลกชัน Seamaster 300 Bronze Gold ต่อยอดจากคอลเลกชัน Seamaster 300 ของพวกเขา ที่ครองใจหมู่นักประดาน้ำมากว่า 60 ปี 

ในคอลเลกชันใหม่ของพวกเขา ซึ่งผลิตมาจากที่ผลิตจากบรอนซ์โกลด์แบบพิเศษของ OMEGA ที่เรียกว่า Corinthian Bronze โดยที่อัลลอยด์นี้มีประวัติศาสตร์จากวัฒนธรรมกรีกว่า เป็นวัสดุที่นำไปสร้างอนุสาวรีย์ แจกัน หรือแม้กระทั่งเรือ และด้วยนวัตกรรมของ OMEGA ทำให้อัลลอยด์ชนิดนี้มีโทนชมพูอ่อนที่ตัวเรือนและหัวสาย ซึ่งเป็นสีพิเศษที่อยู่ระหว่างทอง Moonshine™ 18K และทอง Sedna™ 18K ของ OMEGA นั่นเอง อีกทั้งยังไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันให้มีคราบสีเขียวน้ำเงินอีกด้วย

นอกจากนั้น ขอบตัวเรือนที่ผลิตจากเซรามิกสีน้ำตาล ยังผลิตมาจากบรอนซ์โกลด์ที่บรรจุสารเรืองแสง Super-LumiNova แบบวินเทจในสเกลดำน้ำ แถม OMEGA ยังใช้บรอนซ์อัลลอยด์ปกติ เพื่อสร้างสีน้ำเงินเข้มอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมกับพาทินาที่สร้างขึ้นจากกรรมวิธีทำเก่าแบบพิเศษเพื่อรักษาตำนานความคลาสสิกของนาฬิการุ่นนี้พร้อมๆ กับพัฒนามันให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน

อีกคุณสมบัติที่สำคัญของ OMEGA Seamaster 300 Bronze Gold นี้ คือการทนทานแรงดันน้ำระดับสูง การออกแบบขอบตัวเรือนดำน้ำแบบแรกที่คำนึงถึงมาตรการความปลอดภัย ที่ป้องกันไม่ให้ขอบตัวเรือนหมุนขณะอยู่ใต้น้ำ และคอลเลกชันใหม่นี้ยังคงยึดมั่นในจิตวิญญาณนาฬิกาดั้งเดิม นาฬิกาขนาด 41 มม. แต่ละเรือนจะมาพร้อมกับตัวเรือนสแตนเลสสตีล ขอบตัวเรือนที่บางลงกว่าเดิม ซึ่งผลิตด้วยกรรมวิธีใช้กรดออกซาลิกชุบอลูมิเนียมเพื่อเพิ่มความแข็ง และกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 8912 อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม OMEGA Seamaster 300 Bronze Gold นั้นก็เหมือนกับยอดภูเขาน้ำแข็งของนวัตกรรมทั้งหมดที่แบรนด์ OMEGA ได้คิดค้นออกมา ซึ่งเรือนนาฬิกาของแบรนด์ OMEGA นั้นถูกผลิตอย่างประณีตออกมาด้วยพื้นฐานของวัสดุเหล่านี้

อัลลอยด์พิเศษ (Exclusive Alloys)

วัสดุต่อมาก็คือ ‘อัลลอยด์’ ที่มักพบในการผลิตตัวเรือน สายนาฬิกา ชุดเข็ม สิ่งประดับและชิ้นส่วนกลไก ซึ่งทาง OMEGA นั้นก็ได้พัฒนาอัลลอยด์หลากหลายแบบ ช่วยให้การออกแบบนาฬิกามีความหลากหลาย  มอบเฉดสีใหม่และทนทานยาวนาน ซึ่งอัลลอยด์ของ OMEGA นั้นเปรียบเสมือนกับนวัตกรรมที่รวมคุณสมบัติพิเศษไว้หลายประการ หาได้ยากจากผู้ผลิตนาฬิกาอื่น

Canopus Gold™ เป็นไวท์โกลด์อัลลอยด์ 18K ที่ตั้งชื่อตามดาวที่สว่างกว่าดวงอาทิตย์ 10,000 เท่า นอกจากจะให้ความหรูหรากับตัวนาฬิกา ทองชนิดนี้ยังถูกจัดไว้ในกลุ่มทอง 18K แบบเดียวกับทองชนิดอื่นๆ Canopus Gold™ โดดเด่นด้วยความแวววาวสูง ความขาว ความทนทานไม่ซีดจาง มันจึงเป็นวัสดุในอุดมคติของเครื่องบอกเวลาชั้นสูงหรือนาฬิกาประดับเพชร และเป็นวัสดุหลักของสายนาฬิกาในรุ่น OMEGA Speedmaster Moonwatch

ต่อมาคือ Moonshine™ เยลโลว์โกลด์อัลลอยด์ระดับ 18K โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงจันทร์ที่เฉิดฉายท่ามกลางท้องฟ้าสีน้ำเงิน โดยทอง Moonshine™ 18K ของ OMEGA นั้นมีสีที่อ่อนกว่าเยลโลว์โกลด์ 18K ทั่วไป และทนทานต่อการซีดจางมากกว่า เป็นวัสดุหลักของเข็มบอกเวลาในนาฬิการุ่น OMEGA De Ville Trésor

ทอง Sedna™ มีจุดเด่นที่สีเหลืองอมแดงเล็กน้อย ตั้งชื่อตามดาวเคราะห์น้อย Sedna เทหวัตถุที่ได้รับการระบุว่าเป็นหนึ่งในวัตถุที่มีสีแดงที่สุดในระบบสุริยะ โดยทอง Sedna™ นี้เป็นทองคำในระดับที่บริสุทธิ์ที่สุดในระดับ 24K แต่ว่าอ่อนแอเกินกว่าจะนำมาใช้งาน OMEGA จึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่น ซึ่งนับเป็นกระบวนการปกติก่อนการนำมาผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ เป็นวัสดุหลักของรุ่น OMEGA Speedmaster Moonwatch ที่ทำมาเพื่อประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ

สุดท้ายก็คือทอง Bronze Gold ทองบรอนซ์ที่เป็นวัสดุหลักในการผลิต OMEGA Seamaster 300 Bronzegold เนื่องจากทองบรอนซ์นี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อมอบเฉดสีอ่อนและสะกดสายตา อีกทั้งยังเป็นบรอนซ์อัลลอยด์ที่สามารถสัมผัสกับร่างกายได้โดยตรงจากส่วนผสมที่ไม่เหมือนใคร โดยอัลลอยด์ชนิดนี้ประกอบด้วยโลหะมีค่าอย่าง ทอง 37.5% หรือทอง 9K ทำให้สร้างสีพิเศษที่อยู่ตรงกลางระหว่างทอง Moonshine™ และทอง Sedna™ 18K มีลักษณะเป็นเฉดสีชมพูอ่อน รวมถึงต้านทานการสึกกร่อนโดยไม่เกิดออกซิเดชันเป็นคราบสีเขียวน้ำเงิน และจะค่อยๆ แสดงร่องรอยจากกาลเวลาอย่างช้าๆ รักษาพาทินาธรรมชาติอันงดงามได้ยาวนาน สำหรับผู้ที่หลงใหลในนาฬิกาบรอนซ์และวัสดุนำสมัย

สำหรับ OMEGA Seamaster 300 Bronze Gold มาพร้อมกับการรับประกันถึง 5 ปีเต็ม และฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ที่ทำให้ผู้สวมใส่สามารถเห็นขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 8912 ได้รับรองจาก Swiss Federal Institute of Metrology (METAS) ในด้านความเที่ยงตรง ประสิทธิภาพ และคุณสมบัติการต้านทานสนามแม่เหล็กระดับสูงสุดในอุตสาหกรรมผู้ผลิตนาฬิกา อย่างปลอดภัยและสวยงาม

เป็นการต่อยอดของคอลเลกชันนาฬิกาตระกูล Seamaster 300 ที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็นนาฬิกาดำน้ำสำหรับมืออาชีพของ OMEGA ที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีดำ หลักชั่วโมงบรรจุสารเรืองแสง และชุดเข็มขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้มันใช้งานและอ่านค่าได้ง่ายในหลากหลายสภาวะหรือความดันต่างๆ เมื่อดำน้ำใต้ท้องทะเล ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากนักดำน้ำมืออาชีพจากความเที่ยงตรง และความน่าเชื่อสูงสำหรับทำกิจกรรมใต้ทะเล ทำให้นาฬิกาคอลเลกชันนี้เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ของนักดำน้ำเชิงสันทนาการ นักวิทยาศาสตร์ จวบจนนักดำน้ำมืออาชีพของกองทัพเรืออีกด้วย