ชายชื่ออูเว กับสังคมผู้สูงอายุ

ในขณะที่อัตราการตายและอัตราการเจริญพันธุ์ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่าน ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ประเทศไทยเองก็กำลังจะเข้าสู่สังคมนั้นโดยสมบูรณ์เช่นกัน และภายในปี พ.ศ. 2583 ประชากรผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นมากถึง 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ

ชายชื่ออูเว นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะทำให้เราเข้าใจความคิดความอ่านบางอย่างของผู้สูงอายุ รวมถึงการอยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน ที่เราต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

จุดเริ่มต้นทั้งหมดของหนังสือเล่มนี้ มาจากผู้เขียนเฟรียดริค บัคมัน มีปัญหาขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ กับพ่อของเขาเสมอ คล้ายกับนิยามของมนุษย์ลุงหรือมนุษย์ป้าที่เราคุ้นเคย และต่างเคยรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้มาบ้าง เฟรียดริคจับเอาเหตุการณ์และความไม่ลงรอยเล่านั้นมาเล่าด้วยอารมณ์ขัน แต่ในความขำขันนั้นก็มีความขมขื่นซ่อนอยู่

ชายที่อูเวเคยเป็น กับชีวิตที่ไม่มีความหมาย

อูเว คือชายชราอายุ 59 ปี เขาไม่มีลูก แต่อาจพูดอีกอย่างว่าเขาเคยมีลูก แน่นอนว่าเขาย่อมมีภรรยา ซอนยา ผู้หญิงที่ทำให้โลกอันสงบนิ่งของอูเวเคลื่อนไหวและมีสีสัน เธอหลงรักความซื่อตรงของเขา เขารักความยุติธรรมและทำงานหนัก ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ซอนยาไม่รักอูเว

แต่สำหรับคนอื่น อูเวคือตาแก่ขี้หงุดหงิดและอมทุกข์ตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยม เขาเสียแม่ไปตอนอายุ 7 ขวบ และเสียพ่อตอนอายุ 16 ปี โลกที่เขาเติบโตมาทำให้เขาขึงขัง เป็นคนที่ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ ยึดมั่นกับกฎระเบียบ และมีตรรกะแบบทื่อๆ ตรงๆ เช่น เขาไปร้านขายดอกไม้ และบนคูปองเขียนว่า “2 ช่อในราคา 50 โครนา” เขาต้องการดอกไม้แค่ช่อเดียว ดังนั้นถ้าคิดตามเหตุผล เขาก็ควรจะซื้อดอกไม้ 1 ช่อได้ในราคา 25 โครนา ไม่ใช่ราคา 36 โครนาอย่างที่มันเป็น

อูเวและซอนยามีชีวิตรักที่ดี แม้จะมีเรื่องให้ต้องเสียใจบ้าง แต่ทั้งสองก็จับมือกันผ่านมันมาได้ เวลาผ่านไปเกือบสี่ทศวรรษ ซอนยาก็ได้จากอูเวไปด้วยโรคภัย และนับจากวันนั้น อูเวก็ไม่มีแรงจูงใจใดให้เขาอยากชีวิตอยู่อีกต่อไป เขาจึงคิดหาหนทางที่จะฆ่าตัวตายโดยที่จะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนมากนัก เขาจ่ายเงินล่วงหน้าให้สัปเหร่อ โทรหาทนายและเขียนจดหมายแจ้งอย่างชัดเจน จัดเตรียมเอกสารทุกอย่างที่จำเป็นไว้ เขาพร้อมแล้วสำหรับความตาย

“ผมรู้สึกแปลกมากที่ต้องเดินไปทั่วบ้านตามลำพังโดยไม่มีคุณ ผมมีชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ผมจะบอกแค่นี้แหละ”

ชายชื่ออูเว กับชีวิตหลังความ (อยาก) ตาย

ชีวิตที่อับเฉาอยู่แล้วกลับเล่นตลกให้อูเวยิ่งหงุดหงิด เมื่อมีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านของอูเว และอยู่ในระแวกบ้านเขาเสียด้วย ครอบครัวนี้ประกอบไปด้วยแม่สาวท้องโต ปาร์วานาห์ สามีหนุ่มของเธอ แพทริค และเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะมีน้อง นาซานิน สามคนนี้มักพาเรื่องวุ่นๆ ยุ่งๆ มาขัดจังหวะอูเวเสมอ รวมถึงเพื่อนบ้านที่เคยสนิท แต่ตอนนี้เป็นอริกัน อย่างบ้านของรูนและแอนิตา ก็ยังมาขอความช่วยเหลืออย่างเสียไม่ได้จากเขาบ้างนานๆ ครั้ง แมวพลัดหลงที่สร้างความน่ารำคาญใจก็ทึกทักเข้ามาอยู่ในบ้านของเขาอย่างสบายใจเฉิบ และยังมีอีกหลายตัวละครที่เวียนกันเข้ามาสร้างความปวดหัวให้อูเวอย่างไม่ได้พัก

คล้ายกับว่าชีวิตของอูเวได้กลับมามีสีสันขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้มันจะไม่ใช่อย่างตอนที่เคยมีซอนยาก็ตาม และถึงแม้เขาจะยังไม่รู้ตัวในทีแรก ความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัย เข้าใจกันบ้างไม่เข้าใจกันบ้าง ได้นำพาทุกคนไปสู่การไว้วางใจซึ่งกันและกัน หัวใจที่เคยปิดตายและโหยหาความตายนั้นก็เปลี่ยนแปลงไป จากความเหนื่อยล้าและหมดอาลัยตายอยากก็กลับกลายเป็นความชุ่มชื้นในหัวใจ

“เขาหมดแรงสู้ และไม่อยากสู้อีกแล้ว เขาแค่อยากให้ทุกอย่างหยุดเสียทีก็เท่านั้น”

ชายชื่ออูเว กับบทสรุป

ทุกคนมีภูมิหลังและพื้นเพอันแตกต่าง การแสดงออกและลักษณะนิสัยเราจึงต่างกันออกไป อย่าด่วนตัดสินใจใครในชั่วเสี้ยววินาที เพราะแม้แต่อูเวที่บางคนอ่านแล้วอาจจะชวนรำคาญใจในตอนต้น เพราะมองจากภายนอกและการแสดงออกต่อสิ่งต่างๆ นั้นช่างไม่น่ารักเอาเสียเลย แต่ความจริงแล้วเขาเองก็มีด้านที่อ่อนไหว ปากร้ายแต่จิตใจดี ทำสิ่งดีๆ แต่ไม่เที่ยวป่าวประกาศ ในตอนท้าย อูเวจะกลายเป็นที่รักของนักอ่านทุกคน และบางคนอาจต้องเสียน้ำตากันจนตัวโยน

อูเวคือชายชราที่เศร้าและอ้างว้าง ในบางมุมเขาแค่ตามโลกไม่ทัน เพราะเทคโนโลยีต่างก็รุดหน้ากันไปไวเหลือเกิน เขาคือคนที่โตมากับการทำงานหนัก รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าก็เพราะสิ่งที่ตัวเองได้ทำ เขาคือคนที่ไม่เข้าใจว่า คนเราจะอยากเกษียณอายุเร็วๆ เพื่อไปอยู่เฉยๆ อย่างเปล่าประโยชน์ไปทำไม เขาไม่ได้เป็นคนเกรี้ยวกราดจากก้นบึ้ง เพียงแต่เขาไม่เข้าใจบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากยุคสมัยที่ตัวเองเติบโตมา

แม้กระทั่งคนที่เกิดมาในช่วงเวลาเดียวกัน ยังมีความคิดและการกระทำอันแตกต่าง เพราะฉะนั้นหากเป็นคนที่เกิดคนละช่วงเวลาและประสบการณ์ชีวิตที่ไม่เหมือนกันแล้ว ย่อมมีหลายสิ่งที่จะเข้าใจไม่ตรงกัน วันหนึ่งเด็กต้องกลายเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เองก็เคยเป็นเด็ก เปิดใจให้กว้างต่อกันเข้าไว้ อย่าตัดสินคนอย่างผิวเผิน เขาหรือเธออาจกำลังแบกรับบางอย่างไว้ก็ได้ ได้โปรดอนุญาตให้ตัวเองได้ทำความเข้าใจพวกเขาอีกสักนิด แล้วโลกใบนี้อาจสดใสกว่าที่เคย

“ความตายนับเป็นสิ่งแปลก คนเราอยู่มาทั้งชีวิตราวกับไม่คิดว่ามันมีอยู่จริง แต่มันกลับเป็นหนึ่งในแรงขับสำคัญที่จะทำให้เรามีชีวิตอยู่

“แต่สิ่งที่พวกเราส่วนใหญ่กลัวมากกว่าอะไรทั้งหมด คือกลัวว่ามันจะพรากคนที่เรารัก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของความตายคือการที่มันจะแวะผ่านเราไป จากนั้นก็ปล่อยให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไปเพียงลำพัง”

Tags: , , , ,