เรณูนคร วานรนิวาส อากาศอำนวย เกษตรวิสัย ฯลฯ
ชื่ออำเภอเหล่านี้คือ ตัวอย่างอำเภอที่ The Momentum รวบรวมที่มาและความหมายเอาไว้ บางอำเภอก็ตั้งตามสภาพภูมิประเทศ บางอำเภอก็ใช้ชื่อที่เป็นสิริมงคล
แต่ทุกอำเภอที่กล่าวมานี้ ต่างก็มีที่มาที่ไปผ่านการถูกเปลี่ยนชื่อจากภาษาดั้งเดิมด้วยรัฐส่วนกลางเพื่อรวมชาติให้เป็นหนึ่งเดียว และนอกจากนี้ยังมีอำเภออีกมากที่ถูกเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาของการสร้างชาติในอดีตก่อนความเป็นชุมชนต่างๆ จะถูกรวมให้เป็นประเทศเดียว
อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เดิมคือ เมืองอุทุมพรพิไสย ซึ่งการปกครองขึ้นกับเมืองขุขันธ์ จนพระยาขุขันธ์ได้กราบทูลรัชกาลที่ 4 ขอตั้งบ้านห้วยลำแสนไพรอาบาลและบ้านตวด ตำบลอุทุมพรในเมืองขุขันธ์บริเวณริมเชิงเขาขึ้นเป็นเมือง ซึ่งรัชกาลที่ 4 ก็ทรงเห็นชอบด้วย จึงทรงกรุณาโปรดเกล้า ฯ จึงให้ยกห้วยลำแพนไพรอาบาลเป็นเมืองกันทรลักษ์ ซึ่งแปลตามความหมายว่า เมืองในถ้ำหรือซอกเขา และยกบ้านตวดตั้งขึ้นเป็นเมืองอุทุมพรพิไสย
กระทั่งถูกทักท้วงจากผู้สำเร็จราชการอินโดจีน ณ เมืองไซ่ง่อน ว่าฝ่ายสยามได้ไปตั้งเมืองใหม่รุกล้ำไปในดินแดนของฝรั่งเศส ซึ่งฝ่ายสยามได้ตรวจสอบแล้วทราบว่าเป็นจริงตามข้อกล่าวหา รัชกาลที่ 4 จึงโปรดเกล้าให้ย้ายเมืองกันทรลักษ์ตั้งที่บ้านบักดองลาวเดิม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอำเภอขุนหาญ ส่วนเมืองอุทุมพรพิไสย มาตั้งที่อยู่ที่บ้านผือ ตำบลเมือง อำเภอกันทรลักษ์ ในปัจจุบัน
อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี
อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี แต่เดิมอำเภอนี้เคยปรากฏในวรรณกรรมอีสานเรื่อง ผาแดงนางไอ่ ด้วยภูมิประเทศที่อยู่ใกล้หนองใหญ่และมีปลาชุกชุม จึงมีประชาชนประกอบอาชีพปั้นหม้อดินเผาจำนวนมาก หมู่บ้านนี้จึงมีชื่อว่า ‘บ้านบึงหม้อ’
เมื่อพื้นที่บริเวณดังกล่าวกลายเป็นหนึ่งในเมืองของสยาม รัชกาลที่ 5 จึงได้พระราชทานนามให้ว่า ‘กุมภวาปี’ โดยคำว่า ‘กุมภะ’ แปลว่า หม้อ และ ‘วาปี’ แปลว่า หนองหรือบึง
อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด
อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด เดิมชื่อเมืองเกษ มีพระยาศรีเกษตราธิไชย (เหง้า) เป็นอุปราชผู้ขอตั้งเมืองขึ้นกับรัชกาลที่ 5 โดยรัชกาลที่ 5 มองว่าจะให้เมืองใหม่บริเวณบ้านดอนเสาโฮง (ปัจจุบันอยู่ในอำเภอพนมไพร)
แต่พระยาศรีเกษตราธิไชยมองว่าควรย้ายจากบ้านดอนเสาโฮงมาบ้านกู่กระโดน ซึ่งอยู่ในเขตเมืองสุวรรณภูมิ เพราะเป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์กว่า ทำให้พื้นที่ ณ บริเวณนั้นได้รับพระบรมราชอนุญาตให้ขนานนามว่า เมืองเกษ เพราะมีดอกเกษจำนวนมากและมีพืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์ ต่อมาในปี 2488 เมืองสุวรรณภูมิกลายเป็นอำเภอ ทำให้เมืองเกษแยกออกมาและกลายเป็นอำเภอชื่อว่า อำเภอหนองแวง จนรัชกาลที่ 6 เห็นว่าชื่อไม่พ้องกับตำแหน่งที่ตั้ง จึงเปลี่ยนจากอำเภอหนองแวงมาเป็นอำเภอเกษตรวิสัยอย่างในปัจจุบัน
อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม พื้นที่นี้เคยมีชื่อว่า บ้านดงวังท่า แต่ปล่อยรกร้างไปประมาณ 200 ปีจนเป็นป่าทึบ และเปลี่ยนเป็นชื่อบ้านท่าหอขวางในภายหลัง เนื่องจากมีนายพรานมาล่าสัตว์บริเวณนั้น และฝันถึงบุรุษหน้าตาน่าเกรงขาม บอกให้ปลูกหอสักการะขวางตะวันไว้สักการบูชา พรานจึงสร้างหอบูชาขวางแดด (หอขวาง) เพื่อสักการบูชาตามความเชื่อ และกลายเป็นที่มาของชื่อบ้านท่าหอขวาง ก่อนจะเปลี่ยนในสมัยรัชกาลที่ 5 กลายเป็นอำเภอโกสุมพิสัย ซึ่งมีความหมายว่า แดนแห่งดอกมะคำป่า ตามลักษณะภูมิศาสตร์ที่มีดอกมะคำป่าขึ้นเยอะ
อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม แต่ก่อนมีชื่อว่าเมืองเวหรือบ้านดงหวาย เป็นภาษาของชาวผู้ไท เนื่องจากเกิดการอพยพของชาวผู้ไทเข้ามาในพื้นที่บริเวณนี้และตั้งขึ้นเป็นเมืองจนเจริญรุ่งเรือง ต่อมาเมืองเวได้มาเป็นเมืองขึ้นของกรุงเทพฯ เจ้าเมืองยโสธรมาจัดราชการ ณ เมืองนครพนม และขอตั้งเมืองเวเป็น ‘เมืองเรณูนคร’ แปลว่า เมืองแห่งคนสวย เปรียบดังเมืองแห่งดอกไม้งาม
อำเภอวานรนิวาส จังหวัดยโสธร
อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เดิมชื่อบ้านกุดลิง แปลว่าลำน้ำที่ไหลไม่หยุด และลิงหมายถึงต้นหูลิง เมืองนี้เกิดขึ้นมาจากเจ้าเมืองนครพนมที่ได้เสร็จราชการสงครามและย้านกลับเมืองยโสธร ท้าวจันโสมซึ่งเป็นชาวโย้ยและเป็นข้าราชการติดตาม ก็ได้รวมพลคนจำนวนหนึ่งย้ายเมืองตามไปภักดีด้วยที่เมืองยโสธร ตั้งเป็นเมืองกุดลิง แต่ ณ ที่แห่งนั้นค่อนข้างคับแคบเกินกว่าจะทำมาหากินได้ เมื่อเจ้าเมืองนครพนมถึงแก่อสัญกรรม ท้าวจันโสมจึงย้ายกลับที่เดิมที่ตนเคยอาศัยอยู่กับพี่น้องชาวโย้ย คือบริเวณบ้านแร่ อำเภอพังโคนในปัจจุบัน แต่ยังคงใช้ชื่อ บ้านกุดลิงเหมือนเดิม แต่พื้นที่ดังกล่าวก็ยังคงแห้งแล้งเกินกว่าจะทำมาหากินได้ จึงย้ายไปบ้านชุมแสงหัวนา แต่ยังคงใช้ชื่อว่าบ้านกุดลิงเหมือนเดิม
เมื่อรัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนชื่อเมืองสกลทวาปีของชาวญ้อเป็น ‘เมืองสกลนคร’ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกบ้านกุดลิงของชาวโย้ย ให้เป็นเมืองน้องของเมืองสกลนคร โดยมีชื่อคล้องจองกันว่า ‘เมืองวานรนิวาส’
อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี แต่เดิมเรียกว่า บ้านน้ำคำเอือกก่อนจอ ต่อมายกขึ้นเป็น ‘เมืองวารินชำราบ’ ที่ขึ้นกับเจ้านครจำปาศักดิ์ โดยมี พระกำจรจาตุรงค์ เป็นเจ้าเมือง และในปี 2451 เมืองวารินชำราบก็มาเป็นส่วนหนึ่งของเขตการปกครองเมืองอุบลราชธานี และใช้ชื่อว่า อำเภอทักษิณูปนิคม
จนเมื่อปี 2456 สมัยของ ขุนภูมิพิพัฒน์เขตร์ (แท่ง เหมะนัค) นายอำเภอคนที่ 2 ก็ย้ายที่ว่าการอำเภอจากฝั่งอำเภอเมืองอุบลราชธานี ข้ามแม่น้ำมูลมาตั้งอยู่ที่บ้านคำน้ำแซบ ตำบลธาตุ แล้วเปลี่ยนชื่ออำเภอเป็น ‘วารินชำราบ’ ตามชื่อเมืองเดิมในสมัยเจ้านครจำปาศักดิ์
อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร แต่ก่อนแยกเป็น 2 เมือง มีชื่อว่า เมืองภูมิดลสว่างและเมืองสว่างแดนดิน กระทั่งรัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำเมืองทั้งสองเป็นเมืองขึ้นของเมืองสกลนคร และได้ยกบ้านโนนสว่างหาดยาว บริเวณริมน้ำห้วยปลาหาง ในเขตเมืองสกลนครให้เป็นเมืองสว่างแดนดิน
จนในปี 2424 จะมีการย้ายจากบ้านโนนสว่างหาดยาวไปตั้งที่บ้านโคกสี อยู่ประมาณ 14-15 ปีและย้ายเมืองไปที่บ้านหัน
และในปี 2445 ทางราชการส่วนกลางได้มีการเปลี่ยนระเบียบการปกครองใหม่ ให้เมืองกลายเป็นอำเภอ และเจ้าเมืองกลายเป็นนายอำเภอ บ้านหันจึงกลายเป็นอำเภอบ้านหัน
ในปี 2482 สุพัฒน์ วงศ์วัฒน์ ซึ่งเป็นนายอำเภอบ้านหันขณะนั้น ได้สืบประวัติของอำเภอบ้านหัน และเห็นว่าชื่อเดิมของอำเภอบ้านหันคือ ‘เมืองสว่างแดนดิน’ ซึ่งเป็นชื่อที่รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชทาน จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ‘อำเภอสว่างแดนดิน’ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พร้อมย้ายที่ว่าการอำเภอจากบ้านหันมาตั้งอยู่ตำบลสว่างแดนดินอย่างในปัจจุบัน
อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร
อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร เกิดจากการที่กลุ่มผู้นำและครอบครัวพร้อมประชาชนบางกลุ่มจากสกลนครไม่ต้องการขึ้นกับเจ้าเมืองเดิม จึงสมัครมาขึ้นกับเมืองนครพนม บริเวณลำน้ำยาม ซึ่งเป็นพื้นที่ระหว่างสกลนครกับนครพนมเป็นเมืองใหม่ เพราะมีผู้คนมากพอที่จะตั้งเมืองได้ มีพื้นที่เหมาะสม และไกลจากหัวเมืองอื่น รัชกาลที่ 4 เห็นชอบกับความเห็นดังกล่าวจึงยกบ้านม่วงริมยามให้เป็น “เมืองอากาศอำนวย” และแต่งตั้งท้าวศรีสุราชเป็นเจ้าเมือง ขึ้นตรงต่อเมืองนครพนมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
Tags: เรณูนคร, วานรนิวาส, อากาศอำนวย, เกษตรวิสัย, อีสาน, ฟ่าว To The Future, อำเภอ, ตะวันออกเฉียงเหนือ, ชื่อเพราะ