1

เวลา 14.00 น. ของวันพุธที่ 25 มีนาคม 1964 ฝนตกหนักมาก แต่เจ้าของร้านซูเปอร์มาร์เก็ต ในเมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา ยังคงยึดถือกิจวัตรเหมือนเคย เจ้าตัวจะรอรับเงินสดที่ใช้เช็คไปแลกเงินมา โดยจะมีรถหุ้มเกราะขนธนบัตรสีเขียวมาให้

เมื่อรถมาจอด เจ้าหน้าที่จะนำเงินสดจำนวนมหาศาล เจ้าของจะนำเงินไปเก็บไว้ เตรียมซื้อของ ชำระค่าต่างๆ นานาที่ต้องทำ

ทั้งหมดนี้ถูกจับตาสอดแนมจากอาชญากรตัวแสบนานกว่า 9 สัปดาห์ จนพวกเขาแน่ใจในกำหนดเวลาที่ตรงเผงตามแผนที่วางไว้

ระหว่างที่ลูกค้าในร้านกำลังเลือกซื้อของอยู่นั้น รถคันหนึ่งก็ขับมาหยุดที่ลานจอด พวกเขาติดตามรถขนเงินสดตั้งแต่ออกจากธนาคารมาซูเปอร์มาร์เก็ต

โชเฟอร์นั่งรอในรถที่ติดเครื่องอย่างใจเย็น ขณะที่ชายฉกรรจ์ 3 คนลงมาแล้วตรงเข้าประตูของร้านทันที

ภาพจากด้านนอกจะเห็นพนักงานและลูกค้ายกมือขึ้นท่วมหู ไม่มีเสียงปืนดังออกมา แต่รู้ว่าชายฉกรรจ์ 3 รายที่เดินเข้าไป มีวัตถุประสงค์ต้องการเงินสดที่ร้านมี

“อย่าเพิ่งยิง รอก่อน เดี๋ยวจะนองเลือดเปล่าๆ” เสียงกระซิบจากนักสืบหนุ่มดังขึ้น เขาลอบสังเกตเหตุการณ์นี้อยู่นานแล้ว แผนของฝ่ายนั้นแม่นยำ แต่แผนของทางการก็เฉียบแหลมไม่แพ้กัน

กินเวลาไม่นาน วายร้ายทั้งหมดก็ออกจากซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมเงินสด 1.3 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับหลายแสนในปัจจุบัน

ทุกอย่างดูเหมือนง่ายๆ

ทันใดสะดุ้ง

“หยุด นี่ตำรวจ”

ทรชนทั้งสามตื่นตกใจ แต่หัวหน้าทีมแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว เขาลั่นกระสุนใส่เจ้าหน้าที่ทันที นั่นเป็นสัญญาไม่ยอมจำนน ทางการจึงรัวปืนสวนอย่างดุเดือด

กลายเป็นว่าแผนปล้นครั้งนี้ผิดพลาด เจ้าหน้าที่ล้อมและวางกำลังปิดทางเข้าออก ขวางทางหนีไว้หมดแล้ว แม้จะพยายามวิ่งเข้าไปในซอยเล็กๆ แต่ก็ไม่อาจแหวกพ้นได้ ตำรวจวิ่งไล่ตาม เสียงปืนดังสนั่น ทำเอาประชาชนในละแวกตื่นตกใจ

โชเฟอร์ที่นั่งรอในรถ เห็นว่าแผนไม่เป็นไปตามที่หวัง จึงวิ่งลงจากรถแล้วหลบหนีไป แม้ถูกยิงบาดเจ็บ ก็ยังกัดฟันวิ่งโกยหายท่ามกลางความวุ่นวาย น่าเสียดายหัวใจเศร้า เขาจะรอดได้แค่วันเดียว ก็โดนเจ้าหน้าที่เข้ารวบตัวในที่สุด

ทรชน 2 รายปักหลักเยี่ยงหมาจนตรอก พวกเขาสู้ ยิงใส่ตำรวจ จนถูกกระสุนผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สวนกลับ ขาดใจตาย ณ ตรงนั้น

หัวโจกทีมวายร้าย วิ่งเข้าไปในซอย เขาสบตากับหัวหน้าชุดปฏิบัติการของตำรวจ นี่เป็นการพบกันครั้งที่ 2 ของทั้งคู่ แต่ครานี้อาชญากรตัวแสบชักปืนหวังปลิดชีพอีกฝ่าย

กระสุนดังขึ้นสนั่นฟ้าถึง 6 นัด

การดวลปืนระหว่างตำรวจกับโจร ทั้งคู่ต่างหวังว่าตัวเองจะเป็นผู้ชนะในศึกนี้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ ต้องมี 1 สมหวัง และ 1 ล้มเหลว ที่ต้องแลกมาด้วยชีวิต

หลังเสียงปืนจางหาย ชายคนหนึ่งยืนนิ่ง สบตากับร่างของชายอีกรายที่ถูกยิงสิ้นลมบนทางเท้า 

นี่เป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของทั้งสอง แล้วมันจบลงที่ความตาย

2

นีล แม็กคอลีย์ (Neil McCauley) อายุ 50 ปี ในวันที่มีการปล้นร้านซูเปอร์มาร์เก็ต ชีวิตเขาโชกโชนอย่างเหลือเชื่อ เจ้าตัวเคยติดคุก 25 ปี เรียกได้ว่า ครึ่งหนึ่งของชีวิตอยู่ในโลกหลังกำแพงสูง ระหว่างที่ต้องโทษเคยถูกขังเดี่ยวนานกว่า 4 ปี

เขาคืออาชญากรขนานแท้

ปี 1962 นีลถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ และกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งในวัยหลักห้า และสิ่งเดียวที่เขาทำเป็นมาตลอดก็คือ การเป็นโจร

นักสืบ ชัก อดัมสัน (Chuck Adamson) อายุ 28 ปี ในวันที่เกิดเหตุปล้นซูเปอร์มาร์เก็ต เขายศจ่า เป็นหัวหน้าทีมปราบปรามอาชญากรรมรุนแรง จับกุมอาชญากรตัวแสบที่รังควานเมืองชิคาโกเป็นจำนวนมาก แถมยังมีสายข่าวมากมายที่คอยกระซิบผ่านชัก ให้รู้ข่าวโลกใต้ดินที่วายร้ายอาศัยเพื่อหาช่องโหว่ เมื่อทางการเผลอก็ลงมือก่อเหตุผิดกฎหมาย

นีลเดินทางมายังเมืองชิคาโก ข้อมูลนี้แล่นถึงหูชักในทันที ยิ่งชายชาติโจรระดมหาทีมงานเพื่อวางแผนอะไรบางอย่าง นักสืบหนุ่มก็ได้รับข่าวสารนี้ในบัดดล เขาสั่งการตำรวจให้จับตาดูนีลอย่าให้คลาดสายตาโดยเด็ดขาด

ช่วงเวลานั้นทรชนวัยครึ่งร้อยก่อเหตุปล้นโรงงาน แม้ไม่มีหลักฐานแต่นั่นก็ทำให้ชักส่งทีมงานเข้าไปหาข่าวในแก๊งของนีลทันที

ตำรวจได้ข้อมูลเด็ด อีกฝ่ายกำลังจะก่อเหตุปล้นห้างสรรพสินค้า ทางการรู้ช่วงเวลาก่อเหตุ นักสืบแฝงตัวทั้งในห้างและด้านนอก ถ้าทีมของโจรลงมือต้องโดนรวบ ยากจะรอดไปได้

คำสั่งของชักเด็ดขาด เขาย้ำกับลูกน้อง ให้เฝ้าอยู่ตรงนั้น ห้ามย้ายไปไหน ไม่ว่าจะผ่านนานเท่าไร พวกเขาต้องอยู่กับที่เพื่อจับแก๊งของนีลให้ได้

5-6 ชั่วโมงผ่านไป ชุดจับกุมได้แต่รอและรอ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่รายหนึ่งทนไม่ไหว ยอมฝ่าฝืนคำสั่งชัก โดยการเดินไปเข้าห้องน้ำในห้าง

จังหวะนั้นเอง นีลกับทีมงานมาถึงที่ห้างแล้วลอบเข้าไป สิ่งนี้อยู่ในการเฝ้ามองของนักสืบชักอยู่แล้ว อีกไม่นานเขาจะรวบพวกนี้ยกแก๊งได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดีการที่ตำรวจนายหนึ่งไปเข้าห้องน้ำในห้าง ทำให้เกิดเสียงเคลื่อนไหวยามวิกาลขึ้น ฝีเท้าของเจ้าหน้าที่ขณะไปทำธุระส่วนตัว ดังขึ้นไม่กี่วินาที แต่เมื่อนีลได้ยิน เขาตัดสินใจล้มเลิกปฏิบัติการที่วางแผนมาหลายสัปดาห์ทันที

เมื่อไม่ได้ก่อเหตุปล้น ตำรวจก็ไม่มีหลักฐานไปจับกุม ทีมงานของวายร้ายหายล่องหน สิ่งนี้ทำให้นักสืบชักได้รู้แล้วว่า คนที่ตนกำลังเผชิญหน้าอยู่นั้น

ไม่ธรรมดา

3

นีลไม่ใช่โจรกระจอก เขาอาจติดคุกนาน แต่ฝีมือการวางแผนปล้นละเอียดรอบคอบมาก ก่อนก่อเหตุ เจ้าตัวจะเฝ้าสังเกตสถานที่ลงมือ ทั้งทางเข้า ทางออก พื้นที่ใกล้เคียง แผนถูกวางไว้เพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์ สิ่งนี้เกิดจากประสบการณ์ล้ำค่า ถ้าทำอะไรลวกๆ ก็อาจจบที่ต้องหวนคืนสู่คุกอีก

การปล้นห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ก็เช่นกัน นีลเตรียมจะลงมืออยู่แล้ว แต่พอได้ยินเสียงประหลาดในห้างที่ดังอย่างไม่รู้ที่มาที่ไป เขาตัดสินใจล้มเลิกที่จะก่อเหตุทันที ตามความเชื่อที่ว่า ไม่มีเรื่องบังเอิญหรือพิสูจน์ไม่ได้ขณะลงมือ แต่ให้สันนิษฐานไว้เสมอว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะมีตำรวจรอจับอยู่

และนีลคิดถูก

บัดนี้อาชญากรวัยเก๋ารู้แล้วว่า เขาถูกจับตาจากทางการ

กระนั้นทรชนยังมั่นใจว่า เขาจะก่อเหตุลงมือได้อีกครั้ง แค่ต้องวางแผนใหม่ และเขาก็ได้ข้อมูลว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตในชิคาโกจะแลกเช็คเป็นเงินสดในวันพุธ นีลเริ่มสะกดรอยตามรถขนเงิน จนรู้เวลาแน่ชัด รู้ทุกกิจวัตรประจำวัน เขาจึงร่างรายละเอียดการลงมือปล้นอย่างรัดกุมที่สุด และมั่นใจว่างานนี้จะไม่พังหรือล้มเหลวไปเหมือนครั้งก่อนอย่างแน่นอน

ปี 1963 ก่อนเกิดเหตุปล้น 1 ปี ขณะนีลเตร็ดเตร่อยู่ในชิคาโก ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินมาทัก

“ไปดื่มกาแฟกันไหม”

ชายวัยหลักห้า สำรวจผู้ชวนอย่างละเอียด เขารู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นตำรวจอย่างแน่นอน แต่เขาไม่หวาดหวั่นหรือหงอเกรงกลัว “เอาสิ”

ทั้งสองเข้าไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟ

นักสืบชักรำลึกความหลังว่า “ผมศึกษาภูมิหลังเขามาอย่างละเอียด ชายคนนี้ติดคุกมาเกือบครึ่งชีวิต เขาคืออาชญากรโดยกมลสันดาน ดังนั้นไม่ใช่หน้าที่ผมจะต้องอบรมเขาให้กลับใจเด็ดขาด”

สิ่งที่ตำรวจหนุ่มทำได้ก็คือโน้มน้าวกึ่งขู่ให้นีลไปก่อเหตุที่อื่นเสีย ไม่ใช่เมืองที่เขาสาบานว่าจะพิทักษ์ดูแลอยู่

“ทำไมมึงไม่ไปสร้างปัญหาที่อื่นวะ” ชักพูดออกมา

นีลตอบกลับแบบกวนๆ ว่า “ก็ผมชอบชิคาโกนี่”

นี่ทำให้นักสืบหนุ่มต้องขู่ “สักวันฉันจะอยู่ตรงนั้น แล้วเอ็งจะต้องถูกจัดการ” 

กระนั้นนีลไม่หวั่นเกรง เขายังสวนกลับไปนิ่มๆ ว่า

“มองอีกมุมนะ ผมอาจเป็นฝ่ายจัดการนายแทนก็ได้”

“ฉันแน่ใจว่า เราจะต้องได้พบกันอีก”

นักสืบชักทิ้งท้ายก่อนจ่ายค่ากาแฟแล้วเดินจากไป

นี่คือการพบปะกันครั้งแรก บัดนี้ชักและนีลต่างรู้จักกันและถ่องแท้ว่า อีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร ชายที่ติดคุกตลอดชีวิตเข้าใจว่า ตำรวจรายนี้กำลังจะจับเขา 

ดังนั้นเขาต้องรีบลงมือและหนีไปให้รอด แต่ถ้าผิดแผนแล้วต้องสู้ เขาก็ต้องฆ่านักสืบรายนี้ให้ตาย

บัดนี้ทั้งสองต่างมั่นใจว่า เมื่อเจอหน้ากันในครั้งที่ 2 ไม่ใครก็ใครต้องลงมือฆ่าอีกฝ่ายอย่างแน่นอน

4

วันที่ 25 มีนาคม 1964 นีลไม่เคยรู้หรือตระหนักเลยว่า ต่อให้แผนของเขาจะดีแค่ไหน ก็ยังมีสิ่งที่เจ้าตัวคาดไม่ถึงมาก่อน นั่นก็คือ สายข่าวของชักที่กว้างไกล ไม่นานเบาะแสก็หลุดมาทั้งดุ้น รู้ถึงขนาดว่านีลจะลงมือที่ไหน เวลาใด

นี่คือสิ่งที่ชักเหนือกว่า เขาเป็นจ่า เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ มีลูกน้อง มีสายข่าว รู้จักและจับกุมอาชญากรมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงรู้วิธีและเข้าใจว่าจะต้องรับมือกับชายที่ใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งในเรือนจำอย่างไร

ทุกสิ่งเอื้อให้ตำรวจถึงขนาดนี้ สิ่งเดียวที่พวกเขาระวังและรู้ดีอยู่แล้วก็เกิดขึ้น นั่นก็คืออาชญากรอย่างนีลไม่คิดมอบตัว แต่เขาพร้อมสู้ ไม่รอดก็ตาย

ดังนั้นเมื่อนีลกับชัก สบตาพบหน้ากันอีกครั้ง ในซอยเล็กๆ มันจึงเดินทางไปสู่บทสรุปที่ทั้งสองคาดหมายไว้แล้ว เป็นหรือดับ ไม่มีทางที่จะมีลมหายใจรอดทั้งคู่

โจรกับตำรวจ

นีลและชัก

มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะกำชัยในศึกนี้

5

เสียงปืน 6 นัดดังสนั่น เจ้าหน้าที่วิ่งตามไปในซอยเล็กๆ และพวกเขาก็เห็น จ่าตำรวจหัวหน้าชุดยืนสงบนิ่ง มือที่จิบกาแฟกับนีล บัดนี้ใช้เหนี่ยวไกฆ่าอาชญากร

กระสุนเข้าร่างนีล นอนตายอย่างอนาถในซอยเล็กๆ นักข่าวอาชญากรรมแห่งเมืองชิคาโกบรรยายว่า มันมีขนาดไม่ต่างจากห้องขังที่เขาเคยอยู่มาทั้งชีวิต

ความตายของนีลถูกลืมเลือน ความดีของชักได้รับการยกย่อง แต่ 10 ปีหลังทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เขาก็ลาออก แล้วมุ่งหน้าสู่ฮอลลีวูด รับงานแสดงเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะมาเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้กำกับหนุ่ม ไมเคิล แมนน์ (Michael Mann) อดีตตำรวจเล่าความหลังครั้งจิบกาแฟกับอาชญากรแสบให้แมนน์ฟัง

สิ่งนี้ดลบันดาลใจให้เกิดภาพยนตร์เรื่อง Heat คนระห่ำคน เรื่องราวของการไล่ล่าชิงไหวชิงพริบระหว่างตำรวจกับอาชญากร อันมีเค้าโครงทั้งการเจอหน้ากันของ 2 ฝ่าย ความฉลาดของโจร และความมุ่งมั่นของตำรวจ ทั้งหมดมีที่มาจากนักสืบชักกับนีล และประสบความสำเร็จได้รับการยกย่องในฐานะหนังขึ้นหิ้งจนถึงปัจจุบัน

ชักเสียชีวิตในปี 2008 จากมะเร็งปอด ปิดตำนานนักสืบด้วยวัย 71 ปี อีกด้านเขาได้รับการยกย่องในฐานะมือเขียนบทและนักแสดงแห่งวงการฮอลลีวูดด้วย

รวมถึงเรื่องราวระหว่างเขากับนีล ซึ่งได้รับการเล่าขาน มีนักข่าวติดต่อสัมภาษณ์หลายครั้ง และเจ้าตัวก็ยินดีจะเล่าถึง โดยแรงบันดาลใจที่อดีตนักสืบตัดสินใจเข้าไปคุยกับอาชญากรวัยเก๋าในวันนั้น จนกลายเป็นตำนานถึงทุกวันนี้ อยู่บนเหตุผลสุดเรียบง่ายว่า

“ผมกำลังเจอวิกฤตในชีวิต การได้นั่งสนทนากันตอนนั้น เป็นการคุยอย่างลึกซึ้งแบบที่เราอาจจะเล่าให้คนแปลกหน้าฟัง ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมาก แต่เราทั้งคู่ต่างรู้ดีว่า ตลอดเวลาที่คุยกันนั้น อีกฝ่ายสามารถฆ่าอีกคนให้ตายได้เสมอ”

ชักทิ้งท้ายบทสัมภาษณ์ โดยย้ำเตือนถึงความมีเสน่ห์แต่แฝงความแสบร้ายกาจของอาชญากรแบบนีล เพื่อให้ตำรวจรุ่นใหม่จดจำ และไม่ลืมสัจธรรมตรงนี้ไปว่า

“ผมนับถือความมืออาชีพของชายคนนี้ เขาเป็นโจรที่เก่ง พยายามลดความเสี่ยงตอนก่อเหตุให้น้อยที่สุด แต่ในอีกมุม เขาคือไอ้โรคจิตสุดเลือดเย็น

“ที่ฆ่าคุณได้ เพียงแค่มองหน้า”

 

อ้างอิง

https://crimereads.com/michael-mann-early-career-heat/?utm_source=chatgpt.com

https://www.wbur.org/news/2019/08/01/heat-michael-mann?utm_source=chatgpt.com

https://www.imdb.com/name/nm0011477/bio/?ref_=nm_ov_bio_sm

https://allthatsinteresting.com/neil-mccauley

https://www.youtube.com/watch?v=3TPuodLyD1Y

https://www.slashfilm.com/793516/the-real-life-bank-robbery-that-inspired-heat/

https://filmschoolrejects.com/real-story-behind-michael-manns-heat/

Tags: , , , , , ,