ปรากฏการณ์ ‘ทัวร์ลง’ กลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยเกือบทุกวันในโลกโซเชียลฯ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสม โพสต์ที่หมิ่นเหม่จะผิดจริยธรรม หรือความรับผิดชอบในสังคม ก็จะมีคนออกมาทักท้วง แสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิถึงข้อจริยธรรมนั้น
แม้จะเริ่มต้นจากการทักท้วงเล็กๆ แต่สิ่งนั้นสามารถเป็นชนวนให้ใครหลายคนที่อาจมีความตะหงิดใจอยู่ก่อน หรือเห็นไปในแนวทางเดียวกันรีบออกมาแสดงความเห็นและสนับสนุนอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นการเทความเห็นไปในทางใดทางหนึ่ง เป็นปรากฏการณ์ห้องเสียงสะท้อน (Echo Chamber) หรือเหตุการณ์ที่ผู้คนอยู่ในพื้นที่พบแต่ความคิดเห็นคล้ายกัน โจมตีไปในทิศทางเดียวกันในห้องที่สะท้อนไปมา จนไม่เหลือพื้นที่ให้ความเห็นต่าง ทำให้คนที่ถูกตำหนิกลายเป็นศูนย์กลางการโจมตี ทั้งในรูปแบบตักเตือนหรือบางทีก็เป็น Hate Speech จนคนที่เห็นต่างกลายเป็นคนที่ผิดไปด้วย
ปรากฏการณ์นี้อาจอธิบายได้ด้วยทฤษฎีทางจิตวิทยา Black-and-White Thinking หรือวิธีการคิดแบบสุดโต่งโดยไม่เปิดพื้นที่ให้กับความเป็นมนุษย์ มองบุคคลหนึ่งว่าผิดทั้งหมด หรือถูกทั้งหมดโดยไม่มีพื้นที่สำหรับความเป็นกลางหรือความซับซ้อนในการคิด ซึ่งการกระทำหรือความรู้สึกของบุคคลนั้นๆ ที่มองว่า คนดีต้องไม่มีข้อผิดพลาด ในขณะเดียวกันถ้าทำผิดพลาดครั้งเดียว ต้องแย่ไปตลอดชีวิต หรือถ้าเห็นต่างจากกลุ่มคนส่วนใหญ่ก็จะกลายเป็นศัตรู โดยทฤษฎีนี้สามารถทำความเข้าใจได้ทั้งในตนเองและสังคม
หากพูดถึงในรูปแบบของโซเชียลมีเดีย อ้างอิงจากบทความแสดงความเห็นของ เฟรยา เบนเนตต์ (Freya Bennett) ที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวของออสเตรเลีย (ABC: Religion & Ethics) กล่าวถึงแนวโน้มของการคิดแบบสุดโต่ง (Black and White Thinking) ที่เพิ่มมากขึ้นในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์พบว่า ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้ในโลกโซเชียลมีเดียบ่อยครั้ง ด้วยลักษณะของแพลตฟอร์มที่มีระบบอัลกอริทึมจับความสนใจของผู้อ่าน และเสนอเนื้อหาตามที่ผู้อ่านสนใจ ซึ่งอาจส่งเสริมให้เกิด Echo Chamber ได้ง่าย เป็นผลให้ผู้ใช้งานมีโอกาสคิดสุดโต่ง ไม่เปิดรับความเห็นต่างในสังคม และง่ายต่อการตัดสิน
การรับมือกับแนวคิด Black and White Thinking
วิธีรับมือเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่อาจมีแนวคิดแบบ Black and White Thinking มากเกินไป ทั้งในแง่การจัดการความรู้สึกและความคิดเห็นของสังคม อ้างอิงจากบทความ Black and White Thinking ของ สมิถา ภันดารี (Smitha Bhandari) คือ
การเปลี่ยนกรอบแนวคิด
เมื่อจับสังเกตได้ว่า ตนเองมีความคิดสุดโต่ง ให้ลองตั้งคำถามกับความคิดเหล่านั้นและเปลี่ยนมุมมองไปในแนวทางอื่นๆ เช่น สิ่งนี้เกิดขึ้นเสมอหรือแค่บางครั้ง และยังมีมุมมองอื่นๆ ที่ยังไม่ได้พิจารณาอีกไหม
เปลี่ยนวิธีการพูดหรือมองโลก
คำว่า ‘เสมอ’ หรือ ‘ไม่มีทาง’ อาจสะท้อนแนวคิดที่สุดโต่งมากเกินไป ลองปรับเป็น ‘บางครั้ง’ หรือ ‘อาจจะ’ ที่ทำให้ความคิดเหล่านั้นยืดหยุ่นมากขึ้น
การยอมรับ
ไม่ได้มีใครรู้ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ การยอมรับในความไม่รู้หรือรับฟังในมุมมองที่แตกต่างจึงไม่ใช่การแสดงออกถึงการยอมแพ้หรือความอ่อนแอ แต่คือการเปิดรับและยอมฟังในมุมมองที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่ตนเองมองอยู่เดิม
ทั้งนี้นักจิตวิทยาหลายคนเลือกใช้วิธีบำบัดด้วยความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavior Therapy: CBT) จัดการกับรูปแบบความคิดและเข้าใจตัวเองมากขึ้น (ต้องอยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญ)
การอยู่ในโลกที่มีแต่การตัดสินขาว-ดำหรือโอนเอนไปในทางใดทางหนึ่งมากเกินไป อาจทำให้เราลืมคำนึงถึงความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่ในทุกคน
สุดท้ายแล้วเราสามารถตัดสินคนคนหนึ่ง หรือสิ่งๆ หนึ่งได้จากการกระทำเพียงอย่างเดียวเลยหรือ แล้วตรงไหนคือพื้นที่เสรีสำหรับการแสดงความเห็นในสังคม หรือคนที่เห็นต่างต้องถูกมองว่าแปลกประหลาดไปเสียหมด เพียงเพราะเขาไม่ได้เห็นตรงกับความเห็นส่วนใหญ่
เราสามารถตำหนิและตักเตือนในสิ่งที่ผิดได้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะกลายเป็นคนไม่ดีเพียงเพราะทำพลาดครั้งเดียว การตักเตือนไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ระวังคำพูดที่จะกลายเป็น Hate Speech ที่สร้างความเกลียดชังต่อบุคคลโดยไม่จำเป็น
Tags: Wisdom, Black White Thinking