เชื่อว่าหนอนหนังสือทุกคนคงมีร้านหนังสือร้านโปรดในใจ ร้านเจ้าประจำ และร้านในฝันของตัวเอง บางคนถึงขั้นมีร้านหนังสือที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง เป็นร้านหนังสือที่มีประวัติมายาวนานและชวนให้เคลิ้มฝันหลงใหล เช่น Shakespeare and Company, Three Lives & Company, City Lights Books, Strand Bookstore และ The Booksmith

ร้านดังกล่าว บ้างปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์ บ้างถูกเอ่ยถึงในหนังสือ แต่ร้านหนังสือที่เรากำลังจะเอ่ยถึงต่อไปนี้ บางร้านอาจไม่ได้มีอยู่บนโลกจริง แต่เมื่อได้ลองทำความรู้จักผ่านหนังสือ 5 เล่มที่เราคัดสรรมานี้แล้ว ร้านเหล่านั้นจะต้องเข้าไปเกาะกุมหัวใจเราแน่นอน

ร้านหนังสือเลขที่ 84 ถนนแชริงครอสส์

ผู้เขียน: Helene Hanff

ผู้แปล: รังสิมา ตันสกุล, ปราบดา หยุ่น

สำนักพิมพ์: Bookmoby Press

เรื่องจริงของการส่งจดหมายข้ามประเทศฉบับแล้วฉบับเล่า ระหว่างเฮเลน แฮฟฟ์ นักเขียนชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก กับพนักงานร้านหนังสือเก่า Marks & Co. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ทำไมเฮเลนถึงรู้จักร้านหนังสือนี้ได้ ฟังแล้วอาจดูเหมือนโชคชะตานำพา เพราะเธออ่านเจอใน Saturday Review of Literature ว่า Marks & Co เป็นร้านขายหนังสือเก่าที่สามารถเสาะหาหนังสือหายากให้แก่ลูกค้าได้ ดังนั้นเฮเลนจึงไม่รีรอที่จะเป็นลูกค้าคนหนึ่งของร้าน

เธอเริ่มเขียนจดหมายเพื่อสั่งซื้อหนังสือจากร้านตั้งแต่ปี ค.ศ.1949 ซึ่งทุกครั้ง พนักงานร้านก็จะตอบจดหมายกลับมาเสมอ แล้วจากการเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย ทุกคนก็เริ่มสนิทสนมเหมือนเพื่อนที่รู้จักกันมานาน จดหมายของเฮเลนนั้นมีสำนวนน่ารักปนอารมณ์ขัน ทั้งจิกกัดได้มีเสน่ห์ในแบบที่คนอ่านคงยิ้มตาม ในขณะที่จดหมายจากพนักงานร้านนั้นออกจะสุภาพเรียบร้อย แต่ก็ไม่แข็งกระด้างจนห่างเหิน ซ้ำยังอบอุ่นด้วยมิตรภาพและละมุนด้วยความรัก

พวกเขาเขียนจดหมายหากันตลอดระยะเวลา 20 ปีโดยไม่เคยพบหน้า เพียงเริ่มจากการสั่งหนังสือ ขยับมาจนเป็นความประทับใจที่มีต่อกัน นี่คือเรื่องราวของมิตรภาพที่หาซื้อไม่ได้ และเป็นเหมือนของขวัญหล่นทับระหว่างคนรักหนังสือที่เชื่อมกันด้วยตัวอักษร

บิเบลีย บันทึกไขปริศนาแห่งร้านหนังสือ

ผู้เขียน: En Mikami

ผู้แปล: พลอยทับทิม ทับทิมทอง

สำนักพิมพ์: Animag

หนังสือบ่งบอกอะไรได้บ้าง แน่นอนว่านอกจากเนื้อหาในตัวมันเองแล้ว บางครั้งมันยังสามารถอธิบายนิสัยใจคอของผู้ครอบครองได้ด้วย และนอกเหนือไปจากนั้น บางครั้งมันยังอธิบายไปถึงความสัมพันธ์ที่ถูกซุกซ่อนไว้ ซึ่งคนใกล้ตัวคุณอาจไม่เคยรู้ แต่หากเป็นชิโนคาวะ ชิโอริโกะแล้ว เพียงได้ศึกษาหนังสือเล่มนั้น เรื่องราวเหล่านี้จะไม่หลุดรอดไปจากสายตาอันเฉียบแหลมของเธอแน่นอน

ร้านหนังสือเก่าบิเบลียมีเจ้าของร้านเป็นสาวสวยชื่อ ชิโนคาวะ ชิโอริโกะ เธอเป็นหนอนหนังสือขนานแท้ เหมือนว่าเวลาที่มีทั้งหมด เธอยกให้กับหนังสือไปจนสิ้น ชิโอริกะเป็นคนขี้อาย ไม่ช่างพูด แต่ถ้าเป็นเรื่องหนังสือแล้วเธอจะสามารถพูดและอธิบายได้ยืดยาวจนลืมตัว

วันหนึ่งเธอได้รู้จักกับโกระ ไดสึเกะ ชายหนุ่มที่แพ้การอ่านหนังสือ เนื่องจากสภาพร่างกายไม่อำนวย ซึ่งต่อมาเขาคนนี้ก็ได้กลายมาเป็นพนักงานร้าน ในทีแรก ไดสึแกะแค่นำหนังสือเก่าของคุณยายมาขาย แต่เรื่องราวไม่จบลงแค่นั้น หนังสือเก่าของคุณยายไม่เพียงเป็นแค่หนังสือสำหรับอ่าน แต่กลับมีความหมายและคุณค่าบางอย่างแอบแฝงอยู่ ซึ่งนี้ก็เป็นปริศนาที่ชิโอริกะไขออก

จากการพบกันครั้งนี้ เธอกับเขาจึงได้มาเป็นผู้ร่วมงานกัน และนี่ยังเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของปริศนาหนังสือที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย เหล่าลูกค้ามักนำพาบางอย่างที่มากกว่าหนังสือมาด้วยเสมอ หรือนี่คือโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้ให้ชิโอริกะแล้วตั้งแต่แรก!

ถนนหนังสือสายคาบูล

ผู้เขียน: Åsne Seierstad

ผู้แปล: จิระนันท์ พิตรปรีชา

สำนักพิมพ์: มติชน

หนังสือสารคดีที่เขียนออกมาในรูปแบบการเล่าเรื่องผ่านสายตาบุคคลต่างๆ ภายในครอบครัว ซึ่งเขียนโดยนักข่าวสาวชาวนอร์เวย์ เธอได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสและอยู่ในสภาพแวดล้อมอันคุกรุ่นของประเทศอัฟกานิสถานตลอดช่วงระยะเวลาหลายเดือน ครอบครัวที่เธอไปอาศัยอยู่ด้วยนั้นคือครอบครัวของสุลต่าน คาน ครอบครัวอันเป็นตัวละครในหนังสือของเธอ

สุลต่าน คาน เป็นคนหนึ่งที่รักการอ่าน เมื่อเจอหนังสือที่ถูกใจเขาก็จะซื้อมาเก็บไว้ จนวันหนึ่งเขาก็ได้ผันตัวเองมาขายหนังสือ เขาและครอบครัวอาศัยอยู่ในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน สถานที่ที่ถูกสงครามครอบงำมาหลายปี แนวคิดทางการเมืองเปลี่ยนแปลงจนผู้คนต้องฝ่าฟันมันเพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไป บ่อยครั้งที่เขาต้องหลบๆ ซ่อนๆ กับการขายหนังสือ หรือหากโชคร้ายหน่อยก็เข้าไปนอนอยู่ในคุกเพราะขายหนังสือต้องห้ามบ้างก็มี

หนังสือเองก็หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไปไม่ต่างจากขั้วของการเมือง มีช่วงเวลาที่หนังสือคอมมิวนิสต์เข้ามามีบทบาทมาก ช่วงเวลาที่หนังสือคำสอนที่แตกต่างจากศาสนาอิสลามต้องถูกทำลาย ช่วงเวลาที่หนังสือจากต่างประเทศเป็นที่นิยม แต่ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร สุลต่านก็ยังคงเป็นคนขายหนังสือ เขาลากเอาครอบครัวของตนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ดังนั้นนี่จึงไม่ได้เป็นแค่เรื่องของสุลต่าน แต่เป็นเรื่องราวของคนทั้งครอบครัว

นอกจากจะได้เห็นความเป็นไปของครอบครัวหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโดยตรงแล้ว มันยังมีอีกหลากหลากเรื่องราวให้ได้รับรู้และเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นสังคม วัฒนธรรม การปกครอง ประวัติศาสตร์ บาดแผลของสงคราม ความเจ็บปวดที่ฝังรากลึก ภูมิประเทศที่เปลี่ยนไป และซากปรังหักพังของทุกๆ สิ่ง

เฟอร์มิน หนู/รัก/หนังสือ

ผู้เขียน: Sam Savage

ผู้แปล: ศรรวริศา

สำนักพิมพ์: กำมะหยี่

การอาศัยอยู่ท่ามกลางหนังสือจะทำให้เรากลายเป็นนักอ่านไปโดยไม่รู้ตัว แม้แต่กับสัตว์! (ในเรื่องนี้)

เฟอร์มินคือสัตว์ตัวเล็กๆ ที่เรากำลังเอ่ยถึง หนูน้อยตัวสุดท้องจากครรภ์แม่หนูขี้เมา เฟอร์มินถือกำเนิดในร้านหนังสือแห่งจัตุรัสสกัลลีย์ ย่านที่กำลังจะถูกทำลายทิ้งในนครบอสตัน

เฟอร์มินได้รับการเลี้ยงดูโดยน้ำนมแม่เพียงน้อยนิด นอกนั้นก็ประทังชีวิตด้วยการกินหนังสือเป็นอาหาร หนังสือจึงไม่ใช่แค่อาหารตา แต่เป็นอาหารจริงๆ สำหรับหนู! แต่ละหน้ากระดาษ แต่ละเรื่องราวล้วนตกถึงท้องของเฟอร์มิน ร่างกายของเขาจึงซึมซับทุกอย่างเอาไว้ ไม่เว้นแม้แต่กับตัวอักษร จนวันหนึ่งเฟอร์มินก็อ่านหนังสือออก แถมยังอ่านอย่างแตกฉานเสียด้วย

เขาไม่เพียงแค่รู้จักอ่าน แต่ยังรู้จักเพลิดเพลินกับเสียงเพลงและภาพยนตร์ จนฝันเฟื่องไปว่าแท้จริงแล้วเขาคือมนุษย์ที่ติดอยู่ในร่างหนู รวมถึงเริ่มมีความสัมพันธ์อันดีกับมนุษย์บางคน แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา อย่างที่ได้เกริ่นไว้ในทีแรก เฟอร์มินเกิดมาในย่านที่กำลังเสื่อมสลาย แหล่งเสื่อมโทรมที่ต้องถูกทำลายทิ้ง แล้ววันนั้นก็มาถึง โดยที่ทั้งหนูและมนุษย์ไม่อาจทำอะไรได้เลย

เฟอร์มินจะพาเราไปรู้จักกับหนังสืออีกหลายเล่ม นักเขียนอีกหลายคน เรียนรู้วัฒนธรรมบันเทิงทั้งหลายในยุคนั้น พร้อมทั้งหลายๆ เหตุการณ์ทางสังคม การเปลี่ยนผ่านของเวลาและการเปลี่ยนแปลงของโลก เฟอร์มินยังรู้จักวิพากษ์วิจารณ์สิ่งต่างๆ ที่บางครั้งเราอาจหลงลืมไป เรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่โลกของหนู แต่เป็นโลกของเราทุกคน

ร้านหนังสือ 24/7 ของคุณเพนุมบรา

ผู้เขียน: Robin Sloan

ผู้แปล: ศรรวริศา

สำนักพิมพ์: กำมะหยี่

เมื่อเคลย์ แจนนอน ตกงาน ความเคว้งคว้างจึงมาเยี่ยมเยือนเขา แต่หลังจากเตะฝุ่นอยู่ไม่นาน เคลย์ก็ได้งานเป็นพนักงานกะกลางคืนในร้านหนังสือ 24 ชั่วโมงของคุณเพนุมบรา ร้านหนังสือที่เปิดทั้งวันทั้งคืน แต่แทบไม่มีลูกค้าคนใดเข้ามาเพื่อซื้อหนังสือเลย

ร้านหนังสือของคุณเพนุมบรา เป็นร้านหนังสือเล็กๆ อยู่ในนครแซนแฟรนซิสโก แต่ถึงจะเล็ก ร้านก็ยังอัดแน่นไปด้วยหนังสือมากมายที่ท่วมชั้น และที่น่าประหลาดก็คือร้านร้านนี้แทบจะไม่มีลูกค้าซื้อหนังสือเลย จะมีก็แต่ลูกค้าที่เป็นสมาชิกซึ่งมาเพื่อยืมหนังสือเท่านั้น แล้วเขาเหล่านี้ก็จะนำหนังสือมาคืนพร้อมกับยืมเล่นถัดไปเสมอ

ด้วยความสงสัยใคร่รู้ เคลย์จึงพยายามค้นหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ร้านหนังสือแห่งนี้จะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังบางอย่างแน่นอน

การดำเนินเรื่องไม่เพียงสนุกสนาน แต่ยังฉลาดในการผูกโยงเรื่องแต่งเข้ากับเรื่องจริงได้อย่างแนบเนียน มีการกล่าวถึงโลกดิจิทัลในแง่ต่างๆ ไปพร้อมๆ กับปริศนายุคกลางและสมาคมลับที่เข้ากันได้ดีอย่างคาดไม่ถึง รายละเอียดและศัพท์ยากๆ ถูกย่อยจนเข้าใจง่าย และในทุกๆ ความลวงนั้นมีความจริงซ่อนอยู่

Tags: , , , , , ,