รู้หรือไม่ว่า ในออสเตรเลีย กฎหมายกำหนดให้สถานที่ทำงานต้องให้โอกาสที่เท่าเทียมกันแก่พนักงาน รวมทั้งสร้างสถานที่ทำงานที่ปราศจากการเลือกปฏิบัติและการคุกคาม นายจ้างจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดมาตรการเพื่อจัดการเรื่อง ‘ความเสียเปรียบในการจ้างงาน’ และ ‘การเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน’ ซึ่งรวมถึงการให้คุณค่ากับความหลากหลายในที่ทำงาน และรับประกันว่าสถานที่ทำงานจะปราศจากการคุกคามทางเชื้อชาติ เพศ การเลือกปฏิบัติ และการกลั่นแกล้ง

อย่างที่เรารู้กันดี ปัจจุบันเรื่องของความหลากหลายกลายเป็นสิ่งที่คนส่วนมากให้ความสำคัญ จนหลายธุรกิจ หลายองค์กร หลายสังคมพูดถึง ให้ความสนใจ หรือใช้ในการขับเคลื่อน ไปพร้อมๆ กับยุคสมัยและกระแสสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้ ‘การแบ่งแยก’ มีพื้นที่แคบลงเรื่อยๆ 

สิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งการเปิดกว้างในเรื่องสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาค ต่อทุกอัตลักษณ์ ที่สำคัญ ความหลากหลายเหล่านี้ยังนำมาซึ่งประโยชน์อีกมากมาย

แน่นอนว่ารวมถึงการทำงานในรูปแบบบริษัท หรือว่าง่ายๆ คือในออฟฟิศที่พวกเรากันทำงานอยู่นั่นเอง

ความหลากหลายในที่ทำงานคืออะไร?

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ความหลากหลายในที่ทำงาน หมายถึงการเคารพ ให้คุณค่ากับทักษะและความแตกต่างที่พนักงานแต่ละคน ‘นำเข้ามา’ ในสถานที่ทำงาน โดยสถานที่ทำงานที่มีความหลากหลายจะกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนมีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลัง เพศ สีผิว อายุ เชื้อชาติ ความสามารถทางกายภาพ รสนิยมในเรื่องต่างๆ ความเชื่อ และเรื่องอื่นๆ

เช่นนั้นแล้ว สถานที่ทำงานที่มีความหลากหลายย่อมไม่ต่างไปจาก ‘สินทรัพย์’ ที่สำคัญชนิดหนึ่ง เนื่องจากสถานทำงานที่รับรู้ถึงจุดแข็งและศักยภาพของพนักงานแต่ละคน รวมถึงให้คุณค่ากับความแตกต่าง อาจเป็น ‘กุญแจ’ สู่การเป็นสถานที่ทำงานที่ประสบความสำเร็จ ทั้งในแง่ของผลงาน และวัฒนธรรมการทำงานที่เป็นธรรม

ที่สำคัญ ไม่ใช่แค่เรื่องของผลประโยชน์ในการทำงาน แต่ยังรวมถึงเหตุผลทางสังคมและศีลธรรมด้วย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากในโลกปัจจุบัน

ประโยชน์ของความหลากหลายในที่ทำงานคืออะไร?

มาว่ากันถึงประโยชน์ของความหลากหลายในที่ทำงานกันบ้าง การมีสถานที่ทำงานที่มีความหลากหลาย นำมาซึ่งข้อดีหลายประการ เนื่องจากโลกทุกวันนี้มีความเป็นโลกาภิวัตน์และเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น สถานที่ทำงานจึงควรใช้ประโยชน์จากทักษะที่หลากหลายซึ่งพนักงานแต่ละคนล้วนมี ‘ภูมิหลัง’ หรือ ‘ความสนใจ’ ที่ต่างกัน ซึ่งข้อดีเหล่านั้น ได้แก่อะไรบ้าง

1. ผลงานที่เพิ่มขึ้น

สถานที่ทำงานที่มีความหลากหลายจะช่วยทำให้เกิด ‘ความคิด’ และ ‘แนวทางปฏิบัติ’ ที่เพิ่มขึ้น แน่นอนว่าความแตกต่างของพนักงานแต่ละคน ก็หมายถึงทักษะ ประสบการณ์ และมุมมองที่มีความหลากหลายมากขึ้นนั่นเอง สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลในการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงผลงานที่ผลิตออกมาให้มากขึ้น น่าสนใจขึ้น และดียิ่งขึ้นอีกด้วย

2. ความคิดสร้างสรรค์ที่เพิ่มขึ้น

เมื่อพนักงานที่มีวัฒนธรรม รสนิยม หรือภูมิหลังต่างๆ ได้ทำงานร่วมกัน โอกาสในเรื่องการสร้างสรรค์งานก็จะเพิ่มขึ้นตาม เนื่องจากมีมุมมองและวิธีแก้ไขปัญหาที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีโอกาสถกเถียงหรือแสดงความคิดเห็นที่กว้างขึ้นและมากขึ้น เพื่อแก้โจทย์สำคัญต่างๆ ในการทำงาน

3. การตระหนักรู้ทางวัฒนธรรมที่ดีขึ้น

วัฒนธรรมที่หลากหลายภายในสถานที่ทำงาน จะช่วยให้บริษัทหรือองค์กรสามารถจัดการโจทย์และความท้าทายมากมายในตลาดโลกปัจจุบันได้ เช่น หากบริษัททำการค้าหรือลงทุนกับประเทศหนึ่ง การมีพนักงานที่สามารถพูดภาษาของประเทศนั้นได้ ถือเป็นทรัพย์สินที่ล้ำค่า และสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทเหล่านั้นได้

4. ภาพลักษณ์และชื่อเสียงในแง่บวก

ในโลกปัจจุบัน บริษัทที่มีพื้นที่ทำงานที่เปิดโอกาสให้กับความหลากหลายมักถูกมองว่าเป็น ‘นายจ้าง’ ที่ดีและน่าดึงดูดในการทำงานมากกว่า โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องความหลากหลาย ความเป็นธรรม เสรีภาพ และความเสมอภาค รวมถึงพนักงานที่มีความสามารถก็ล้วนต้องการนายจ้างที่เปิดกว้างต่อภูมิหลังที่หลากหลาย มากกว่านายจ้างที่เลือกปฏิบัติ

5. เพิ่มโอกาสทางการตลาด

หากพนักงานหรือลูกค้าเห็นว่าบริษัทใดให้ความสำคัญและยอมรับความหลากหลาย ย่อมทำให้พวกเขารู้สึกว่าสามารถผูกสัมพันธ์กับบริษัทนั้นๆ ได้อย่างสบายใจมากขึ้น นอกจากนี้ หากบริษัทมีภาพลักษณ์ที่เปิดกว้างทางความคิด ความสามารถ และความหลากหลาย จะสามารถส่งเสริมชื่อเสียงในเชิงบวก เพิ่มการรับรู้ของตลาด และสร้างฐานลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น

เป็นอย่างนี้แล้ว ยังมีใครบ้างที่คิดว่าความหลากหลายในสถานที่ทำงานเป็นสิ่งที่ไม่ดี?

Tags: , ,