ชีวิตมนุษย์ย่อมต้องสัมพันธ์กับสัตว์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในแทบทุกวัฒนธรรม ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะดึงเอาลักษณะบางอย่างที่เราสังเกตเห็นในสัตว์ชนิดต่างๆ มาใช้ทำความเข้าใจ สร้างมโนทัศน์ หรือเรียกเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง ทำให้สามารถพบการใช้ชื่อสัตว์มาเรียกคนกลุ่มต่างๆ ได้ในแทบทุกภาษาทั่วโลก อย่างเช่นที่เราเรียกคนกะล่อนปลิ้นปล้อนว่า ปลาไหล หรือเรียกคนเรียกคนที่ทำเป็นหลายอย่างแต่ไม่เชี่ยวชาญสักด้านว่า เป็ด ในภาษาไทยเป็นต้น

ปรากฏการณ์ดังกล่าวก็พบได้ในภาษาอังกฤษเช่นกัน สัปดาห์นี้ Word Odyssey จะขอพาไปดูกันว่า ในภาษาอังกฤษมีชื่อสัตว์อะไรบ้างที่ใช้เรียกคนได้และหมายถึงคนประเภทใด

Pig

หากเราได้ยินใครถูก (คนที่ยังก้าวไม่พ้นการบุลลี่) เรียกว่า ‘หมู’ ในภาษาไทย สิ่งที่เราพอจะบอกได้ก็คือคนคนนั้นน่าจะอ้วนกระปุกหลุกเหมือนหมู หรือไม่ก็กินของมูมมามอย่างหมู

แต่ในภาษาอังกฤษ คำว่า pig กลับไม่ได้ใช้เรียกคนอ้วนเป็นการเฉพาะเจาะจง แต่จะใช้พูดถึงคนที่กินตะกละตะกลามเหมือนหมู เช่น Leave some cookies for me, you pig. คือ เหลือคุกกี้ไว้ให้บ้างนะ ไอ้ตะกละ ไม่เช่นนั้นก็จะใช้เรียกคนที่มีพฤติกรรมและความคิดโสโครกน่ารังเกียจ คล้ายๆ กับหมูที่ชอบลงไปเกลือกกลั้วอยู่ในโคลนตมจนสกปรก เช่น Get your hands off of me, you filthy pig. (เอามือออกจากตัวฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้คนน่ารังเกียจ)

ที่น่าสนใจก็คือ คำว่า pig มักจะใช้กับผู้ชายเป็นหลัก แบบที่มักพูดกันว่า Men are pigs. ซึ่งสื่อว่าผู้ชายก็เป็นพวกโสโครกน่ารังเกียจทั้งนั้น นอกจากนั้นก็ยังมีคำว่า male Chauvinist pig ซึ่งเป็นคำด่าผู้ชายที่เชื่อฝังหัวว่าชายเป็นใหญ่เหนือหญิง ประเภทที่ยังพูดได้เต็มปากว่าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำว่า Chauvinist ได้ที่ https://themomentum.co/wordodyssey-eponym/)

นอกจากนั้น เนื่องจากตำรวจก็มีชื่อเสียงไม่ค่อยจะดี มักถูกมองว่าทำงานไม่ซื่อตรง พฤติกรรมโสโครกน่ารังเกียจ คำว่า pig จึงเป็นคำสแลงเจ็บแสบที่ใช้เรียกตำรวจได้ด้วย (อ่านเพิ่มเติมเรื่องศัพท์เกี่ยวกับตำรวจได้ที่ https://themomentum.co/wordodyssey-police/)

Mole

เนื่องจากตัวตุ่นเป็นสัตว์ที่ขุดโพรงใต้ดินมุดไปไหนต่อไหนได้โดยที่คนบนดินมองไม่เห็น คำว่า mole จึงถูกนำมาใช้หมายถึง คนที่แฝงตัวเนียนๆ เข้ามาเพื่อขโมยข้อมูลความลับไปให้ฝั่งตรงข้าม เรียกอีกอย่างว่า หนอนบ่อนไส้ หรือ นาตาชา นั่นเอง เช่น หากบริษัทคู่แข่งออกแคมเปญมาดักลูกค้าก่อนบริษัทเราหนึ่งวันได้ทุกครั้งจนดูไม่น่าจะเป็นเหตุบังเอิญได้ ต้องมีสายอยู่ในบริษัทเราแน่ๆ เราก็อาจจะพูดว่า There must be a mole in our team. ก็คือ ทีมเราต้องมีนาตาชาแฝงอยู่แน่ๆ หรือ We need to root out the mole. ก็คือ เราต้องหาตัวและกำจัดหนอนบ่อนไส้ทิ้งให้ได้

Snake

คล้ายๆ กับที่คนไทยเรียกคนที่หันมาแว้งกัดตัวเองว่า อสรพิษ ภาษาอังกฤษก็ใช้คำว่า snake เรียกคนที่ไว้ใจไม่ได้ ทำตัวไร้พิษภัย แต่พร้อมทำร้ายเราทุกเมื่อ ไม่ต่างจากงูที่นอนนิ่งอยู่ในพงหญ้า เช่น I never knew my best friend was such a snake. Apparently, she’d been talking shit about me behind my back. ก็คือ ไม่เคยรู้เลยว่า ‘เพื่อนรัก’ ของฉันนี่มันเป็นนังอสรพิษ เอาฉันไปนินทาลับหลังมาตั้งนาน

Fox/vixen

ในวัฒนธรรมตะวันตก หมาจิ้งจอกถือเป็นสัญลักษณ์ของความเจ้าเล่ห์ ในนิทานอีสปหรือปกรณัมต่างๆ ก็มักมีจิ้งจอกเป็นตัวละครที่ใช้กลอุบายชาญฉลาดต่างๆ หลอกคนอื่นจนได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ดังนั้น ในภาษาอังกฤษจึงใช้คำว่า fox เรียกคนเจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกงได้ด้วย เช่น สมมตินายกรัฐมนตรีประเทศหนึ่งมีรองนายกฯ ทำหน้าที่เป็นเนติบริกรให้ คอยหาช่องโหว่ทางกฎหมายและใช้เล่ห์กดซอกแซกเพื่อสร้างปาฏิหาริย์ให้รัฐบาลถือครองอำนาจได้ต่อไป เราก็อาจจะเรียกรองนายกฯ คนนี้ว่า an old fox

แต่นอกจากนั้น จิ้งจอกยังมีความลึกลับน่าหลงใหล เพราะมีนิสัยชอบแอบซ่อนตามโพรง โผล่มาให้เห็นวับๆ แวมๆ คำว่า fox จึงนำมาใช้หมายถึง ผู้หญิงที่มีเสน่ห์แพรวพราว มีมารยาร้อยเล่มเกวียน ได้อีกด้วย เช่น She’s a fox. หรือ She’s a foxy lady. ก็คือ เธอเป็นสาวพราวเสน่ห์ หรือจะใช้คำว่า vixen ที่หมายถึง จิ้งจอกตัวเมีย ก็ได้

Shark

ถึงแม้ว่าคนไทยจะใช้คำว่า ‘ฉลาม’ มาตั้งเป็นฉายานักว่ายที่ปราดเปรียวว่องไว แต่ในภาษาอังกฤษ คำว่า shark ไม่ได้นำมาใช้เรียกนักว่ายน้ำแต่อย่างใด แต่ใช้เรียกพวกหน้าเลือดที่ขูดรีดคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เหมือนฉลามที่เป็นนักล่าที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร มีความโหดเหี้ยมห้ำหั่น สนใจแต่ความอยู่รอดของตนเท่านั้น เช่น พวกปล่อยเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยมหาโหด เราก็จะเรียกว่า loan shark หรือถ้าพูดว่า corporate shark ก็คือจะเห็นพวกนักธุรกิจที่พร้อมลงทุนเข้าซื้อกิจการอื่นแบบห้ำหั่น (hostile takeover) ไม่สนใจว่าฝั่งที่ถูกซื้อจะยินยอมพร้อมใจไหม สนใจแค่ว่าตนเองต้องได้ผลประโยชน์สูงสุดเท่านั้น

Ostrich

เนื่องจากมีความเชื่อกันผิดๆ ว่าเมื่อมีภัยเข้ามาใกล้ตัว นกกระจอกเทศจะพยายามหนีหรือซ่อนตัวด้วยการเอาหัวมุดพื้นทราย จึงมีการนำคำว่า ostrich มาใช้เรียกคนประเภทหนีปัญหา ไม่ยอมรับมีปัญหาอยู่จริง ไม่เผชิญหน้าหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทำนองว่าถ้าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เดี๋ยวปัญหาก็คงจะหายไปเอง ตัวอย่างเช่น A lot of people choose to be an ostrich and ignore the glaring deficiencies of the government. ก็คือ คนจำนวนมากเลือกทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นความบกพร่องที่แสนทนโท่ของรัฐบาล 

นอกจากจะนำคำว่า ostrich มาเรียกคนแบบนี้ได้แล้ว เรายังสามารถใช้สำนวน to bury your head in the sand เพื่อหมายถึงการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่รับรู้ปัญหาได้ด้วย (อ่านสำนวนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่ https://themomentum.co/turn-a-blind-eye-word-odyssey/)

Whale

คำนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากแวดวงการพนัน หมายถึง คนที่พนันแบบมือเติบ ลงเงินครั้งละมากๆ เนื่องจากคนเหล่านี้นับเป็นลูกค้าเกรดเอที่ทำเงินมหาศาลหรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นปลาตัวใหญ่สำหรับเจ้าของบ่อน จึงใช้คำว่า whale ในการเรียกลูกค้ากลุ่มนี้

แต่ในเวลาต่อมา คำนี้ก็เริ่มแพร่ไปสู่วงการอื่นๆ ดังนั้น ในปัจจุบันเราจึงสามารถใช้คำว่า whale หมายถึง ลูกค้าตามห้างร้านต่างๆ ที่ใช้เงินครั้งละมากๆ เป็นสายเปย์ที่เงินถึงและพร้อมซื้อทุกอย่างแบบไม่เกี่ยงราคา

นอกจากนั้น คำนี้ยังขยับขยายไปสู่วงการเกมประเภทที่เล่นฟรีแต่สามารถจ่ายเงินซื้อของในเกมเพื่อให้เก่งเร็วขึ้นได้ด้วย หมายถึง ผู้เล่นสายเปย์ เติมเงินระดับท็อปของเซิร์ฟเวอร์ สกินหรือไอเท็มใหม่ออกมาปุ๊บต้องจ่ายเงินซื้อปั๊บ ต่างจากผู้เล่นสาย dolphin ที่เติมเงินซื้อเป็นครั้งคราว คล้ายๆ โลมาที่กระโดดขึ้นมาจากน้ำเป็นครั้งคราว หรือผู้เล่นสาย minnow หรือปลาซิวปลาสร้อย ที่พยายามเสียเงินให้น้อยที่สุด

 

บรรณานุกรม

http://oed.com/

American Heritage Dictionary of the English Language

Longman Dictionary of Contemporary English

Merriam-Webster Dictionary

Oxford Advanced Learners’ Dictionary

Shorter Oxford English Dictionary

Tags: , ,