นับเป็นเทศกาลหนังสือปลายปีที่หลายคนรอคอย สำหรับ ‘Winter Book Fest’  (เทศกาลหนังสือฤดูหนาว) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 10 – 20 ธันวาคมนี้ ที่มิตรทาวน์ฮอลล์ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ด้วยวัตถุประสงค์ของงานที่อยากจะสร้างพื้นที่ให้นักอ่าน นักเขียน คนทำหนังสือ และสำนักพิมพ์ได้มาพบปะกัน อีกทั้งเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมการให้หนังสือเป็นของขวัญ จากแนวคิด ‘Give Me Book’

แม้จะจัดขึ้นเป็นปีแรกสำหรับเทศกาลหนังสือนี้ แต่จากทีมงานเดิมที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากงาน ABC Book Fest (เทศกาลหนังสือเริ่มต้น) ที่จัดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จึงไม่น่าแปลกใจที่มีสำนักพิมพ์กว่า 90 แห่งมาร่วมออกบูธ และยังมีการเสวนา การแสดงดนตรี พร้อมนิทรรศการที่น่าสนใจจากต่างประเทศ เสริมบรรยากาศเฉลิมฉลองปลายปีอย่างลงตัว

The Momentum มีโอกาสสนทนากับจรัญ หอมเทียนทองเจ้าของสำนักพิมพ์แสงดาว และอดีตนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ผู้เป็นโต้โผของงานนี้พร้อมทีมผู้จัดงาน Winter Book Fest ถึงการสร้างวัฒนธรรมการมอบหนังสือเป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ ไม่ต่างจากกระเช้าของขวัญที่จำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าที่เราต่างคุ้นเคยมานาน รวมถึงมุมมองน่าสนใจต่อธุรกิจวงการหนังสือและสำนักพิมพ์ในยุคนี้

จรัญ หอมเทียนทอง

กระชับพื้นที่คนอ่านและคนทำหนังสือ

จรัญเล่าถึงแนวคิดของงานนี้ว่า เทศกาลหนังสือฤดูหนาวในเดือนธันวาคม เกิดขึ้นด้วยเจตนาอยากให้คนซื้อหนังสือเป็นของขวัญ เพราะคนไทยหมดเงินไปกับการซื้อกระเช้าเยอะมาก แต่ไม่มีวัฒนธรรมการซื้อหนังสือเป็นของขวัญในวาระพิเศษ ยกเว้นเป็นของที่ระลึกในงานศพ ซึ่งหนังสือมันควรเป็นมากกว่านั้น ขณะที่ในต่างประเทศอย่างเวลาคลอดบุตร เขาก็ให้หนังสือหนึ่งเล่มเป็นของขวัญ

เราเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีวัฒนธรรมหนังสืองานศพ ซึ่งผมก็เคยจัดนิทรรศการหนังสืองานศพมาแล้ว แต่ทำไมไม่เอาหนังสือมาแจกในวาระอื่นๆ บ้าง วัฒนธรรมบ้านเรา คือเวลาไม่สบาย ก็จะให้ฟังบทสวดมนต์หรือธรรมะ แต่ผมบอกเมียเลยว่าถ้าวันหนึ่งหากผมไม่สบาย ขอให้เปิดเพลงแจ๊ซฟังนะ อย่าเปิดบทสวดมนต์ ถ้าผมต้องตาย ก็ขอฟังเพลงที่มันสบายๆ

จรัญบอกว่าเสน่ห์ของเทศกาลหนังสือ Winter Book Fest คือเต็มไปด้วยสำนักพิมพ์ขนาดเล็กที่มาด้วยใจ และเหล่าคนทำหนังสือที่ผลิตหนังสือมาขายเอง แตกต่างจากงานหนังสือประจำปีเต็มรูปแบบที่เคยเห็น นอกจากกิจกรรมต่างๆ ภายในงานดังที่กล่าวไว้ในตอนต้นแล้ว ยังมีการออกแบบกระดาษห่อของขวัญกับโบว์เป็นพิเศษเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะเพื่อตอบโจทย์หนังสือคือของขวัญ

ถ้าเราเปลี่ยนของขวัญเป็นหนังสือ ทำให้หนังสือมีมูลค่าขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง จะได้เลิกซื้อพวกกระเช้าของขวัญที่ขายกันหลายพันบาท ที่พอให้เสร็จ ตระกร้ามูลค่าหลักร้อยก็ต้องทิ้งไปหมด แต่หนังสือเป็นของขวัญที่อยู่ได้นาน ถูกใจคนรับแน่นอน

เราจัดงานนี้เพื่อกระชับพื้นที่ ขยับความเป็นนักอ่านให้มั่นคงขึ้น คนอ่านได้เจอกับคนเขียน คนทำหนังสือ มีกิจกรรมต่างๆ ซึ่งคนจัดงานก็ต้องทำการบ้านมากขึ้น ถ้าจัดงานหนังสือที่ไม่มีสาระ เอาแต่ขายหนังสือ คนอ่านเขาจะไม่ค่อยอยากมาหรอก

หนังสือคือจีดีพีทางปัญญา 

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อช่วงต้นปีถึงกลางปีที่ผ่านมา (และส่อเค้าว่าจะมีการแพร่ระบาดขึ้นอีกระลอก) เป็นปัจจัยสำคัญทำให้สำนักพิมพ์ต่างๆ ปรับตัวมาจำหน่ายหนังสือผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น

ทุกสำนักงานพิมพ์รู้แล้วว่า ไม่ต้องออกงานหนังสือก็ได้ เพราะคนหันมาซื้อหนังสือทางออนไลน์มากขึ้น ลำพังจัดงานที่อิมแพค คนไม่ค่อยไป เพราะเขาขายออนไลน์ได้ แต่การจัดเทศกาลหนังสือของเราที่สามย่านมิตรทาวน์ เราไม่ได้หวังแค่การขาย อย่างที่บอกคือออนไลน์นั้นขายได้อยู่แล้ว แต่เราอยากสร้างบรรยากาศ จัดกิจกรรมให้คนอ่าน สำนักพิมพ์ และคนทำหนังสือมาเจอกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

จรัญแสดงทัศนะถึงวงจรของธุรกิจหนังสือยุคนี้ว่า แม้สำนักพิมพ์จะรอดเพราะออนไลน์ แต่ร้านหนังสือกลับย่ำแย่ลง เพราะโครงสร้างทางธุรกิจนั้นบิดเบี้ยว หลายสำนักพิมพ์ขนาดใหญ่สวมหมวกหลายใบคือเป็นทั้งสำนักพิมพ์ ผู้จัดจำหน่าย และร้านหนังสือ

ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาที่ร้านหนังสือแห่งนั้นต้องขายหนังสือของสำนักพิมพ์ของเขาก่อน สำนักพิมพ์อื่นๆ จะไม่มีโอกาสเสนอหน้าเลย แต่โครงสร้างธุรกิจแบบนี้ที่เมืองนอกเขาไม่มีนะครับ

ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในวงการหนังสือมายาวนาน เขายังยืนยันถึงคำกล่าวที่ว่าหนังสือตายแล้วนั้นไม่เป็นความจริง แม้จะต้องประสบกับการดิสรัปชั่นจากดิจิทัลแพล็ตฟอร์ม หรืออีบุ๊คก็ตาม

คนไม่ได้ซื้อหนังสือน้อยลงนะ ผมบอกได้เลยว่าซื้อหนังสือมากขึ้นด้วยซ้ำ สิ่งที่น่าสนใจคือคนสนใจอ่านหนังสืออายุน้อยลง เป็นเยาวชนมากขึ้น ผมมองว่าหนังสือเป็นสินค้าที่มีอนาคต ทุกอย่างพร้อมแล้ว ขาดอย่างดียว ถ้าภาครัฐสนับสนุนสักหน่อย เหมือนที่ช่วย SMEs แต่ที่ช่วยนั้นก็ทำแบบผิดหมด คือช่วยแบบไม่ได้สร้าง productivity แต่ให้เป็นเงินกู้ SMEs เป็นดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งมันก็ทำให้เขาเป็นหนี้ แล้วเงินพวกนี้ไม่เคยให้วงการหนังสือ แม้หนังสือจะไม่ได้ทำให้จีดีพีในประเทศเปลี่ยน แต่หนังสือถือเป็นจีดีพีทางปัญญาอย่างหนึ่ง อย่างน้อยคนในประเทศก็มีความรู้เพิ่มขึ้น

หนังสือรับใช้ช่วงเวลา

นอกจากวิกฤตโควิด-19 สถานการณ์บ้านเมืองที่คุกรุ่นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ก็ได้สร้างปรากฏการณ์หนึ่งซึ่งสัมพันธ์กับหนังสือ นั่นคือ หนังสือประวัติศาสตร์การเมืองขายดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับนักอ่านรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

เมื่อก่อนเราบอกว่าคนไม่อ่านหนังสือประวัติศาสตร์ไทย แต่ตอนนี้เด็กรุ่นใหม่หันมาอ่านหนังสือประวัติศาสตร์แล้ว แต่รัฐยังกลัวอีก จะไปกลัวทำไม การอ่านประวัติศาสตร์ที่สนุกที่สุดคือการอ่านระยะใกล้ก่อน จะเป็นช่วง 2475 หรือหลังจากนั้นก็ได้ อย่างช่วง  6 ตุลาคม 2519 หรือ 14 ตุลาคม 2516 

แม้รัฐมักบอกว่าประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นไม่จริงบ้าง แต่ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว จริงหรือไม่จริงมันก็ผ่านไปแล้ว ธรรมชาติของมนุษย์ อะไรที่คุณปิด คนก็อยากเปิด คนก็อยากรู้อยากเห็น มนุษย์มีวิญญาณกบฎอยู่ รัฐต้องเข้าใจตรงนี้

หนังสืออีกประเภทที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือนิยายวาย ซึ่งจรัญบอกว่า บางคนมองว่าเป็นหนังสืออันตราย เป็นหนังสือโป๊และยั่วยุทางเพศ แต่เขากลับมองเป็นเรื่องปกติ

ระหว่างอ่านหนังสือโป๊กับดูหนังโป๊ ผมว่าอ่านหนังสือโป๊ดีกว่า ได้จินตนาการ เราต้องอย่าไปบังคับเขา หนังสือพวกนี้เป็นหนังสือรับใช้ช่วงเวลา พอเขาโตขึ้นความสนใจก็อาจเปลี่ยนไป แต่มันเป็นบันไดก้าวแรกของการอ่าน  เหมือนคนเล่นพระเครื่อง ก็ต้องอ่านหนังสือพระ มันเป็นเรื่องธรรมดา เราต้องให้เขาเป็นคนรักการอ่านก่อน ให้เขาเจอหนังสือที่ชอบก่อน แล้วจะเจอหนังสือที่ใช่เอง

Fact Box

  • Winter Book Fest (เทศกาลหนังสือฤดูหนาว) มีขึ้นวันที่ 10 - 20 ธันวาคม 2563 ที่มิตรทาวน์ฮอลล์ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์  ด้วยแนวคิด ‘Give Me Book’ การมอบหนังสือเป็นของขวัญ โดยมีสำนักงานพิมพ์กว่า 90 สำนักพิมพ์มาออกบูธ และภายในงานยังมีงานเสวนา ดนตรี และนิทรรศการ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/winterbookfest
Tags: , , ,