“How To Turn A Stranger Into A Friend”
เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อน
หรือเผลอๆ จะมากกว่านั้น
On today’s episode we’re talking to strangers
We travel all the time
And it’s not unusual to make friends with people from other countries
ได้เพื่อนด้วย ได้ฝึกภาษาด้วย ก็ดีงามอยู่นะ
They said,
“There are no strangers,
just friends you haven’t met yet”
The situation today, let’s say you travel alone to Chiang Mai
and end up spending a night in a local hostel.
Then and there you see a young, good-looking,
friendly-looking fellow traveler.
He or she are hanging out by him/herself in the common room.
สถานการณ์คือ สมมติไปเที่ยวเชียงใหม่
เข้าพักที่โฮสเทล อ๊ะ เจอชาวต่างชาติ น่ารัก น่าผูกสัมพันธ์
เราจะเข้าไปเปิดประเด็นชวนคุยยังไงดี
01:41
How do we turn a stranger into a friend?
What would be a cool way to start a conversation?
เราจะเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายมาเป็นเพื่อนได้อย่างไร
และเราจะมีวิธีเริ่มชวนคุยอย่างไรให้ดูดีได้บ้าง
BEAU:
Observe and look for some common interests
สังเกต แล้วดูว่ามีอะไรที่เราน่าจะชอบเหมือนกันบ้าง
ลองดูว่าเขาแต่งตัวยังไง หรือกำลังอ่านหนังสืออะไร
กำลังนั่งดูซีรีส์อะไร เช่น อ๊ะ ดูอะไรอยู่น่ะ
อ๋อ เราก็ดูเรืองนี้เหมือนกันเลย
แล้วเคยดูเรื่องนั้นหรือยัง ก็แนะนำเขาไป
Give them recommendations
หรือ สมมติ เขาสวมเสื้อยืดวงดนตรีอะไรสักวง
ก็สามารถจะ อรั๊ย ชอบวงนี้เหมือนกันเลย อะไรก็ว่าไป
Look for something you have in common
Start conversation from their interest you can see
YouTube clips or Netflix series they’re watching
Websites they’re browsing
Their clothing items or accessories
Books they’re reading
แต่เรื่องหนังสือต้องนะวังนะคะ
เพราะบางทีถ้าคนกำลังอ่านหนังสือ
นั่นคือเขาไม่อยากถูกรบกวน
If they’re reading that means they don’t wanna be bothered
ก็รอให้เขาวางหนังสือลง
แล้วนอนอาบแดดเฉยๆ ก่อนค่อยชวนคุย
แบบ เรื่องนี้ดีไหมคะ เห็นคนพูดถึงกันเยอะเลย
What’s the book you were reading about?
I’ve heard of it. Is it any good?
FIAT:
ใช่ คือต้องช่างสังเกตก่อน
เห็นอะไรบางอย่างน่าสนใจแล้วค่อยชวนคุย
02:59
บางทีเราว่า คนเราจะชอบอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง
ดังนั้น การกล่าวชมนี่แหละ อาจเป็นการเริ่มต้นที่ดี
Flattering or giving compliments
แบบว่า เสื้อสวยจัง ซื้อที่ไหนอะ
ผิวแทนดีจัง ขอจับได้ปะ
(พี่บิ๊ก: เดี๋ยวๆๆๆ)
แต่ระวังนิดนึง คนเราไม่โง่นะ
เขาฟังก็รู้ว่าเราชมอย่างจริงใจไหม หรืออีนี่จอมปลอมหรือเปล่า
People could actually detect, though, if it’s genuine or false.
อีกอย่างคือ สร้างความรู้สึกร่วม
หรือสร้างความรู้สึกของการเป็น ‘พวกเดียวกัน’
แบ่งปันความลับอะไรบางอย่างให้กัน ไรงี้
เช่น มันอยากสูบบุหรี่ แต่ในโรงแรมห้ามสูบ
เราก็เอาละ “เรารู้ว่าตรงไหนแอบสูบได้ มามะ จะพาไป”
(พี่บิ๊ก: เจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง!
เฟี้ยต: แหม ก็นิดนึง)
หรือสมมติ เราเป็นเจ้าบ้าน เราเป็นคนที่นี่
แล้วเราสามารถเล่าเรื่องประมาณว่า เฉพาะเจ้าถิ่นถึงจะรู้
เช่น รู้ปะแถวนี้มีบ้านผีสิงด้วยนะ
อยากไปผจญภัยไหม จะพาไป
ต้องหลังเที่ยงคืนนะ อาจต้องมีการปีนรั้วนิดหน่อย
แถมเสี่ยงต่อการโดนตำรวจจับอีกนิดนึง
อะไรแบบนี้ก็สามารถทำให้สนิทกันขึ้นมาได้
(โบ: เออ แผนนี้ดี
พี่บิ๊ก: เป็นกลยุทธ์ที่ไม่เลวนะ)
People could actually detect, though,
if it’s genuine or false.
04:57
BICK:
มีคำกล่าวที่ไม่รู้ว่าใครกล่าวเอาไว้
“You’re interesting when you’re interested”
ซึ่งจริงมาก คือ ถ้าเราใส่ใจในสิ่งที่เขาสนใจ
เราก็จะกลายเป็นคนที่น่าสนใจสำหรับเขาได้เหมือนกัน
Also, let them talk. You ask questions, then listen.
จงปล่อยให้เขาพูด
เพราะการทำความรู้จักคบหากับใครสักคน
ไม่ได้หมายถึงการให้เขาได้ข้อมูลเกี่ยวกับเราให้มากที่สุด
แบบ เอาล่ะ ต่อไปนี้คือ 100 สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวฉัน
ว่าแล้วก็พูด พูด พูดเรื่องตัวเอง ไม่หยุดปาก แบบนี้ไม่โอเคนะ
คนเราส่วนใหญ่อยากเป็นฝ่ายพูดมากกว่าฟัง
ถามคำถาม แล้วฟังสิ่งที่เขาพูด ง่ายๆ เท่านี้เอง
ทีนี้มาดูกันต่อไปว่า แล้วจะพูดอะไรดี จะพูดว่ายังไงดี
“What do you say to turn a stranger into a friend”
“What would be a cool way to start a conversation,
And get to know your fellow traveller?”
“You’re interesting when you’re interested”
08:54
I’ll start with the classic
เช่นเคย ขอเริ่มจากคลาสสิกที่สุดก่อน
“Where are you from?”
“เธอมาจากไหนเหรอ”
น่าจะฮิตสุด ง่ายสุด เป็นธรรมชาติสุดที่จะถาม
ใครๆ ก็ต้องถามกันเพราะ ก็เห็นๆ ว่าไม่ได้เป็นคนแถวนี้
ก็เลยอยากรู้ว่ามาจากไหน เผื่อใช้เป็นเรื่องชวนคุยต่อได้
เช่น อ๊ะ เคยไปมาแล้ว เราชอบ อะไรงี้
That could be a good conversation starter
09:27
BEAU:
“Is it your first time in Thailand?”
“How do you like it so far?”
“มาเมืองไทยเป็นครั้งแรกหรือเปล่า ชอบไหม”
09:43
FIAT:
หรือลองถามสถานการณ์ของเขา เช่น
“Have the locals been nice to you?”
เท่าที่เจอ คนที่นี่เป็นไงบ้าง
“How are you blending in”
เข้ากับคนแถวนี้ได้ดีไหม
09:58
BICK:
เป็นพี่จะอยากรู้เรื่องความเป็นนักเดินทางของเขานะ เช่น
“Do you travel a lot?”
เดินทางบ่อยไหม หรือ
“Where else have you been to?”
เคยไปที่ไหนมาแล้วบ้าง
นักเดินทางน่าจะชอบเล่านะว่าเขาไปไหนมาแล้วบ้าง
เขาอาจมีเรื่องอะไรเด็ดๆ สนุกๆ มาเล่า ไรงี้
10:24
BEAU:
ถามแบบนี้ก็ดีนะคะ
“What do you do when you travel?”
“What do you like to do?”
ชอบทำอะไรบ้างเวลาเดินทาง
“What kind of a traveler are you?”
คุณเป็นนักเดินทางประเภทไหน
เพราะมันมีนักเดินทางหลายประเภท
เขาอาจจะชอบ Hiking คือ เดินเขา
หรืออาจจะชอบ Zip-lining คือ โหนสลิง อะไรแบบนี้
หรือเป็นพวกชิลล์ อาบแดดริมทะเลทั้งวัน
(พี่บิ๊ก: นั่นเลย พี่เป็นแบบนั้นเลย ขี้เกียจตัวเป็นขน)
โบด้วย ไม่ขอผจญภัยใดๆ นอนสบายอย่างเดียว
(พี่บิ๊ก: แต่โบน่าจะเป็นขาช้อปด้วยหรือเปล่า)
อะถูก
(เฟี้ยต: ชอบช้อปแนวไหนบ้าง)
ทุกอย่างค่ะ ของที่ระลึกโง่ๆ ยันสินค้าแฟชั่น
แล้วก็อาหารเนี่ย ขอให้บอก
I’m such a foodie เป็นผู้หลงใหลในการกินของอร่อย
โบเชื่อว่า ถ้ายังไม่ได้กินของอร่อยของที่นั่น เรียกว่ายังไม่ถึงนะ
BICK:
เห็นมะ ชวนคุยเรื่องนี้มันได้ผลจริงๆ นะ
เรื่อง “ทำอะไรบ้างระหว่างเดินทาง” เนี่ย
ยิ่งคุยยิ่งยาว ต่อยอดไปได้เรื่อยๆ
FIAT:
คุยเรื่องอาหารนี่สุดยอดแล้ว
เพราะไม่ว่าใครที่ไหนก็ต้องกิน
11:18
เฟี้ยตเคยเดินทางคนเดียวบ่อยๆ สมัยยังเด็กๆ
หนนึงคือขึ้นไปถึงยอดแกรนด์แคนยอน แล้วแบบ
โอ๊ว สุดยอด This is so good! แต่พอหันกลับมาคือ
เราไม่มีใครร่วมฟินกับภาพตรงหน้าเลยอะ
There’s no one to share it with
ไม่เหมือนคนอื่นที่มากับแฟน กับเพื่อน กับครอบครัว
เขาถ่ายรูปกันชื่นมื่น เราก็เซลฟี่ไปสิ คนเดียวเหงาๆ
แล้วตอนนั้นไม่มีด้วยนะ สมาร์ตโฟนกล้องหน้าเนี่ย
ได้แต่กดมั่วๆ ถ่ายตัวเองหน้าแหว่งประจำ
(โบ: ไม้เซลฟี่ก็ยังไม่มีด้วยเหอะ สมัยนั้น)
จริง!
ตั้งแต่นั้นมาก็บอกตัวเองว่า เลิกเที่ยวคนเดียวได้แล้วล่ะ
อย่างเวลาจะเข้าห้องน้ำ ก็ต้องลากข้าวของทั้งปวงเข้าไปด้วย
เพราะไม่มีคนเฝ้าของให้ อะไรงี้
12:32
อีกคำถาม ที่เราว่าน่าถามคือ
“What do you miss the most when you’re away from home?”
เรารู้ว่าคนเดินทางคนเดียวมันเหงากันได้
ก็ถามดูเผื่อจะเป็นโอกาสให้เขาเล่าเรื่องเพื่อน เรื่องครอบครัว ไรงี้
เผื่อเราจะได้มีอะไรเหมือนกันมาแชร์กัน
เป็นการเข้าถึงด้านอารมณ์อ่อนไหวของคนคนหนึ่ง
ทำให้รู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้นได้
This will go into the emotional side of a person.
13:01
BICK:
“Any plans for your next trip yet?”
นักเดินทาง โดยเฉพาะที่เดินทางมาแล้วเยอะๆ
It’s only natural that they’re planning the next trip already
เป็นเรื่องปกติมากที่เขาจะมีแผนสำหรับทริปต่อๆ ไปแล้วเรียบร้อย
และเราว่าเขาต้องอยากเล่า
13:20
FIAT:
อันนี้ดีนะ นักเดินทางแชร์แผนกันบ่อยๆ
บางทีเขารู้อะไรที่เราไม่รู้
เราก็อาจจะ อ๊ะ พรุ่งนี้นายจะไปน้ำตกเหรอ
แถวนี้มีน้ำตกด้วยเหรอนี่
ชื่ออะไร ไกลไหม นั่งรถไปกี่นาที
เล่าสู่กันฟัง แบ่งปันข้อมูลกัน
(พี่บิ๊ก: หรือดีไม่ดี ชวนกันไปเลยยังได้
โบ: ถ้าเล็งแล้วว่าหน้าตาไม่น่าเป็นอันตรายนะ
เฟี้ยต: เออจริง เดี๋ยวโดนฆ่าหมกป่า)
13:55
BEAU:
“How long are you staying?”
“What’s the plan for the rest of the trip?”
เผื่อความสนใจตรงกัน อาจร่วมทางกันได้
ย้ำอีกครั้ง ถ้าพิจารณาแล้วว่าปลอดภัย ไว้ใจได้
If you talk to them and you feel like they’re trustworthy,
Then yes, maybe you can make traveling plans together within that trip.
14:32
BICK:
เอาจริงๆ ทั้งหมดไม่มีคำถามพิสดารนะพี่ว่า
แค่คำถามธรรมดาแหละ แต่ตั้งใจถามและตั้งใจฟังเขาตอบ
แล้ว connect กันเยี่ยงมนุษย์ธรรมดา พี่ว่าธรรมชาติสุด
คือเอาจริงๆ บางทีคนเราชอบทำเก๋เกิน โดยการถามคำถามจิตวิทยา แบบ
ถ้าบ้านไฟไหม้ แล้วช่วยคนได้คนเดียว จะช่วยเมียหรือช่วยแม่
แบบ โอ๊ยยยย มึงจะรีบวิเคราะห์กูไปไหน
เพิ่งเจอกันเนี่ย small talk คุยสัพเพเหระไปก่อนก็ได้นะ
รอสนิทกันก่อนค่อยถามเหอะ
พี่เคยเจอ เพื่อนไทยแนะนำให้รู้จักเพื่อนฝรั่ง
พอเห็นเราพอพูดภาษาได้ก็ถามว่า เคยไปอยู่เหรอ
ก็ตอบว่า อื้อ เคยอยู่ซีแอตเติ้ล มันถามเลยครับ
“How do you feel about Kurt Cobain’s suicide?”
ไม่ได้มุกด้วยนะ อยากรู้จริงๆ He’s dead serious!
เฮ้ย หลอน
อะต่อไป เช่นเคยครับ ตบท้ายกันด้วยการเรคคอมเมนด์สิ่งเก๋ๆ
อันนี้เก๋จริง และเป็นประโยชน์
พี่บิ๊กมีหนังสือเดินทาง
โบมีแอพสำหรับการเดินทาง
และเฟี้ยตมีเว็บสำหรับนักเดินทาง
คือเอาจริงๆ บางทีคนเราชอบทำเก๋เกิน โดยการถามคำถามจิตวิทยา
แบบถ้าบ้านไฟไหม้ แล้วช่วยคนได้คนเดียว จะช่วยเมียหรือช่วยแม่
แบบ โอ๊ยยยย มึงจะรีบวิเคราะห์กูไปไหน
16:46
BICK:
Okay, I’ve got a perfect recommendation.
เพราะเหมาะกับเรื่องที่คุยกันวันนี้มาก
เป็นหนังสือขายดีตลอดกาลเล่มหนึ่งของอะบุ๊กเอง (แหะๆ)
It’s one of the all-time best-seller from our very own a book Publishing
This book is titled, สองเงาในเกาหลี
Literally translated as, Two Shadows in Korea
หนังสือเล่มนี้เป็นของคุณก้อง ทรงกลด บางยี่ขัน
บรรณาธิการบริหารนิตยสารอะเดย์ และนักเขียนเจ้าของผลงานขายดีมากมาย
เป็นเรื่องจริงของหนุ่มไทยที่ไปเจอสาวไทยในการเดินทางไปเกาหลี
คือต่างฝ่ายต่างมา แล้วมาถูกคอ
ก็เลยตัดสินใจเดินทางไปด้วยกัน
หนังสือเล่มนี้เป็นแรงบันดาลใจให้หนัง กวน มึน โฮ ด้วยนะ
คือถึงเนื้อเรื่องจะไม่เหมือนกัน แต่พล็อตคือเอามาจากเล่มนี้แหละ
17:44
BEAU:
ของโบวันนี้จะมาแนะนำแอพที่จะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นเยอะมาก
I cannot live without these two,
Google Maps and Google Translate
Load these before you travel and it’ll be so helpful.
มีประโยชน์สุดๆ ไม่ต้องพกแผนที่แผ่นใหญ่ๆ และดิกฯ เล่มหนาๆ อีกต่อไป
I was in China where people didn’t really speak English.
All I had to do was just typed into the google translate app
and I was able to communicate.
คือพยายามสื่อสารกับแม่ค้าด้วยภาษามืออยู่นานมาก
กว่าจะนึกขึ้นได้ว่า เดี๋ยวนะ เรามีกูเกิ้ลทรานสเลตนี่นา!
ก็ควักออกมาพิมพ์ๆๆ แล้วยื่นให้แม่ค้าดู
ตอนแรกผิดภาษาอีก เพราะภาษาจีนมันมีหลายจีน
Is it Cantonese? Is it Mandarin?
ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนคุยกันรู้เรื่องค่ะ
หรือเวลาหลงทาง ก็เปิดแผนที่หาทางกลับโรงแรม
ไม่ก็ใช้กูเกิ้ลทรานสเลตได้อีกตอนถามทาง หรือใช้คุยกับแท็กซี่
FIAT:
หรือง่ายกว่านั้นบางทีกูเกิ้ลรูปเอาก็ได้นะครับ
นี่เฟี้ยตเพิ่งกลับมาจากปักกิ่ง
ใช้เวลาสี่วันกว่าจะท่องคำว่า ‘ห้องน้ำ’ ได้อะ
(พี่บิ๊ก: แล้วต่อจากนี้เฟี้ยตก็ไม่มีวันลืมแน่นอนสองคำนี้)
ถูก เพราะมันเป็นคำสำคัญต่อชีวิตมาก
BICK:
และสิ่งที่ดีงามที่สุดสำหรับของไฮเทคพวกนี้คือ
มันจะพัฒนาตลอดเวลา เราจะได้อัพเดตอัตโนมัติตลอดเวลา
และมันจะมีแต่ดีขึ้น เก่งขึ้นเรื่อยๆ
20:17
FIAT:
เราเชื่อว่า คนเหมือนกันจะมารวมตัวกัน
There’s a saying,
“Birds of a feather flock together”
เป็นคนแบบไหน ก็จะไหลไปเจอกัน
If you find out what you have in common
your relationship will hit if off like a superjet,
even without say anything.
เมื่อพบว่ามีอะไรเหมือนกันตรงไหน ก็เป็นเพื่อนกันได้ง่ายขึ้น
จึงอยากแนะนำการเดินทางแบบไลฟ์สไตล์
คือถ้าเราแค่เดินทางไปงั้น มันก็จะไปตามแหล่งท่องเที่ยวใช่มะ
แต่ถ้าเราหาโจทย์ให้ตัวเอง จากความเป็นตัวเราเอง
เช่น อย่างเฟี้ยตจะอินเรื่องออร์แกนิก
ก็เอาตรงนี้ไปออกแบบการเดินทางได้
For me I have one organization to recommend.
Since I personally am into organic agriculture
I would like to recommend wwoof.net
where people can travel and work at organic farms.
WWOOF คือ World Wide Opportunities on Organic Farms
เป็นองค์กรที่ติดต่อพวกไร่ออร์แกนิก
ร้านอาหาร คาเฟ่ออร์แกนิก รอบโลก
เราสามารถเดินทางไปอยู่กับเขา
ที่อยู่ฟรี อาหารฟรี
บางทีเจ้าของบ้านพูดอังกฤษไม่ได้ด้วยซ้ำ
Sometimes the hosts can’t even speak English
but you will become friends so well.
คือเราก็เข้ากันได้เพราะเรามีไลฟ์สไตล์ที่เหมือนกัน
ชอบอะไรเหมือนๆ กัน
(โบ: มีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนี่นา
พี่บิ๊ก: แหม กำลังจะบอกเลยฮะ เป็นหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์วูฟนี่แหละ
อยู่ญี่ปุ่นอย่างหมาป่า หนังสือของอะบุ๊กอีกแล้ว นี่ไม่ได้นัดกันนะ)
อยากลองไปแบบนี้มั่งอะ
BICK:
เป็นประสบการณ์ที่แจ๋วเลย แต่ต้องทำงานให้เขาด้วยนะ
ทำงานแลกอาหารและที่อยู่ฟรี
แถมงานหนักด้วยเหอะ
เพราะส่วนใหญ่คือใช้แรงงานในเรือกสวนไร่นา
(เฟี้ยต: เฮ่ย เลือกได้ๆ หางานในร้านอาหารหรือคาเฟ่เอาก็ได้
พี่บิ๊ก: เออจริง)
FIAT:
ญี่ปุ่นนี่น่าจะเป็นหนึ่งในจุดหมายในฝันของเหล่าวูฟเฟอร์
แต่ที่อื่นก็มีนะ ประเทศตะวันออกกลางก็มี
แอฟริกาใต้ก็มี
ได้ยินว่าเมืองไทยก็มีนะ
What I like best about travelling is, it’s an eye opener.
We become more mature by accepting other points of views.
We know more about ourselves by talking to others
whether likeminded or not.
The key point of turning strangers into friends
is understand and learning,
so keep your heart open,
give people a fair chance of being themselves,
live and let live,
be careful of biases which may not be true.
ประเด็นสำคัญในการเปลี่ยนคนแปลกหน้าเป็นเพื่อนเนี่ย
เราว่าอยู่ที่การพยายามทำความเข้าใจเขานะ
ถ้าเราพร้อมเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เปิดใจให้กว้างไว้
เราก็จะได้เพื่อนแหละ
BICK:
วันนี้สนุกดีนะ เพราะเราชอบเรื่องเดินทางกันอยู่แล้ว
ทั้งสนุก และสอนอะไรเราบางอย่างเสมอ
ส่วนตัว ทุกครั้งที่กลับจากเดินทางจะรู้สึกฉลาดขึ้นนิดนึง
เติบโตขึ้นนิดนึง ได้อะไรประเทืองปัญญา
ได้เปิดหูเปิดตาเรื่องวัฒนธรรมอื่นๆ
FIAT:
มันยังเป็นโลกใบเดิม แต่มุมมองของเราจะเปลี่ยนไป
การเดินทางสอนเราหลายอย่าง
เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลก
เกี่ยวกับความคิดของผู้คน
และได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเราเองด้วย
BICK:
We can see for our own eyes how people are different
And yet they’re the same
มันเป็นโอกาสให้เราเห็นกับตาว่าคนเราแตกต่างกัน
แต่กระนั้นก็มีอะไรหลายอย่างเหมือนกันอยู่ดี
คือ คนก็คือคนอะ
แต่ยิ่งเราเห็นความแตกต่างของคนมากเท่าไหร่
เราก็จะยิ่งทำความเข้าใจเขาได้มากขึ้นนะ
BEAU:
และเราจะได้ปฏิบัติตัวต่อเขาได้ดีขึ้นในฐานะเพื่อนมนุษย์
เมื่อเราเข้าใจวัฒนธรรมเขา วิถีชีวิตของเขา
เราจะได้ไม่ไปเผลอตัดสินเขาด้วยมาตรฐานของเรา
BICK:
แต่ถ้าไม่มีเวลาเดินทางด้วยตนเอง
ก็สามารถอ่านหนังสือเดินทางของสำนักพิมพ์อะบุ๊กได้นะครับ
มีเพียบเลย
If you find out what you have in common
your relationship will hit if off like a superjet,
even without say anything.
23:44
FIAT:
ตอนนี้พี่บิ๊กแพลนการเดินทางครั้งต่อไปหรือยังครับ
BICK:
ทริปหน้าของผมเป็นการเดินทางไปทำงานแหละ
แต่ก็น่าสนุกอยู่ดีนะ เพราะเป็นการเดินทางไปทำไกด์บุ๊กครับ
FIAT:
เปิดเผยได้ไหมครับว่าที่ไหน
BICK:
เกียวโต และ ฟุกุโอะกะ ครับ
FIAT:
นี่เสพติดญี่ปุ่นปะเนี่ย ไปบ่อยเว่อ
BICK:
อือ สงสัย
กลับไปด้วยเหตุผลที่ใครๆ ก็คงเห็นด้วยล่ะครับ
ญี่ปุ่นมันมีอะไรให้ค้นหาไม่จบสิ้น
กลับไปกี่ครั้งก็ยังสนุกอยู่
แล้วโบมีแผนหรือยังครับ
BEAU:
มีค่ะ แต่ยังไม่เร็วๆ นี้
ปีหน้าโบจะไปงานแต่งงานเพื่อนสนิทที่อเมริกา
ตื่นเต้นมาก เพื่อนเพิ่งหมั้น
แล้วนางจะแต่งตอนหน้าร้อนปีหน้า ประมาณมิถุนา กรกฎา
FIAT:
นึกว่าจะบอกว่าจะไปฮันนีมูนซะอีก
ได้ข่าวว่าป่านนี้ยังไม่ได้ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ใดๆ
BEAU:
(ทำเสียงงอแง) ใช่ค่ะ! ป่านนี้ยังไม่ได้ไปเลย
(พี่บิ๊ก: โอ๋ๆๆ)
FIAT:
ก็รวบเป็นทริปฮันนีมูนไปเลยสิ พกสามีไปด้วย
BEAU:
(ทำเสียงเจ้าเล่ห์) ไม่สิ ต้องแยกออกไปอีกทริปนึงสิ
He owes me another separate trip!
ขอบอกนักเดินทางทั้งหลายที่กำลังจะแต่งงาน
รีบจองทริปฮันนีมูนไว้เลย
ไม่งั้นขืนรอหลังแต่งงานจะไม่ได้ไปกันพอ
Life will happen!
เพราะชีวิตก็จะยุ่งกับโน่นนั่นนี่
ก็จะเลื่อนไปเรื่อย ไม่ได้ไปซะที
ดังนั้น แต่งปุ๊บ ฮันนีมูนปั๊บค่ะ เชื่อโบ
FIAT:
สถานที่ฮันนีมูนในฝันคือ
BEAU:
โบอยากไปมัลดีฟส์นะ แต่พอมาคิดดูอีกที
ขืนไปมัลดีฟส์ กลับมาดำแน่นอน
คือละครมันจะไม่คอนทินิวค่ะ
ก็ต้องให้แน่ใจว่าช่วงนั้นจะต้องไม่มีละคร
BICK:
เอางี้ บอกคนเขียนบทให้เปลี่ยนพล็อตดิ
แต่งเรื่องให้มีเหตุให้ตัวเป็นสีแทน
ให้วิ่งหนีออกมาจากบ้านที่ไฟไหม้ก็ได้
(โบ: วิ่งตัวเกรียมออกมางี้เหรอ!)
FIAT:
ทริปหน้าของเฟี้ยตคือสัปดาห์หน้านี่แล้ว
(พี่บิ๊ก, โบ: เร็วไป! เพิ่งกลับมาไม่ใช่เรอะ!)
ถูก เพิ่งกลับมาจากปักกิ่ง
มีกลุ่มเพื่อนต่างประเทศที่นัดเที่ยวกันทุกปี ปีละครั้ง
แต่พอดีมีสองกลุ่ม ก็เลยต้องไปสองทริปไง
ปีที่แล้วกับกลุ่มนี้ไปนิวซีแลนด์ ปีนี้ฮาวาย
ยังไม่เคยไปเลย
BEAU:
อยากไปฮาวายอะ เพื่อนสนิทโบคนนึงอยู่ฮาวาย
พี่เฟี้ยตต้องชอบแน่ๆ
FIAT:
ตื่นเต้น ประเด็นคือ ปกติเฟี้ยตจะเป็นคนแพลนทริป ประจำ
แต่ปีนี้ยุ่งมาก และต้องให้คนอื่นแพลน แล้วทีนี้
มันจะเป็นการเดินทางที่เราไม่รู้อะไรล่วงหน้าเลยอะ
นี่เงินยังไม่ได้แลกเลยเนี่ย
BICK:
เฮ้ยดีออก เปลี่ยนบรรยากาศมั่ง
ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยดูมั่ง
เดินตามเขาอย่างเดียวเลยก็สนุกไปอีกแบบนะ
BEAU:
ใช่ๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์เพลินๆ
ไม่ตัองจัดการอะไร
แต่แหม ชีพจรลงเท้านะค้า
FIAT:
ทริปสุดท้ายแล้ว ของปีนี้