ดูเหมือนว่าความอดทนอดกลั้นของชาวเวนิซต่อนักท่องเที่ยวที่มีประมาณ 30 ล้านคนในแต่ละปีจะลดลงเรื่อยๆ เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม แบ็กแพ็กเกอร์ชาวเยอรมัน 2 คนถูกตำรวจเวนิซจับ ปรับเป็นเงิน 950 ยูโร และถูกให้ออกจากเมือง เพราะทั้งคู่ชงกาแฟดื่มใกล้กับสะพานเก่าแก่
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2019 เวนิซเริ่มใช้กฎหมายว่าด้วยการกระทำที่ขัดต่อระเบียบสาธารณะ โดยมีระเบียบเกี่ยวกับมารยาท ความสะอาด และความปลอดภัยในทะเลสาบของเมือง กฎหมายนี้ห้ามปิกนิกในบางพื้นที่ ห้ามอาบน้ำในบ่อน้ำพุ รวมทั้งห้ามการไม่สวมเสื้อในที่สาธารณะ
มีพลเมืองดีแจ้งตำรวจว่า เห็นนักท่องเที่ยวชาย-หญิงชาวเยอรมัน 2 คนอายุ 32 ปีและ 35 ปีที่ชงกาแฟด้วยเตาปิกนิกใกล้สะพานรีอัลโต หนึ่งในสี่สะสานที่เก่าแก่ที่สุดของแกรนด์คาแนล ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ด้วยงบประมาณหลายล้านเหรียญสหรัฐ ตำรวจจึงดำเนินการต่อคนทั้งคู่
นายกเทศมนตรีเมืองเวนิซ ลุยจิ บรูจินาโรกล่าวว่า “เวนิซต้องได้รับการเคารพ และบรรดาคนที่ไร้มารยาทที่มาที่นี่ต้องเข้าใจ พวกเขาจะต้องถูกนำตัวออกไป ตำรวจสามารถยุติการกระทำ ปรับ และส่งตัวพวกเขาออกไปได้ จากนี้ไป เราจะแจ้งไปยังสถานทูตและกงสุลของนักท่องเที่ยวคู่นี้ด้วย”
เมืองเวนิซเพิ่งจะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมรายวัน และเพิ่มเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น 15 คนทำหน้าที่ตรวจตราเมือง รวมทั้งป้องกันพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมด้วย เช่น กระโดดลงไปในคลอง และอื่นๆ เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้เป็นเหมือนกับผู้ช่วยตำรวจ และมีอำนาจในการปรับผู้ที่ละเมิดกฎหมายท้องถิ่น
ที่มา:
ภาพ: https://twitter.com/comunevenezia
Tags: Venice, กาแฟ, นักท่องเที่ยว, เวนิซ, ปิกนิก