ปมนาฬิกาหรูยังคุกรุ่น ควันหลงจากล้อการเมืองของทั้งฝั่งจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ยังไม่ทันจาง อุณหภูมิทางการเมืองว่าด้วยการเลื่อนเลือกตั้งยังร้อน แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีเรื่องใดที่มาแรงไปกว่าการพบซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา และเก้ง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ที่ทั้งหมดกลายสภาพเป็นศพที่ถูกชำแหละแล้วหมาดๆ

เรื่องที่ชาวไทยช็อคและยังพยายามกัดไม่ปล่อย เพราะงานนี้หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเข้าไปเจอและจับกุม ‘เปรมชัย กรรณสูต’ ซีอีโอ บมจ.อิตาเลียนไทย ที่เข้าป่าไป ‘พักผ่อน’ พร้อมพรานล่าสัตว์และอาวุธติดมือ ตอนต่อไปของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร คงต้องดูกันยาวๆ

1. ‘เปรมชัย กรรณสูต’ พรานไฮโซ พักผ่อนกลางป่า คาหนังคาเขา

หลังจากที่เปรมชัย กรรณสูต ซีอีโอ บมจ.อิตาเลียนไทย ถูกจับพร้อมพวกรวม 4 คน กรณีลักลอบเข้าไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าสงวนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 61 ที่ผ่านมา

โดยในการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนจำนวนสามกระบอก ได้แก่ ปืนไรเฟิล ปืนยาวลูกซองแฝดเบอร์ 20 และปืนยาวขนาด .22 พร้อมกับซากสัตว์ป่าคุ้มครองคือไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง และเสือดำ

ต่อมาวันที่ 6 ก.พ. 61 วิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมนำหลักฐานบันทึกการจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวกรวม 4 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหา 9 ข้อหา แต่ทนายความยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้อนุญาตให้ประกันตัวด้วยวงเงินคนละ 150,000 บาท

ขณะที่เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 61 พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าตรวจค้นที่บ้านของเปรมชัยในซอยศูนย์วิจัย 3 ก็เจอปืนอีก 43 กระบอก กระสุนนับพันนัด และงาช้างจำนวนสองคู่ โดยไม่พบเจ้าตัวแต่อย่างใด

ส่วนวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก และหัวหน้าทีมจับกุมนายเปรมชัยในครั้งนี้ก็ออกมาบอกว่า นายเปรมชัย พยายามเจรจาต่อรอง แต่เขาไม่สนใจและไม่อยากได้เงินแม้แต่บาทเดียว ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นฮีโร่ที่ถูกพูดถึงในสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง พร้อมกระแสกังวลว่า เจ้าหน้าที่ผู้น้อยจะเจอภัยอันตรายอะไรหรือไม่หลังทำคดีใหญ่ครั้งนี้

ซึ่งอีกประเด็นที่กลายเป็นเรื่องเป็นราว คือการที่นายเปรมชัยและพวกได้เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร โดยไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท ทำให้พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พูดทำนองว่าอยากให้ทางกรมอุทยานแห่งชาติสอบสวนวิเชียร ชินวงษ์ จากกรณีดังกล่าว และยังกระทบมาถึงนางสาวกาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรณีเป็นคนประสานงานและแนะนำนายเปรมชัยและพวกเข้าพักค้างคืนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทำให้เจ้าตัวถึงกับท้อใจและไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้

ล่าสุดยังไม่มีใครทราบว่านายเปรมชัยอยู่ที่ไหน เพราะหลังจากวันที่ 6 ก.พ. 61 ที่ศาลให้ประกันตัว นายเปรมชัยก็ได้หายตัวไป โดยมีข่าวลือว่า เขาหลบหนีไปที่ประเทศเพื่อนบ้านตามช่องทางธรรมชาติ

2. พกหน้ากากไว้ก็ดี เพราะ PM 2.5 ยังอยู่รอบกาย

หลังจากที่เกิดสถานการณ์ ฝุ่นละออง PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานในวันที่ 24 มกราคม คนกรุงเทพฯ ก็เริ่มระแวดระวังสังเกตบรรยากาศรอบข้าง ว่าที่แท้แล้ว ความขาวเหล่านั้นคือหมอกหรือฝุ่นละอองขนาดเล็กที่อันตรายต่อสุขภาพกันแน่

จากเหตุการณ์นี้ ทำให้เราได้รู้ว่า ที่ผ่านมา ดัชนีวัดคุณภาพอากาศ หรือ AQI ของประเทศไทย ไม่ได้มีการนำปริมาณ PM 2.5 ในอากาศไปรวมคำนวณด้วย ทำให้ไม่สามารถรู้ข้อมูลที่แท้จริงของอากาศที่เราหายใจเข้าไป ทางกรีนพีซจึงมีแคมเปญเรียกร้องให้กรมควบคุมมลพิษนำค่านี้ไปรวมคำนวณด้วย เพื่อให้ประชาชนได้ทราบคุณภาพอากาศ จะได้หลีกเลี่ยงการออกไปนอกบ้าน ถนอมทางเดินหายใจตัวเองเอาไว้ หรืออย่างน้อยก็จะได้เตรียมใส่หน้ากากแบบ N95 ซึ่งกรองฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอนได้ (แต่ก็มาพร้อมกับการหายใจที่ลำบากขึ้น โดยเฉพาะกับคนที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ)

หลังจากเราเบาใจว่าวิกฤตมลพิษทางอากาศเคลื่อนผ่านไปแล้ว ปรากฏว่าเมื่อเช้าวันพุธที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา สถานีตรวจวัดสภาพอากาศในกรุงเทพฯ 4 แห่ง ตรวจวัดปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ 63-74 มคก./ลบ.ม. ซึ่งนับว่าเกินเกณฑ์มาตรฐาน จากที่คิดว่าปล่อยผ่าน ก็ต้องเริ่มสำรวจหาซื้อที่ปิดจมูกมาเตรียมไว้

ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำประเทศไทย กล่าวถึงเหตุผลจากกรมควบคุมมลพิษที่ไม่ได้รวมเอา PM 2.5  เข้าไปในการคำนวณดัชนี ว่าเป็นเพราะสถานีที่ติดตั้งเครื่องวัด PM 2.5 ยังมีอยู่ไม่เพียงพอ ฉะนั้นจึงต้องติดตั้งให้ครบเสียก่อน

ประเทศไทยมีเครื่องวัด PM 2.5 ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2554 และเมื่อปีที่ผ่านมา มีการติดตั้งเครื่องวัดเพิ่มขึ้นอีกจาก 19 จุด มาเป็น 25 จุด จากสถานีวัดคุณภาพอากาศในเมืองไทยทั้งหมด 61 จุด ใน 29 จังหวัด

ซึ่งเรื่องนี้ เพจ The MATTER ได้ติดตามต่อว่า ในปัจจุบัน กรมควบคุมมลพิษอยู่ระหว่างจัดซื้อ ‘เครื่องตรวจวัดฝุ่น PM 2.5’ เพิ่มเติม และจะซื้อมาใช้ให้ครบทั้ง 77 จังหวัดในปี 2563 เพื่อให้การตรวจวัดดัชนีคุณภาพอากาศสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น แต่พบว่า การประมูลด้วยวิธี e-bidding ที่เปิดให้เอกชนยื่นซองไปตั้งแต่ปลายปี 2560 ถูกยกเลิกไปเมื่อสัปดาห์ก่อน สาเหตุก็เพราะมีผู้มายื่นซองเสนอราคา ‘เพียงรายเดียว’ จึงต้องประกาศจัดซื้อจัดจ้างใหม่ ซึ่งทำให้การวัดคุณภาพอากาศแบบสะท้อนความจริงจะต้องเลื่อนไปก่อนเช่นเดียวกัน

3. นักกิจกรรมใน MBK39 ไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหา นัดชุมนุม 10 ก.พ. ตามเดิม

เป็นคดีที่มีผู้ต้องหาจำนวนมากถึง 39 คน และอาจจะทยอยเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต เมื่อตำรวจตั้งข้อหาต่อผู้ที่ไปชุมนุมบริเวณสกายวอล์ก หน้าห้างสรรพสินค้า MBK เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา

การมารวมตัวกันเมื่อสองสัปดาห์ก่อน มาจากปมการเลื่อนเลือกตั้ง เพราะสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่างกฎหมายให้ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสภาผู้แทนราษฎรออกไป 90 วัน จึงมีผลโดยปริยายให้การเลือกตั้งครั้งแรกหลังรัฐประหารต้องเลื่อนออกไปอีกจนได้ นักเคลื่อนไหวจึงนัดมารวมตัวกันเมื่อเสาร์ที่ 27 ม.ค. และกลายเป็นคำเรียกในสื่อว่า ‘กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง’ บ้างก็เรียกว่า ‘MBK39’

สำหรับ 39 คนที่ถูกตั้งข้อหานั้น มีทั้งคนที่มีชื่อเสียงและไม่มีชื่อเสียง บางคนตั้งใจมางานนี้ แต่กับบางคนเพียงแค่ผ่านทางหรือแวะไปดู ก็ถือว่าโดนตั้งข้อหารวมกันไป คาดกันว่านี่อาจเป็นกลยุทธ์ดักทางที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่อยากให้การชุมนุมที่ประกาศไว้ว่าจะชวนกันมารวมตัวกันทุกๆ วันเสาร์ (นัดกันครั้งต่อไปวันที่ 10 ก.พ.) สามารถเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่น

ในกลุ่ม 39 คนนั้น ถูกตั้งข้อหาว่าทำผิด พ.ร.บ.ชุมนุมฯ เพราะไปชุมนุมสาธารณะกันในรัศมี 150 เมตรจากพระราชวัง ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน โดยในจำนวนนี้ มี 9 คนที่ถูกระบุว่าเป็นแกนนำ ถูกตั้งข้อหาฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด่างกระเดื่อง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ด้วย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.พ. นักกิจกรรม 4 คน คือ นายรังสิมันต์ โรม นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายอานนท์ นำภา และนายเอกชัย หงส์กังวาน ไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ตำรวจจึงเตรียมขอให้ศาลอนุมัติหมายจับแล้ว

4. ‘อยากให้ท่านประวิตรอยู่ต่อ’ กองกำลังสแปมปั่นโหวตใน change.org

หลังถูกกระแสวิจารณ์ยับ กัดไม่ปล่อย พล.อ.ประวิตร ก็ถึงกับกล่าวเปิดใจ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ว่าหากประชาชนไม่ต้องการตนเองก็พร้อมออกจากตำแหน่ง

แต่เรื่องไม่จบเพียงแค่ถ้อยคำน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะนางทิชา ณ นคร ได้เปิดแคมเปญผ่านเว็บไซด์ change.org หัวข้อ อยากให้รองนายกประวิตรฯ ลาออก ตามที่ท่านได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 61 ที่กระทรวงกลาโหม ซึ่งตอนนี้มีผู้สนับสนุน 78,773 รายแล้ว (วันที่ 10 เวลา 00.40 น.)

ส่วนเพจ Drama-addict ได้ทำโพลล์สอบถามความเห็น ในเวลาเพียง 18 ชั่วโมง มีผู้เข้าโหวต 66,900 คน มีผู้อยากให้ ‘ลุงป้อม’ ไปพักผ่อนมากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ มีเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ลงคะแนนว่าอยากให้อยู่ต่ออีกนานๆ สอดคล้องกับผลโพลล์จากเพจ “ที่นี่ ThaiPBS” ที่เปิดให้ประชาชนโหวตตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม มีคนร่วมออกเสียงถึงเกือบหนึ่งแสนคน ผลโหวตใน 18 ชั่วโมงแรกนั้น เห็นว่า พล.อ.ประวิตร ควรลาออกมากถึง 96 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคนที่ต้องการให้อยู่มีเพียง 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ตัดภาพไปที่หน้ากระทรวงกลาโหม วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีประชาชนราว 40 คน เดินทางมาให้กำลังใจให้อยู่ต่อ และบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ได้มีการจัดตั้ง”

และไม่นานก็มีอีกแคมเปญหนึ่งใน change.org ที่สนับสนุนให้พล.อ.ประวิตรอยู่ต่อ ซึ่งมีการลงชื่อมากกว่า 25,000 คน แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีกลิ่นตุๆ ไม่ชอบมาพากล ซึ่งทางเว็บไซต์ก็ไม่นิ่งนอนใจ เห็นความผิดปกติ และได้ทำการลบอีเมลที่เป็นสแปมออกไป จนในที่สุดก็เหลือเพียง 200 ชื่อ (จำนวนสุทธิในเวลาที่ลบ ส่วนตอนนี้ขยับอยู่ที่เลข 500 ต้นๆ) นอกจากนี้ยังมีรายงาน การถูกนำอีเมลไปใช้แอบอ้างเพื่อร่วมสนับสนุนแคมเปญโดยเจ้าตัวไม่ยินยอม อย่างกรณีของสฤณี อาชวานันทกุล ที่ได้ออกมาโพสต์เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ก.พ.

6. งาน ’บอลประเพณี และหุ่นล้อการเมืองที่ไร้นาฬิกาหรู

หลังจากว่างเว้นมาหนึ่งปี งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ก็กลับมาอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา ณ สนามศุภชลาศัย เป็นครั้งที่ 72

นอกจากผลการแข่งขันฟุตบอลในสนาม สิ่งที่ทุกคนรอลุ้น คือผลงานแปรอักษรและขบวนล้อการเมือง ยิ่งในช่วงบรรยากาศคุกรุ่น มีเรื่องน่าแซวในบ้านเมืองนี้เต็มไปหมด แต่อีกด้านก็ถูกกดด้วยบรรยากาศอำนาจนิยม จนทำให้หลายเรื่องพูดไม่ได้ (คำถามว่า “ชอบกินอะไร” กลายเป็นคำถามยอดฮิตไปอย่างน่าเศร้า) หลายฝ่ายจึงอยากรู้นักว่าหน้าตาหุ่นปีนี้จะออกมาอย่างไร

เริ่มจาก ทางฝั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แปรอักษรเป็นรูปตูน บอดี้สแลม และแฟนสาว ก้อย-รัชวิน สองศิษย์เก่าจากจุฬาฯ ซึ่งนับเป็นบุคคลโดดเด่นในปีนี้ จากโครงการ #ก้าวคนละก้าว ร่วมระดมทุนไปบริจาคให้โรงพยาบาล ซึ่งได้รับเงินบริจาคทะลุเป้ากว่าหนึ่งพันล้านบาท

หันมาดูฟาก ม.ธรรมศาสตร์ กลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทยอยเผยแพร่ข้อมูลหุ่นต่างๆ ที่เดินขบวนกันเข้าสู่สนาม หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวแว่วๆ ว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้ปรามว่าห้ามล้อเรื่องนาฬิกาหรู ผู้นำ หรือทหาร เราจึงได้เห็นหุ่นล้อการเมืองที่แสบสันต้องอาศัยการตีความสักนิด อย่างเช่น

หุ่นยักษ์นนทก มือขวาถือส้อม (เล่นคำพ้องเสียงกับ “ซ่อม”) ด้านหลังสักยันต์คงกระพัน มือซ้ายมีรอยขาวเปลือยเปล่าที่เขียนว่า ‘คืนเพื่อนแล้ว’ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ละเมิดคำห้ามปรามที่ว่าห้ามล้อนาฬิกา คำอธิบายของหุ่นตัวนี้คือ “อำนาจนำไปสู่ความฉ้อฉล และอำนาจสัมบูรณ์ก็ฉ้อฉลอย่างสมบูรณ์” ดังยักษ์นนทกที่ได้นิ้วเพชรมาชี้คนให้ตายอย่างมั่วซั่ว (แต่สุดท้ายก็ชี้เข้าตัวเอง)

หุ่นตาชั่ง ข้างหนึ่งเป็น ตูน-บอดีสแลมกับโรงพยาบาล แต่ดูเหมือนน้ำหนักจะสู้อีกข้างที่เป็นยานพาหนะทางทหารแบบต่างๆ ไม่ได้ จนตาชั่งเอียงกะเท่เร่ ซึ่งมาพร้อมคำอธิบายว่า “หน้าที่จ่ายภาษีเป็นของประชาชน และหน้าที่บริหารภาษีที่ประชาชนจ่ายไปก็เป็นของรัฐบาล” แต่ดูเหมือนน้ำหนักนี้จะหนักไปทางความมั่นคงของรัฐเสียมาก

และยังมีหุ่นอื่นๆ เช่น หุ่นรัฐธรรมนูญที่มียักษ์แบกรอบด้าน หุ่นรถไฟ และอื่นๆ ที่เราได้แต่หัวเราะขื่นๆ ขณะมองตามไป

นอกจากหุ่นล้อการเมืองที่เรียกเสียงฮือฮาพอหอมปากหอมคอแล้ว ยังตามมาด้วยการใช้ร่มกระดาษแปรอักษรการเมืองต่อเนื่องเป็นข้อความต่อไปนี้

กลับมาโฟกัสที่ผลการแข่งขัน สรุปแล้วจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์เสมอกัน 1-1 และเป็นการเสมอครั้งที่ 32

7. อีลอน มัสก์ ปล่อยจรวด Falcon Heavy จรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก

อีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทเทสลาและสเปซเอ็กซ์ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง เมื่อประสบความสำเร็จในการปล่อยจรวดฟอลคอนเฮฟวี (Falcon Heavy) จรวดที่ได้ชื่อว่าทรงพลังที่สุดในโลกขึ้นสู่ห้วงอวกาศ เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 61 เวลา 15.45 น. ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา

ณ จุดปล่อย  39A ศูนย์อวกาศเคนเนดี แหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา จรวดฟอลคอนเฮฟวีทะยานขึ้นสู่วงโคจรโลกอย่างไร้ปัญหา โดยจรวดสนับสนุนที่เรียกว่าบูสเตอร์ซึ่งอยู่ทั้งสองข้างก็แยกตัวออกมาได้สำเร็จ และร่อนลงสู่ฐานตามการคาดหมาย ส่วนบูสเตอร์กลางนั้นพลาดเป้า ร่อนลงไปในทะเล

ฟอลคอนเฮฟวี มีความสูง 70 เมตร น้ำหนักไม่รวมสัมภาระอยู่ที่ 1,420,788 กิโลกรัม ใช้แรงขับปล่อยจรวดมากกว่า 5 ล้านปอนด์

การปล่อยฟอลคอนเฮฟวีครั้งนี้ คือการทำภารกิจขนส่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เทสลา โรดสเตอร์ (Tesla Roadster) พร้อมหุ่นจำลองมนุษย์อวกาศสตาร์แมน ให้เดินทางไปยังวงโคจรของดาวอังคาร ซึ่งมีการติดตั้งกล้องทั้งหมดสามตัวเพื่อเก็บภาพบรรยากาศทั้งหมด

หากทำได้สำเร็จจริง ความฝันของ อีลอน มัสก์ ที่อยากส่งคนไปดาวอังคารและดวงจันทร์คงจะใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที

8. มือกราฟิตี ‘นาฬิกาหรู’ Headache Stencil ถูกประกบ ล่าสุดจ่ายค่าปรับแล้ว

แม้มีข่าวใหญ่มากลบ แต่เรื่องที่ยังไม่จบคือประเด็นนาฬิกาหรูที่เพื่อนให้ยืมมาของพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รองหัวหน้าคสช.และรองนายกรัฐมนตรี ที่ล่าสุด นักสืบโซเชียลค่อยๆ ช่วยกันสังเกต จนตอนนี้นับได้แล้ว 25 เรือน รวมมูลค่าเกือบ 40 ล้านบาท ประเด็นสำคัญที่สังคมสนใจ คือฉไนทรัพย์สินเหล่านี้จึงไม่ได้อยู่รายการในบัญชีทรัพย์สินที่นักการเมืองทุกคนต้องยื่นต่อปปช.เวลาที่เข้ารับตำแหน่งทางการเมืองตามที่กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนดไว้

เรื่องราวเกี่ยวกับนาฬิกาหรูครั้งนี้มีอะไรให้ต้องแอบยิ้มที่มุมปากอยู่เรื่อยๆ เช่นว่า นาฬิกานี้เป็นของที่เพื่อนให้ยืมมา ส่วนทางปปช.ที่มีหน้าที่ต้องตรวจสอบก็มองว่าหากเป็นของที่ยืมมาจริงก็ไม่ต้องรายงานบัญชี ตัวประธานปปช.เองก็ถอนตัวจากคณะกรรมการสอบฯ เรื่องนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าสนิทกับพลเอกประวิตรจนอาจจะดูไม่เหมาะสม

ขณะที่เรื่องราวรายล้อมล้วนมีแง่มุมที่สังคมสนใจ ศิลปินกราฟิตี้ เจ้าของเพจที่ใช้ชื่อว่า Headache Stencil ก็รังสรรค์งาน Street Art ด้วยการพ่นภาพนาฬิกาปลุกที่มีพื้นหลังเป็นรูปพลเอกประวิตร เป็นงานพ่นที่ปรากฏบริเวณสะพานลอยแห่งหนึ่งในย่านสุขุมวิท นอกจากเจ้าตัวจะเผยแพร่ภาพผ่านเพจเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศ เช่น AFP ก็เผยแพร่ภาพนี้จนดังไปทั่วโลก แม้ต่อมา ภาพกราฟิตี้นี้จะถูกลบออกไปในสามวันให้หลัง

สิ่งที่ตามมาคือ ศิลปินกราฟิตี้คนดังกล่าวโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ระบุว่า มีการส่งกำลังตำรวจไปเฝ้าที่คอนโด และติดต่อไปยังคนรู้จัก ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจหนีออกจากคอนโดกลางดึก อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ลบข้อความในเฟซบุ๊กทั้งสองข้อความนี้ออกไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ก.พ. เจ้าตัวโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า จบเรื่องแล้ว และได้รับการประสานให้ไปจ่ายค่าปรับในคดีทำลายทรัพย์สินสาธารณะ พร้อมทิ้งท้ายว่า

“ประชาชนทุกคนย่อมมีสิทธิคิดและแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่คิดว่ามันไม่ถูกต้องต่อสังคมได้อยู่นะครับ ถึงแม้ว่ามันอาจจะมีอุปสรรคมาขัดขวางการพูด การคิดบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราต้องเปิดปากของเราได้ เปิดตาของเราได้ เพราะมันคือสิทธิ์ของเรา วันนี้ผมดีใจแล้วที่ได้รับรู้ว่าผมสามารถเปิดปากผมได้อยู่ ผมยังเป็นมนุษย์จริงๆด้วย”

อย่างไรก็ดี ล่าสุด ข้อความทั้งหมดที่พูดถึงรายละเอียดของการถูกติดตามหายไปจากเพจแล้ว แต่รูปกราฟิตี้ที่เป็นประเด็นยังคงอยู่ มีผู้แชร์ต่อไปแล้วถึงมากกว่า 3,500 ครั้ง

9. ขาดๆ เกินๆ ในโอลิมปิก ฤดูหนาว

โอลิมปิกฤดูหนาวครั้งที่ 23 เริ่มแล้ว ครั้งนี้จัดขึ้นที่เมืองพยองชาง เกาหลีใต้ เกมการแข่งขันมีขึ้นในช่วงวันที่ 9 – 25 ก.พ.

ว่าด้วยกีฬาฤดูหนาวที่ไทยเล่นในบ้านไม่ได้เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย แต่ปีนี้ก็มีนักสกีคนไทยเข้าแข่งขัน ทั้งหมดสี่คน ได้แก่ มาร์ค จันเหลือง, คาเรน จันเหลือง และ นิโคลา ซาโนน  ลูกครึ่งไทย-อิตาลี และมีอเล็กเซีย เชนเคิล ลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์ ที่มาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้

แต่ประเด็นที่ทั่วโลกสนใจมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ก็คือสัมพันธ์ทางการทูตเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ผ่านเกมกีฬา ซึ่งครั้งนี้ เกาหลีเหนือส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 22 คน และนักกีฬาจากทั้งสองประเทศคู่กรณีอาจต้องกระอักกระอ่วนสักหน่อยเพราะต้องมาเดินขบวนอยู่ในทีมพาเหรด ภายใต้ธงประเทศเดียวกัน

นอกจากนี้ ดังที่เรารู้กันว่าปีนี้ โอลิมปิกแบนไม่ให้รัสเซียเข้าร่วมการแข่งขันเพราะมีข้อครหาว่ารัฐบาลเองสนับสนุนให้นักกีฬาโด๊ปยา แต่ก็นักกีฬาจากรัสเซียสามารถเข้าร่วมการแข่งขันในแบบอิสระพร้อมทั้งมีป้ายสัญลักษณว่า นักกีฬาจากรัสเซียไปด้วยอีกต่างหาก

10. หมอแสง ความหวังของผู้ป่วยโรคมะเร็ง

การรับรองเรื่องการเป็นหมอพื้นบ้าน ของหมอแสง หรือนายแสงชัย แหเลิศตระกูล ผู้คิดค้นยาสมุนไพรรักษาโรคมะเร็งดูจะสร้างความสับสนและความไม่พอใจให้กับหมอแสงอย่างมาก

หมอแสงหรือนายแสงชัย แหเลิศตระกูล จริงๆ แล้วไม่ได้เรียนหมอ แต่จบครุศาสตร์ไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยปัจุบันเป็นผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดปราจีนบุรี เขาคิดค้นสมุนไพรรักษาโรงมะเร็ง เพราะลูกสาวเป็นเนื้องอกที่สมอง จึงพยายามหาวิธีรักษาอยู่นานถึงสามปี จนได้มาเป็นสูตรสมุนไพร ที่แจกฟรีให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั่วประเทศ หลายคนรักษาแล้วหาย แต่ก็มีบางคนที่กินยาแล้วอาการทรุดลงจนเสียชีวิต โดยยาตัวนี้เป็นการผสมระหว่างรำข้าวนาปีกับสมุนไพรหลายชนิด อาทิ ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ รังนก ถั่งเช่า เกสรดอกไม้

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 61 ทางสถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ทำหนังสือที่รับรองหมอพื้นบ้านและเอกสารเพิ่มเติมมอบให้กับหมอแสง

แต่ปรากฎว่าทาง นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก บอกว่ายังไม่ได้รับรองหมอแสงเป็นหมอพื้นบ้าน เนื่องจากขาดเอกสารบางส่วน

ต่อมาวันที่ 6 ก.พ. 61 หมอแสงเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ได้ส่งเอกสารขอเป็นหมอพื้นบ้านไปตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. 60 และส่งเอกสารเพิ่มเติมหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมยังไม่ได้หนังสือรับรองการเป็นหมอพื้นบ้านเสียที หมอแสงจึงขีดเส้นตาย ถ้าหลังจากวันที่ 20 ก.พ. 61 ยังไม่ได้หนังสือรับรองหมอพื้นบ้านก็จะหยุดผลิตยาทันที

สำหรับสมุนไพรแคปซูลเม็ดสีฟ้าขาวนี้ หมอแสงผลิตได้วันละ 25,000 เม็ด คนที่ประสงค์จะรับยา จะได้รับคำแนะนำว่าให้กินสมุนไพรควบคู่ไปกับการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน และต้องแสดงเอกสารใบรับรองแพทย์ ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน พร้อมลงบันทึกประจำวันที่สภ.ปราจีนบุรี ว่าจะไม่เอาผิดกับผู้แจกยา เพราะเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งในการรักษา

Tags: , , , , , , , , , , , , , , ,