เมื่อหน้าหนาวคืบคลานมาถึง หลายคนคิดวางแผนออกไปท่องเที่ยว ปลดปล่อยความเหน็ดเหนื่อยที่มี ปล่อยใจไปกับธรรมชาติและสายลม หลายคนพาตัวเองไปสะสมพลังงานด้วยการไปเที่ยวในสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์และแวดล้อมด้วยธรรมชาติ แน่นอนว่า ‘ภาคเหนือ’ คือจุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนเลือกไป

ในช่วงเวลาที่อากาศดี เราอยากพาทุกคนออกเดินทางพร้อมกันเพื่อไปรู้จักและสัมผัสกับเสน่ห์ของ ‘หมู่บ้านห้วยห้อม’ หมู่บ้านที่เคยเป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา แต่เมื่อได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง รัชกาลที่ 9 ก็กลับกลายมาเป็นหมู่บ้านที่เริ่มนำเอาวิถีเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ สร้างผลผลิตสู่กำไร สร้างความภาคภูมิใจในผลิตภัณฑ์อย่าง ‘กาแฟ’ และ ‘ผ้าทอขนแกะ’ ที่กลายเป็นมรดกทางปัญญาที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น

‘หมู่บ้านห้วยห้อม’ ที่ตำบลห้วยห้อม อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้ มีหุบเขาล้อมรอบ บนความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,100 เมตร อากาศเย็นตลอดทั้งปี ห้วยห้อมเป็นหนึ่งในหมู่บ้านของเขตรับผิดชอบของศูนย์พัฒนาโครงการหลวง แม่ลาน้อย

การเดินทางมายังหมู่บ้านห้วยห้อมนั้นไม่ยาก แต่จะสะดวกหากเดินทางด้วยรถส่วนตัวหรือ เช่ารถจากเชียงใหม่เพื่อขับมาที่นี่ เพราะรับรองว่าคุณจะฟินไปกับบรรยากาศข้างทางขณะเดินทาง เพราะที่อำเภอแม่ลาน้อยในช่วงหน้าหนาวจะเขียวชอุ่ม ต้นไม้ใบหญ้ายืนต้นต้อนรับตลอดสองข้างทาง ลู่ลมโบกสะบัดใบทักทายเหล่านักเดินทางที่ผ่านมาผ่านไป ฝ่าเส้นทางคดโค้งมายังศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์บ้านห้วยห้อม

กาแฟห้วยห้อมแห่งวิถีชีวิต จากในหลวง รัชกาลที่ 9

สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อมาถึง คือลองสั่งกาแฟห้วยห้อม ความเข้มข้นของกาแฟอาราบิกาที่หอมอบอวล มาพร้อมรสขมเข้มข้น ช่วยปลุกให้ตื่นจากความง่วง และทำให้เราตกอยู่ในภวังค์ของรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟห้วยห้อมซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นสินค้าโอท็อประดับ 5 ดาว

เราได้รู้จักกับ เฟิร์น – ธาริณี บงกชรัศมี ชาวปกาเกอะญอที่เกิดและเติบโตที่หมู่บ้านห้วยห้อมแห่งนี้ เฟิร์นเล่าถึงจุดเริ่มต้นของกาแฟห้วยห้อมว่าเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515 โดยในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมชาวบ้านป่าแป๋และบ้านห้วยห้อมเป็นครั้งแรก ตอนนั้นห้วยห้อมยังเป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ การเดินทางเข้ามาที่นี่ก็แสนจะลำบาก จึงพระราชทานทุนทรัพย์จำนวนหนึ่งเพื่อจัดตั้งเป็นธนาคารข้าว พร้อมมีรับสั่งว่าเป็นธนาคารข้าวแห่งแรกของโลก

เมื่อถามถึงการมาถึงของเมล็ดกาแฟ ก็พบว่า กาแฟอาราบิก้าถูกนำเข้ามาปลูกโดยกลุ่มมิชชันนารีในปีเดียวกันกับการเสด็จของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งไม่ได้นำเข้ามาเพียงแค่ความรู้ด้านกาแฟ แต่ยังมีการนำความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงแกะเข้ามาสอนให้กับชาวบ้านอีกด้วย 

เราจึงไม่รอช้า ขอตามเฟิร์นไปดูกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจิบของกาแฟห้วยห้อม และขั้นตอนกว่าจะมาเป็นผ้าทอขนแกะหนึ่งเดียวในประเทศ

กระบวนการตั้งแต่ต้นจนจิบของ ‘กาแฟห้วยห้อม’

เฟิร์นพาเราไปที่ไร่กาแฟอาราบิก้า และชวนเก็บเมล็ดกาแฟสดๆ จากต้น เธอเล่าว่า ชาวบ้านเน้นการปลูกต้นกาแฟอาราบิกาแบบปลอดสารพิษ การปลูกแต่ละครั้งใช้เวลา 2-3 เดือนกว่าจะได้เมล็ดกาแฟที่พร้อมเก็บ 

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ที่นี่ผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพ ก็มาจากสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูก ซึ่งต้นกาแฟสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่หนาวเย็น และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลอย่างน้อย 700 เมตรขึ้นไป จึงทำให้เมล็ดกาแฟของห้วยห้อมงอกงามเปี่ยมคุณภาพ 

เฟิร์นเล่าว่า จนตอนนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านห้วยห้อมสามารถปลูกกาแฟแบบครบวงจร และสามารถหาเลี้ยงชีพจากการปลูกกาแฟได้ ผลผลิตก็ได้มาตรฐานระดับสูง น้อยคนที่จะรู้ว่า เมล็ดกาแฟจากห้วยห้อม เป็นหนึ่งในเมล็ดที่ได้รับเลือกไปขายในร้านกาแฟชื่อดังอย่างสตาร์บัคส์ ที่กลายเป็นลูกค้าสำคัญ และเป็นที่มาของรสชาติที่หลายคนคุ้นเคย 

ความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ทำให้กาแฟห้วยห้อมเป็นที่ยอมรับ และได้รับการการันตีจากโอท็อป มีการแปรรูปใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่ถูกสุขลักษณะส่งออกไปทั่วประเทศและทั่วโลก 

ผ้าทอขนแกะ หนึ่งเดียวในประเทศไทย ณ ห้วยห้อม

หลังจากได้เห็นกระบวนการต่างๆ กว่าจะมาเป็นกาแฟห้วยห้อมแล้ว เฟิร์นก็พาเราไปทักทายเหล่า ‘น้องแกะ’ ที่อาศัยอยู่เต็มทุ่งหลังโฮมสเตย์ของที่นี่ 

แกะที่หมู่บ้านห้วยห้อม เลี้ยงแบบเรียบง่ายตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ส่วนใหญ่จะเลี้ยงไว้ใต้ถุนบ้าน ที่แต่ละวัน จะมีการปล่อยให้แกะได้ออกมาวิ่งเล่น แกะจึงไม่เครียด และเมื่อแกะมีขนหนาพร้อมตัด ชาวบ้านก็นำมาผ่านกระบวนการทำผ้าทอขนแกะ 

 

ขณะนี้ หมู่บ้านห้วยห้อมเป็นหมู่บ้านเดียวในประเทศไทยที่สามารถผลิตผ้าทอขนแกะและส่งออกไปทั่วประเทศและทั่วโลก รวมถึงได้รับการการันตีจากโอท็อปให้เป็นสินค้าห้าดาว

จากนั้นเฟิร์นก็พาเราไปให้อาหารน้องแกะได้อิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้า รวมถึงได้ลองนำขนแกะมาหวี เพื่อให้ขนแกะสะอาด บางเบา พร้อมนำไปเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป นั่นคือการถักทอเป็นผืน

หลังจากได้ลงไปเจอกับแกะตัวเป็นๆ และหวีขนแกะแล้ว เฟิร์นก็สาธิตการทอผ้าด้วยเครื่องทอแบบโบราณ ชนิดใช้เอว ซึ่งยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน รวมถึงมีการสืบทอดลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เช่น ลายเมล็ดฟักทอง ลายดอกพริก ลายแมงมุม ลายเลอเมอเจอะหรือลายต่อลูกเดือย 

ลายเหล่านี้ล้วนได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ เฟิร์นยังเล่าอีกว่า เธอถูกสอนให้ทอผ้าตั้งแต่ยังอายุประมาณ 10 ขวบ ซึ่งหมู่บ้านนี้จะสอนให้ฝึกทอผ้ากันตั้งแต่ยังเด็ก จนตอนนี้เฟิร์นเองก็กลายมาเป็นคนที่สอนการทอผ้าให้กับเด็กๆ ด้วย

โฮมสเตย์กับวิวนาขั้นบันไดที่พร้อมพาคุณหลงใหลไปกับธรรมชาติ

ที่หมู่บ้านห้วยห้อมมีบ้านพักแบบโฮมสเตย์ให้คุณได้เลือกสรร ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่ คือวิวนาขั้นบันไดที่เขียวชอุ่ม ตื่นมาในตอนเช้าด้วยบรรยากาศหนาวๆ และสดชื่นในเวลาเดียวกัน สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด 

ใครที่กำลังลังเลว่าจะมาที่ห้วยห้อมดีไหม อยากให้มาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ดู เพราะนอกจากจะได้พบเจอกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แล้ว พี่ ป้า น้า อา ที่นี่ก็น่ารัก รับรองว่าดูแลแขกที่มาพักที่นี่เป็นอย่างดีแน่นอน ที่สำคัญคือ คุณสามารถไปสัมผัสบรรยากาศสวนต้นกาแฟและไปเจอน้องแกะแบบใกล้ชิดได้เลย

หากใจของคุณเรียกร้องการออกไปเที่ยวเพื่อเติมพลังและคลายความเหนื่อยล้าที่มีอยู่ ลองเปิดใจ แล้วมาพบกับธรรมชาติของที่นี่ดู อากาศหนาว บรรยากาศอบอุ่น กาแฟหอมกรุ่นจะเยียวยาใจคุณได้แน่นอน และหวังว่า ‘หมู่บ้านห้วยห้อม’ จะเป็นอีกหนึ่งสถานที่จุดหมายปลายทางที่คุณผู้อ่านจะเลือกไปสัมผัส

 

Fact Box

ผลงานเรื่อง “หลงเสน่ห์ 'ห้วยห้อม' หมู่บ้านแห่งกาแฟและผ้าทอขนแกะ” โดย นภัสกร ปิงเมือง คือ 1 ใน 5 บทความที่ชนะการประกวดและได้รับคัดเลือกเป็นบทความไลฟ์สไตล์ที่มีความโดดเด่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานอบรม ID creator workshop ที่ทาง TrueID In-Trend ร่วมมือกับสื่อพันธมิตรได้แก่ Wongnai และ The Momentum ติดตามบทความนี้ใน TrueID ได้ทาง https://cities.trueid.net/post/23987

Tags: ,