หลังจากจองคิวโอมากาเสะกาแฟของ Solos Coffee ผ่านทางอินสตาแกรมของร้าน เราเฝ้ารอวันที่จะได้เจอ ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ สาวสวยเจ้าของร้าน เอ้ยไม่ใช่สิ เฝ้ารอที่จะได้ทำความรู้จักกับโอมากาเสะกาแฟของนิโคลัส โฮล (Nicholas Haw) อดีตบาริสต้าของ Red Diamond เราค่อนข้างประทับใจในความสามารถของนิค จำได้ว่านิคเป็นบาริสต้าเพียงไม่กี่คนที่ไม่ได้ยึด Tasting Note เหมือนที่บอกเอาไว้ข้างถุงกาแฟ นิคแทบไม่ใยดีกับรสชาติที่ถูกกำหนดไว้ เขาชิมแล้วเขียนรสชาติให้เราเข้าใจตรงนั้นเลย แน่นอนว่าเราอาจจะไม่สามารถรับรสได้เหมือนเขา แต่มันก็เหมือนคำแนะนำที่บอกให้เราลองทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาบอกว่ามีอยู่ และมันคือรสชาติจริงๆ ของกาแฟ ณ ตอนนั้น แน่นอนว่าอีกเพียงไม่กี่วินาทีรสชาติอาจจะเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่เท่ากับการเขียนบอกเอาไว้ข้างถุง เมื่อเราทราบข่าวว่านิคเปิดร้านของตัวเองเราก็รีบจองในทันที

เราทราบข่าวเรื่องนิคประสบอุบัติเหตุจนทำให้ความทรงจำของเขาหายไปบางส่วนผ่านแฟนสาวของเขาตามข่าวต่างๆ แต่เราก็อยากบอกว่าเราตามเขามาเพราะอะไร แม้ว่าเขาจะรีบขอโทษขอโพยว่าเขาจำเราไม่ได้ ความทรงจำของเขาอาจจะหายไปบ้าง แน่นอนเราไม่ตำหนิเขา เพราะแพสชั่นเรื่องกาแฟของเขายังคงดีและเต็มไปด้วยความรักในสิ่งที่เขาทำ และเราอยากให้คุณตามไปลองบ้าง 

แน่นอนว่าเซตโอมากาเสะของที่นี่มีให้เลือกระหว่าง 2 แก้ว 900 บาท และ 3 แก้ว 1,200 บาท เชื่อว่าหลายคนคิดว่าแพง เราก็คิดและยิ่งต้องจองจะได้รู้ว่าแพงเพราะอะไร แว่บแรกที่จองไปด้วยคำว่า “โอมากาเสะ” หรือ “ตามใจเชฟ” ทำให้เราไม่คาดคิดถึงสิ่งที่นิคถามกลับมาที่เราว่า “คุณชอบรสชาติแบบไหน” เอาล่ะยากแล้ว แต่ก็ตอบกลับไปว่าเปรี้ยวก็ได้นัตตี้ก็ได้ สิ่งที่เขาแนะนำกลับมาคือ “Pacamara” ไหม เราจำได้ว่าคือเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ที่เมล็ดใหญ่ที่สุด นิคหยิบขวดบรรจุเมล็ดกาแฟคั่วแล้วมา 2 ขวด ให้เราดม และเราตัดสินใจเลือก “El Salvador Pacamara” แทนที่จะเลือก “Colombia Pacamara” ด้วยกลิ่นรสที่ไม่นัตตี้ เอาจริงๆ เราไม่ได้ชอบนัตตี้นั่นแหละ สรุปว่าแก้วแรกเราได้กาแฟ Pour Over ร้อน 1 แก้ว ที่นิคชงโดยไม่ชั่ง ตวง วัด ปริมาณน้ำ อุณหภูมิ และปริมาณกาแฟเลย แต่สิ่งที่ได้กลับพอดีไปเสียหมด ประหนึ่งพ่อมดที่เสกกาแฟออกมาได้ 1 แก้ว เราว่าทักษะบางอย่างและประสาทสัมผัสทำให้เขาทำมันออกมาได้โดยอัตโนมัติ 

เครื่อง Mavam Espresso Machine 

ฟังดูเหมือนว่าก็แค่กาแฟธรรมดา แต่ความจริงแล้วลูกค้าคนข้างๆ สั่งตามความชอบของตัวเองแบบจริงจัง ทำให้เขาได้ Old Fashioned กาแฟดำเย็นที่เป็น Pour Over เหมือนกัน แต่มันมีขั้นตอนที่ซับซ้อนจนเราเข้าใจเลยว่าทำไมกาแฟของที่นี่จึงตกที่ราคา 400 บาท มันมีทั้งการช็อกน้ำเย็น การบดกาแฟเพิ่มเข้าไประหว่างดริป ทำให้กาแฟหนึ่งแก้วอาจจะใช้กาแฟมากหรือน้อยกว่า 20 กรัม ที่เราดริปดื่มเองที่บ้านก็เป็นได้ หรือการเฟอร์เมาท์กาแฟในเวลาสั้นๆ แต่ทุกอย่างถูกคำนวณเอาไว้อย่างดีจนเรารู้สึกว่ากาแฟแก้วนั้นผ่านกระบวนการคิดมาแล้วอย่างดี และผ่านการทดลองจนได้แบบที่นิคต้องการ

Old Fashioned

มาที่นี่ใครสื่อสารกับนิคด้วยภาษาอังกฤษแล้วไม่เข้าใจให้ยิปซีช่วยแนะนำได้ แน่นอนว่าทักษะการขายของยิปซีไม่ธรรมดาจนนิคต้องเอ่ยปากว่าแฟนสาวของเขาขายของเก่ง แน่นอนว่าเราได้ดื่ม Old Fashioned เช่นกัน เท่าที่สังเกตรสชาติแล้วมันออกมาดีกว่าที่คิด ด้วยขั้นตอนที่เราเห็นว่านิคกะเมล็ดกาแฟและบดกาแฟเติมระหว่างชง ทำให้เรารู้สึกว่าแก้วนี้ต้องแรงๆ และบอดี้หนักๆ แต่ไม่เลยมันพอดี อาจจะด้วยระหว่างทางมีการละลายของน้ำแข็งและความเย็นที่ถูกช็อกทำให้รสชาติที่ได้ออกมาแบบนี้

Old Dirty

เมื่อคุณก้าวเข้ามาถึงแก้วที่สองบอกเลยว่ามันยากที่จะลงแล้ว แต่ด้วยความที่เราเองก็อยากลองกาแฟนมของนิคผ่านเครื่อง Mavam Espresso Machine เหมือนกัน (สมัยที่นิคทำงานให้ Red Diamond ที่นั้นมีเครื่องชงนี้เป็นเครื่องแรกของเมืองไทย) เราจึงนั่งพูดคุยถึง Dirty ของเขา แต่ยิปซีก็เสริมเข้ามาว่าให้ลอง Dirty แบบของพ่อเธอไหม เพราะว่าคนเราน่าจะชอบรสชาติกาแฟไม่เหมือนกัน และ Dirty Kitten ที่มีในลิสต์ก็ดูเหมือนลูกแมวตามที่นิคบอกเล่า ทำให้เราเลือก Dirty แบบของคุณพ่อของยิปซีที่เรียกว่า Old Dirty ให้สมวัยเราหน่อย 5555 

อย่างที่ทราบว่ากาแฟ Dirty คือ นมเย็นฉ่ำที่ให้เติมด้วยช็อตของเอสเพรสโซ่ที่ถูกสกัดออกมาจากเครื่องชง แล้วปล่อยให้กาแฟไหลลงมาผสมกับนมเย็น ทำให้นมสีขาวเปื้อนด้วยคราบของเอสเพรสโซ่ แน่นอนว่าใครๆ ก็ทำ ทุกที่จึงมีซิกเนเจอร์ของตัวเองที่สร้างความแตกต่าง เช่นเดียวกันสำหรับนิค เขาแอบใส่ช็อกโกแลตรสส้มผสมลงในช็อตกาแฟ นอกจากให้เครื่องกาแฟสกัดเอาเอสเพรสโซ่ลงบนนมเย็นฉ่ำ นิคยังนำเอาช็อตกาแฟผสมช็อกโกแลตละลายเทเพิ่มกลายเป็นดับเบิ้ลช็อต และทำให้นมกลายเป็นสีกาแฟไปเกือบทั้งหมด ส่วน Dirty Kitten จะยังคงเหลือสีขาวของนมอยู่ ใครไปร้านนี้แนะนำให้สังเกตการทำงานของนิครับรองว่าเพลินมาก 

Threesome

ไม่เพียงกาแฟที่เราได้ชิมผ่านโอมากาเสะทั้ง 3 แก้วของเรา เรายังสนใจ Threesome แต่ด้วยโควต้าของเรามีเพียง 3 แก้ว ทำให้เราทำได้เพียงมองคนข้างๆ ดื่ม นิคจะดริปกาแฟออกมาเป็นดริปเย็นปกติ แต่เขาจะเสิร์ฟออกมา 3 แก้ว เป็นแก้วเรียกน้ำย่อย แก้วหลัก และแก้วของหวาน ซึ่งเขาเล่าว่า 3 แก้ว รสชาติจะต่างกัน ให้ค่อยๆ ดื่มทีละแก้ว ถ้าให้เดาเราคิดว่าการละลายของน้ำแข็งและอุณหภูมิของกาแฟน่าจะทำให้ได้รสชาติของกาแฟแต่ละแก้วในแต่ละช่วงเวลาต่างกัน เราเชื่อว่าถ้าดื่มแก้วแรกไม่หมดแล้วแอบมาดื่มใหม่ก็ให้รสชาติที่ไม่เหมือนเดิม อย่างที่ว่ากันว่ารสชาติของกาแฟเปลี่ยนแปลงไปในทุกวัน จึงต้องมีการชิมรสชาติในทุกวัน แน่นอนว่านิคหยิบเอาอะไรแบบนี้มานำเสนอให้สมราคาที่เขาขายแหละ เพราะมันคือประสบการณ์ของรสชาติที่เขาให้ความรู้แก่คนดื่มอย่างเรา 

หลังจากจบโอมากาเสะกาแฟของ Solos Coffee สิ่งที่เรารับรู้ได้เกี่ยวกับกาแฟของนิคก็คือ แพสชั่นและเทคนิคที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในร้านกาแฟทั่วไป เราว่าเขาขายเทคนิคและรสชาติที่พยายามทำออกมาให้ตรงใจเรามากที่สุด บางครั้งเรารู้สึกว่า บาริสต้าตามใจเรา แต่ในบางห้วงกาแฟที่กำลังอุ่นอยู่เราก็แอบคิดว่า เราตามใจบาริสต้าอยู่ก็เป็นได้ 5555 

Fact Box

  • Solos Coffee  ถนนเสรี 9 สวนหลวง เปิดบริการทุกวัน 8.00-17.00 น. เฉพาะ Take Away Window ส่วน Omakase สามารถเชควันและจองได้ผ่านกล่องข้อความของ Instagram: Solos.coffee เปิดวันละ 4 รอบ รอบละ 1.30 ชั่วโมง 

 

Tags: ,