ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่เติบโตมากับสื่อลามกของญี่ปุ่น ครั้งนี้ผมจึงตั้งใจที่จะพูดถึงหมวดมังหงะโป๊ หรือมังหงะที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับเพศอย่าง ‘โจ๋งครึ่ม’ ของญี่ปุ่น  เพราะนอกจากมันจะเป็นสาขาที่ใหญ่มากๆ แล้ว มันยังเป็นหนึ่งในสาขาที่ “คน (พยายาม) เข้าถึงที่สุด” ในทุกเพศ ทุกวัย และแทบทุกภูมิภาคด้วย ดังจะเห็นได้จากยอดความนิยมของอะนิเมะโป๊ในเว็บโป๊ดังอย่าง Pornhub หมวดนี้ก็มักจะอยู่ในอันดับต้นๆ เกือบตลอด และในแง่ตัวมังหงะเอง ก็มีการแปลหลากหลายภาษามากขึ้นเรื่อยๆ ในแทบทุกแนว นอกจากนี้ผมคิดว่ามันมีเนื้อหาที่ต่อเนื่องจากแนวคิดเรื่องการสะท้อนภาพสตรีนิยมสุดโต่ง ที่เล่าไปในชิ้นที่แล้ว ไม่น้อยเลยทีเดียว

ทีนี้จริงๆ แล้วการใช้คำว่ามังหงะโป๊ โดยแทนที่ว่า Hentai Manga (หรือที่หลายๆ คนย่อว่า H-Manga) ไปเลยนั้น อาจจะไม่ครบถ้วนนัก เพราะในความเป็นจริงแล้ว มันมีหมวดที่หลากหลายที่ซ่อนอยู่ในมังหงะทั่วๆ ไป อย่างมังหงะสำหรับเด็กผู้ชาย (Shonen), เด็กผู้หญิง (Shojo) หรือของวัยรุ่นจนถึงผู้ใหญ่หน่อย (Seinen) นั้น เหล่านี้ก็มีหมวดย่อยหรือ sub-genre ของมัน ที่แม้จะไม่ได้ถูกจัดเป็นมังหงะโป๊ แต่ก็สะท้อนตัวตนของความโป๊หรือความชัดเจนในประเด็นเรื่องเพศอยู่ด้วย

หมวดย่อยของ ‘มังหงะทางการสายหลัก’ (Shonen, Shojo, Bishojo, Seinen,ฯลฯ) ที่สะท้อนประเด็นทางเพศซึ่งพบได้บ่อยๆ ก็เช่น Harem หรือสายฮาเร็ม พระเอกหนึ่งนางเอกเป็นสิบ หรือนางเอกหนึ่งหนุ่มหล่อเป็นสิบ, Ecchi สายลามกแต่พอตัว, Adult สำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งมักจะใช้ในกรณีที่มีเรื่องความรุนแรงหรือเรื่องทางเพศมาพอสมควร, Mature สำหรับผู้มีวัยวุฒิแล้ว ซึ่งจริงๆ ก็คล้ายๆ กับ Adult แหละครับ บางทีใช้ปนๆ กัน แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมคิดว่าสาย Mature นี่จะเน้นภาพรุนแรงกว่า ทั้งในแง่ของภาพเลือดสาดหรือเซ็กส์ ในขณะที่ Adult นั้นจะเน้นลักษณะการเล่าเรื่องที่ “มันจริง มันเรียล” มากกว่า และในความสมจริงนั้นเอง หลายๆ ครั้งความรุนแรงและเพศก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงหรือตัดออกไปไม่ได้ อย่างถ้าคุณจะเขียนมังหงะที่เล่าถึงชีวิตโสเภณีให้มันมีความเรียล จะไปตัดการเล่าเรื่องเซ็กส์และความรุนแรงไป ก็คงจะไม่ได้

นอกจากนี้ ในมังหงะสายหลักยังมีหมวด Smut หรือหมวดลามกโจ๋งครึ่ม อันนี้น่าจะเป็นหมวดย่อยที่น่าจะเน้นไปเรื่องทางเพศหนักสุดครับ จริงๆ ในแง่พล็อตเรื่องก็จะไม่หนีหมวด Ecchi หรือ Harem มากนัก แต่สายนี้มักจะมีงานภาพที่ ‘เต็มตีน’ มากกว่า อย่าง Ecchi หรือ Harem นั้น อาจจะเห็นแค่นมหรือหากมีฉากทั้งตัวก็มักจะมีม่านหมอกแถวอวัยวะเพศเอาไว้ บางทีโดนลบขาวไปเลยก็มี แต่ Smut นี่งานภาพมักจะมาหมดครับ ดุ้นเป็นดุ้น แคมเป็นแคม มีเซ็นเซอร์แต่เพียงเบาบางมาก ว่าง่ายๆ ก็คือ ในแง่งานภาพแล้วใกล้เคียงมังหงะโป๊ หรือ Hentai มากๆ ที่สำคัญในมังหงะเรื่องหนึ่งๆ ก็สามารถมีส่วนผสมของหมวดย่อยเหล่านี้ได้อย่างหลากหลาย มันอาจจะเป็น Adult, Harem, Ecchi และ Smut ไปพร้อมๆ กันก็ได้ครับ

ทั้งหมดที่เล่ามานี้ เพื่อจะบอกว่า เอาเข้าจริงๆ แล้วความโป๊ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกปลอมในมังหงะเลย แม้กระทั่งในมังหงะทางการกระแสหลักต่างๆ ก็ตาม มังหงะสำหรับเด็กผู้หญิง หรือ Shojo ต่างๆ นี่ยิ่งตัวดีเลยครับ แป๊บๆ ลงเตียงกันแล้ว หรือมังหงะทางการสำหรับเด็กผู้ชายเอง อย่างเรื่อง Mahou Sensei Negima หรือ to-Love-Ru (Darkness) (หรือถ้ารุ่นก่อนเลย ก็เช่น I’s) เป็นต้น เพราะเขาก็รู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้อยู่ในความสนใจของทั้งเด็กชายและเด็กหญิง และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปซ่อนแอบอะไร เพียงแต่ก็จะระวังฉากวับๆ แวมๆ ให้อยู่ในระดับที่ไม่เลยเถิดมากนักเท่านั้นเอง

และบางครั้ง นักเขียนมังหงะโป๊หรือ Hentai Mangaka แบบเต็มๆ ตัว หลายๆ ครั้ง ถ้าผลงานเข้าตาค่าย ก็เข้ามาเขียนงานให้กับมังหงะสายทางการได้ก็มีไม่น้อย อย่างคนวาดภาพเรื่อง Shokugeki no Soma ที่โด่งดังอยู่ตอนนี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น จากเดิมเป็นสายนักวาด Hentai Manga สายนมโตกว่าหัวมาก่อน

จากซ้ายไปขวา: to-Lover-Ru (Darkness), และฉากหนึ่งของเรื่อง I’s

แต่เมื่อความโป๊มันไม่ใช่อะไรที่แปลกปลอมแล้ว Hentai Manga มันมาอย่างไร? ทำไมมันต้องมีที่ทางพิเศษเฉพาะของมัน? ผมคิดว่าหลักๆ แล้วมาจากตัวเนื้อเรื่องหลัก คือ เป้าหลักของการดำเนินเนื้อเรื่องนั้นมังหงะที่ถูกจัดอยู่ในหมวด Hentai มักจะมีเป้าหมายหลักของการเล่าเรื่องเพื่อให้ได้พูดเรื่องเซ็กส์โดยตรง ในขณะที่พวกหมวดย่อยอื่นๆ ที่มีเรื่องเซ็กส์มาเกี่ยวข้องนั้น อาจจะเรียกได้ว่าเซ็กส์เป็นเพียงองค์ประกอบในการเล่าเรื่องก็ว่าได้ (แต่หลังๆ มานี้ก็คาบเกี่ยวทับเส้นกันหนักมาก) นอกจากนี้ผมคิดว่าหลายๆ ครั้ง Hentai Manga มันมีการเล่าเรื่องกึ่งเชิงการทดลองสูงมาก ว่าจะสามารถผลักประเด็นต่างๆ ที่สามารถจินตนาการถึงได้ ไปได้ไกลเพียงใด โดยเฉพาะงานมังหงะส่วนบุคคล ที่วาดขึ้นเองนั้น หลายครั้งเปิดพรมแดนของประเด็นการเล่าเรื่องแบบใหม่ๆ จนสุดท้ายกลายเป็นกระแสฮิต และคนแห่กันมาผลิตตามก็มี

คำว่า Hentai นี้จริงๆ ไม่ได้เริ่มเรียกโดยคนญี่ปุ่นนะครับ คำว่า Hentai นี้เป็นคำเรียกหมวดที่คนตะวันตกใช้เรียกการ์ตูนโป๊ของญี่ปุ่นมากกว่า ฉะนั้นแม้ว่าคำว่า Hentai จะแปลตรงๆ ตัวว่าวิตถาร (Pervert) แต่การใช้คำนี้ในกรณีนี้ก็ดูจะไม่ได้มีความหมายในแง่ลบอะไรมากมาย (อย่างน้อยๆ ก็ในระยะหลังมากนี้) แต่เป็นเหมือนคำกลางๆ ไว้เรียกประเภทของการ์ตูน/มังหงะลักษณะนี้มากกว่า และแน่นอนครับว่าภายในตัว Hentai Manga เอง ก็มีหมวด/ประเภทต่างๆ แยกย่อยลงไปอีกมากมาย จนเหลือจะจินตนาการเลยทีเดียว

แม้ Hentai Manga จะมีที่ทางของมันชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเสมือนข้อจำกัด หรือกระทั่งความท้าทายในการคิดและเขียนมังหงะสายโป๊ของญี่ปุ่นนี้ ก็คือกฎหมายว่าด้วยการแพร่ภาพการมีเพศสัมพันธุ์กันในสื่อของญี่ปุ่น คือ เอาเข้าจริงๆ แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอุตสาหกรรมสื่อโป๊เยอะและใหญ่ที่สุดของโลก แต่กฎหมายเขาก็ไม่ได้อนุญาตให้มีการเผยแพร่ภาพการร่วมเพศกันได้ รวมถึงอวัยวะเพศแบบตรงๆ ชัดๆ ด้วย เพราะฉะนั้นหนังโป๊ญี่ปุ่นเลยต้องมีการเซ็นเซอร์ (หนังชนิด ‘อันเซ็นฯ’ มักจะผลิตนอกญี่ปุ่น) เพราะเมื่อมันมีม่านเซ็นเซอร์แล้ว ทางกฎหมายเขาก็จะบอกได้ว่า “เราไม่รู้จริงๆ หรอกว่าหลังม่านเซ็นเซอร์นั้นมันคืออะไร หรือเกิดอะไรขึ้น” ไม่ว่ามันจะบางแสนบางปานใดก็ตามที ซึ่งมันก็เกิดจากฝั่งผู้ตีความกฎหมายเองก็เข้าใจดีถึงความสำคัญของการมีอยู่ของอุตสาหกรรมนี้ ทั้งในแง่สังคมและในทางเศรษฐกิจ ว่ามันเป็นทั้งแหล่งเงิน และเป็นแหล่งระบายความอัดอั้นทางเพศ หรือความเครียดต่างๆ  สื่อโป๊มันก็เลยทำงานในพื้นที่สีเทาๆ แบบนี้ ซึ่งนั่นก็รวมไปถึง Hentai manga/anime ด้วย

ตัวอย่างการเซ็นเซอร์อวัยวะเพศในมังหงะแบบที่ 1: ด้วยวัตถุ

ตัวอย่างการเซ็นเซอร์อวัยวะเพศในมังหงะแบบที่ 2: ด้วยช่องคำพูด เส้นเอฟเฟ็คต่างๆ หรือการถมขาว

ตัวอย่างการเซ็นเซอร์อวัยวะเพศในมังหงะแบบที่ 3: ด้วยหมอกศีลธรรม หรือแสงแวบวาบ

อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเป็นมังหงะ เป็นพรมแดนของการ สรรสร้างภาพตามพลังจินตนาการ ของตนอย่างเต็มที่ มันก็เลยนำมาซึ่งกลวิธีการเล่าเรื่องที่เป็นไปได้มากกว่าหนังโป๊คนแสดงทั่วๆ ไป และสิ่งนี้เองนี่แหละครับที่ทำให้มันเกิดการสรรสร้างสารพัดวิธีขึ้นมาเพื่อท้าทายกับอุปสรรค์สำคัญทางกฎหมายที่ว่า อย่างการตีความว่า อะไรคือนับเป็นอวัยวะเพศ, อะไรคือการร่วมเพศ, การร่วมเพศแบบไหนนับว่าเข้าข่ายข้อห้ามในทางกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งมันจะนำไปสู่สารพัดหมวดของ Hentai Manga ที่ในที่สุดแล้วมันนำมาซึ่งคำถามสำคัญรวบยอดคำถามหนึ่งก่อนว่า “ทำไมการเห็นเครื่องเพศจึงต้องเป็นเรื่องต้องห้าม?”

หากจะพูดถึง ‘ต้นตอ’ ที่ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องต้องห้าม คงต้องเป็นฝั่งโลกตะวันตก นั่นคือวัฒนธรรมแบบคาธอลิกและวิคตอเรียน ที่กระจายไปทั่วโลกในยุคล่าอาณานิคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถึงกลางศตวรรษที่ 19 ที่การเห็นอวัยวะเพศเป็นเรื่องผิดบาปเลวร้าย เพราะด้วยสำนึกคิดของโลกตะวันตกในยุคกลางนั้น คนที่ไม่มีเสื้อผ้าใส่ คือลักษณะของพวกคนบาปที่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากพระผู้เป็นเจ้า (the damned) ในขณะที่คนมีเสื้อผ้าใส่ คือคนที่ได้รับการปกป้องพระผู้เป็นเจ้า (the saved)

ดังที่เราจะเห็นได้ว่ารูปปั้นหรือภาพวาดในยุคกรีกโบราณ ยาวยันมาถึงช่วงต้นยุคกลางนั้น การเห็นอวัยวะเพศเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมาก อย่างรูปปั้นเดวิดเองก็ยืนโชว์จังก้า แต่ในช่วง ค.ศ. 1644 – 1857 ในยุคของพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 10 (Pope Innocent X) ไปจนถึงพระสันตะปาปาปิอุสที่ 9 (Pope Pius IX) ก็ได้กระทำการ ‘ชำระอวัยวะเพศ’ ทั่ววาติกัน โดยเฉพาะในยุคของอีตาปิอุส ที่สร้างบาดแผลให้กับเครื่องเพศหนักหน่วงสุด ด้วยการเอาใบไม้มาปิดแทน ซึ่งจะมองว่าเป็นการเซ็นเซอร์แบบเอาของมาบังซึ่งๆ หน้ายุคแรกๆ ก็คงว่าได้ และวิธีคิดนี้มันก็สืบทอดยาวมาจนบัดนี้

รูปปั้นเดวิด (ขวา) vs หนึ่งในรูปปั้นในวาติกันที่โดนกระเทาะอวัยวะเพศออกแล้วปิดด้วยใบไม้ (ซ้าย)

สรุปมาให้ฟังเสียยืดยาว เพื่อจะบอกแค่ว่า คำถามที่ผมคิดว่า Hentai Manga มันถามกับสังคม และพยายามจะท้าทายอย่างมากเสมอมา ก็คือ ทำไมตอนนี้เราถึงยังจะต้องมาปิดบังเครื่องเพศกันอยู่ ทั้งที่ไอ้ความเชื่อเรื่อง The Damned and The Saved ก็ไม่ได้มีพลังแล้ว แต่คุณค่าในฐานะมนุษย์ต่างหากที่เป็นใหญ่? หรือหากไปไกลกว่านั้น “การเห็นซึ่งอวัยวะเพศโดยตัวมันเองเป็นเรื่องผิดได้อย่างไรในทางเหตุผล?”

ในปัจจุบันนี้ ตามพลวัตรทางประวัติศาสตร์ ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าความเชื่อของมนุษย์นั้นสามารถแตกต่างหลากหลายได้ และการอาศัยกรอบความเชื่อแบบใดแบบหนึ่ง มากำหนดให้คนอื่นๆ ทั้งหมดเห็นด้วยตามนั้นย่อมเป็นวิธีคิดที่ผิด ทั้งในทางหลักการประชาธิปไตยและตามหลักสิทธิมนุษยชน และในตอนนี้เอง กระทั่งในประเทศตะวันตกที่เป็นต้นตอของรากฐานความคิดอันเป็นข้อห้ามเหล่านี้เอง ก็ได้ถอดถอนข้อห้ามเหล่านี้ออกไปแล้ว อย่างภาพยนตร์โป๊ของตะวันตกเองก็ไม่ได้มีการเซ็นเซอร์อีกต่อไป หรือภาพยนตร์กระแสหลักหรือซีรี่ส์ที่ได้เรตสำหรับผู้ใหญ่เอง ก็มีฉากที่บ่อยครั้งเราได้เห็นอวัยวะเพศ ไม่รวมไปถึงการเริ่มออกกฎหมายให้เปลือยกายได้ในที่สาธารณะในหลายประเทศทางสแกนดิเนเวีย เพราะเป็นสิทธิ ไปจนถึงพวกนู้ดบีชที่มีมานานแล้ว

เช่นนั้นแล้ว ไยประเทศตะวันออก ที่เอาเข้าจริงๆ เป็นเพียงผู้รับ/นำเข้า วัฒนธรรมเสียด้วยซ้ำ กลับยังคงจมปลักอยู่กับข้อห้ามนั้น ทั้งการเห็นอวัยวะเพศโดยตัวมันเองจึงไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมทางวัฒนธรรมใดๆ เลย (ไม่ต้องนับว่าประเทศญี่ปุ่นเอง ก็มีวัฒนธรรมการแช่ออนเซ็นอยู่แล้ว ที่มีทั้งออนเซ็นแบบแยกเพศ และแบบรวมเพศ) ดังนั้น “ทำไมจึงยังต้องห้าม” ผมคิดว่านี่คือคำถามระดับแรกที่ Hentai Manga มันตั้งขึ้นมา และพยายามหากลไกแบบต่างๆ มาต่อสู้ด้วย (ซึ่งจะพูดถึงในตอนต่อไป)

คำถามในระดับต่อมานั้น เป็นคำถามที่ดึงเอากรอบวิธีคิดเรื่องวัฒนธรรม และพลวัตรทางประวัติศาสตร์ออกทั้งหมด แล้วกลับไปสู่รากของความเป็นเหตุเป็นผลแต่เริ่มแรก ว่า การเห็นอวัยวะเพศโดยตัวมันเอง มันผิดอย่างไร หากมันผิด ที่เราอาบน้ำทุกวัน แตะต้องส่วนนั้นของตัวเองอยู่ทุกวันนี้ มันไม่นับว่าผิดหรือ เพราะเราก็เห็นมันตลอดอยู่ทุกวันจนเป็นปกติ

หลายคนอาจจะเถียงว่าก็นั่นมันในพื้นที่ส่วนบุคคล ไม่ใช่ในพื้นที่รโหฐาน แต่รโหฐานแล้วยังไง? เราก็เห็นอวัยวะต่างๆ ของกันและกันตลอดเวลาในที่รโหฐานอยู่แล้วมิใช่หรือ แขนขา ระยางค์ทั้งห้านั้น ขณะที่อวัยวะเพศมันก็เป็นเพียงอวัยวะหนึ่งเท่านั้น แล้วทำไมเราจึงต้องมายัดเยียดความไม่ปกติให้กับอะไรที่มันปกติมากๆ อย่างอวัยวะเพศด้วย

ผมคิดว่าประเด็นนี้ Hentai Manga นั้นมีการถามท้ากลับอย่างมีชั้นเชิงมากๆ ด้วยการสร้างเรื่องราวถามกลับว่า แบบไหนบ้างที่นับและไม่นับว่าเป็นเครื่องเพศ และมันยังแสดงให้เห็นถึงความ absurd หรือวิปลาศ ของวิธีคิดเรื่องการจะมันปิดบังหรือสร้างความผิดปกติ (abnormalization) ให้กับเครื่องเพศด้วย

ซึ่งวิธีการจะเป็นอย่างไร ก็โปรดติดตามตอนถัดไปนะครับ สำหรับกลวิธีในการ “สร้างภาพแทนของเครื่องเพศ” หรือการถามเข้าชนกับ “ข้อต้องห้ามสารพัดแบบ” ของการร่วมเพศ ที่ผมคิดว่ามันเป็นการตั้งคำถามชนิดเข้าถึงแก่นของตัวตนของปัญหา หรือชนเพดานของความเป็นไปได้กันเลยทีเดียว

แต่ในรอบนี้ ผมขอทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ กับโจทย์ที่มังหงะมอบให้กับเรา ว่าทำไมเราเห็นแขน เห็นขาตัวเองหรือใครในที่ไหนๆ ก็ล้วนเป็นเรื่องไม่มีปัญหา เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่จะเป็นจะตายกันทันทีหากมีสื่อโชว์ดุ้นโชว์แคมขึ้นมา ‘ความไม่เหมาะสม’ ที่เรามักจะอ้างมันมาจากฐานทางเหตุผลใด? มีไหม? ถ้าไม่มี เป็นแค่อคติส่วนบุคคลของเราล้วนๆ ก็อาจจะต้องกลับมาสำรวจที่ตัวเราเองแทนแล้วหรือเปล่า ว่า เป็นตัวเราเองหรือเปล่าที่ถูกยัดอยู่ในกรอบของความไม่เป็นเหตุเป็นผล แต่พยายามจับยัดความไม่เป็นเหตุเป็นผลนั้นให้กับคนอื่นไปทั่วด้วย?

ขอให้สนุกกับมังหงะครับ

Tags: , , ,