อาจจะไม่เกินจริงเท่าไร หากเปรียบเทคโนโลยีเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย และนับวันอวัยวะนี้ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อสิ่งที่เรียกว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หรือ ‘AI’ (Artificial Intelligence) ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อตอบปัญหาในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เรื่องเรียน เรื่องงาน ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของความรัก

เหล่านี้ คือประเด็นตั้งต้นในการลงมือรังสรรค์ผลงานภาพยนตร์ลำดับล่าสุดของผู้กำกับแนวหน้าของประเทศไทย ‘มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล’ ที่มีชื่อแปลกแหวกแนวอย่าง ‘MONDO รัก โพสต์ ลบ ลืม’ 

แน่นอนว่าการกลับมาครั้งทุกครั้งของมะเดี่ยวมีสิ่งใหม่ๆ ให้ได้สนใจกันเสมอ เพราะแม้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจะคงกลิ่นอายหนังรักโรแมนติก แต่สิ่งที่ถูกเติมแต่งเข้ามาคือแนวความเป็นไซไฟ (Sci-Fi) ที่ห่างหายไปจากจอภาพยนตร์มานานพอสมควร

และอีกหนึ่งประเด็นสำคัญใน MONDO รัก โพสต์ ลบ ลืม คือการได้นักแสดงรุ่นใหม่ร่วมสบทบมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นมี  ‘มีน-พีรวิช อรรถชิตสถาพร’ นักแสดงหนุ่มดาวรุ่ง ผู้สร้างชื่อจากซีรีส์วายเรื่อง บังเอิญรัก Love By Chance

ในระหว่างที่ MONDO กำลังเข้าฉาย เราชวนทั้ง มะเดี่ยว และ มีน มาร่วมสนทนาว่าด้วยเรื่อง ‘ชีวิต ความรัก และ AI’ ที่ถูกเติมแต่งผ่านประสบการณ์และความทรงจำ จนกลายมาเป็นตัวตนเช่นทุกวันนี้

ก่อนหน้าที่จะได้ทำงานร่วมกันในภาพยนตร์เรื่อง MONDO ทั้งสองคนรู้จักกันได้อย่างไร 

มะเดี่ยว: เรารู้จักมีนผ่านผลงานซีรีส์วายต่างๆ ที่น้องเล่น กระทั่งเราได้เจอกับผู้จัดการส่วนตัวของน้องในกองถ่ายซีรีส์เรื่อง ทริอาช (Triage) เขาก็ฝากฝังเราว่า ถ้ามีงานไหนน่าสนใจชวนน้องไปเล่นได้นะ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะชวนน้องไปเล่นเรื่องอะไรดี (หัวเราะ) 

พอถึงตอนที่บทเรื่อง MONDO เสร็จ เรากำลังตามหาคนที่เหมาะสมจะมารับบท ‘หวัง’ เศรษฐีหนุ่มผู้ดูมีสง่าราศรี เก่งกาจเชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยี มีความทันสมัยแต่ก็ไร้เดียงสาต่อโลก เราที่สนใจในความสามารถของมีนเป็นทุนเดิม เลยชวนน้องมาแคสต์บทนี้

มีน:  คือพี่มะเดี่ยวเขาบินมาจากเชียงใหม่เพื่อมาชวนเรากินข้าว มาถามไถ่ชีวิตกัน ตอนนั้นบทภาพยนตร์ MONDO ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลยด้วยซ้ำ จากวันที่ได้กินข้าวกัน เวลาก็ล่วงเลยไป จนพี่มะเดี่ยวติดต่อมาอีกครั้งเพื่อชวนเรามาอ่านบทที่ออฟฟิศสหมงคลฟิล์ม นั่นทำให้เรารู้สึกดีใจที่จะได้ร่วมงานกับผู้กำกับที่เราชื่นชอบ ผ่านบทที่ท้าทาย

รู้สึกห่างหายไปจากการกำกับภาพยนตร์ไหม เพราะ MONDO ถือเป็นผลงานของคุณ (มะเดี่ยว) ในรอบหลายปี 

มะเดี่ยว:  ไม่นานนะแค่ 4 ปี ดูอย่างพี่เป็นเอก รัตนเรือง หรือปรัชญา ปิ่นแก้ว เขายังหายทีเป็นสิบๆ ปี (หัวเราะ) คืองานภาพยนตร์มีความพิเศษ ระหว่างนั้นเราอาจจะไปทำเบื้องหลัง ไปกำกับซีรีส์เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ แต่ถ้าเป็นภาพยนตร์จะคิดจะทำต้องคิดหนัก ทำออกมาแล้วต้องดี ต้องเป็นที่จดจำ เพราะนี่จะอยู่ในลิสต์ผลงานคุณไปตลอดชีวิต เราเชื่อว่าผู้กำกับหลายคนคิดแบบเดียวกัน  

เหตุใดจึงเลือกเทคโนโลยี AI เป็นคอนเซปต์ขับเคลื่อนเรื่องราวใน MONDO   

มะเดี่ยว: คือชีวิตประจำวันของเราถูกขับเคลื่อนด้วยอัลกอริทึมโดยไม่รู้ตัว จริงอยู่ว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยให้สะดวกสบาย แต่ก็ชี้นำความคิดเราว่าควรไปทางไหน ยกตัวอย่างคุณโพสต์สเตตัสลงเฟซบุ๊ก ถ้ามีคนมากดไลก์คุณก็อาจโพสต์แบบเดิมอีกเรื่อยๆ จนเกิดความรู้สึกเอนเอียงอะไรบางอย่าง ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของคนทุกวันนี้อาจจะเปราะบาง เพราะเรามีโอกาสได้เจอคนใหม่ๆ ในชีวิตง่ายขึ้นเพราะโซเชียลมีเดีย จนเกิดคำถามว่าความสัมพันธ์แบบออแกนิกยังจำเป็นจริงๆ อยู่หรือเปล่า นี่คือประเด็นหลักที่เราอยากเล่าใน MONDO

หมายความว่าพวกคุณต้องศึกษาเรื่อง AI กันพอสมควรเพื่อทำงานนี้

มะเดี่ยว: โดยพื้นฐานเราเรียนเรื่องการเขียนโปรแกรมมาก่อน และเคยอยู่ในบริษัทที่พัฒนาแชตบอตสำหรับซื้อขายสินค้า ไอเดียบทภาพยนตร์มันเลยเตลิดไปไกลจนเกิดมาเป็นคอนเซปต์ของ ‘เมบอต’ ที่เป็นเอไอในเรื่อง MONDO 

ตอนที่เขียนบทสักประมาณปี 2017-2018 เราก็มีความกังวลว่า คนจะเข้าใจประเด็นนี้มากน้อยแค่ไหน แต่เป็นความโชคดีและประจวบเหมาะที่กระแส ChatGPT หรือ Bard มาในปีนี้ ทำให้คนทั่วไปรู้จักเอไอมากขึ้น

มีน: ก่อนหน้านั้นผมพอจะศึกษาเรื่องพวกนี้มาอยู่บ้าง แต่ตอนทำความเข้าใจกับบท ผมเลือกจินตนาการหน้าตาของเมบอตว่าน่าจะคล้ายคลึงโปรแกรม Sim Simi (หัวเราะลั่น) จากนั้นก็มาคิดว่า ไอโปรแกรมนี้จะพาเราไปไกลแค่ไหน โดยมีพี่มะเดี่ยวอธิบายว่าเมบอตเกิดจากอะไร ทำงานอย่างไร เพราะในเรื่องเราต้องเข้าใจและอธิบายตัวเมบอตได้ 

คนดูมักจะบอกว่าตัวอย่างหนังของมะเดี่ยวส่วนใหญ่ไม่ค่อยดึงดูด และดูเหมือนว่ากระแสนี้จะเกิดกับ MONDO เช่นกัน

มะเดี่ยว: ไม่ใช่อะไรหรอก คือซีจีเรายังทำไม่เสร็จ (หัวเราะ) เอาจริงหนังเราเป็นแบบนี้ทุกเรื่องนะ เพราะเราไม่อยากสปอยล์เนื้อหาผ่านตัวอย่าง แต่อยากให้คนดูได้เข้าไปดูกับตาตนเองในโรง เคยมีความที่อยากปล่อยแค่โปสเตอร์เพื่อโปรโมตหนังด้วยซ้ำ  

แต่เท่าที่พูดได้คือ MONDO เป็นชื่อโปรเจกต์โลกเสมือนที่ตัวละครหวังเป็นคนสร้าง เหมือนที่มาร์ก ซักเคอเบิร์ก (Mark Zuckerberg) ทำ METAVERSE ที่ใครอยากจะเป็นอะไรก็เป็นได้ แต่ MONDO เป็นการนำทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากจะจดจำมาสร้างเป็นโลกเสมือน

มีน: ถ้าใครได้ดูตัวอย่างจะเกิดคำถามว่า ทำไมไม่ขายเลยวะ ก็หนังรักธรรมดาทั่วไป แต่ในตัวอย่างบางซีนเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฉากนั้นเราถ่ายบนกรีนสกรีน เป็นความท้าทายเพราะต้องเล่นคู่กับซีจีหลายฉาก 

ผมต้องจำบท 3 หน้ากระดาษ เพื่อมาแสดงฉากที่ต้องพรีเซนต์โปรเจกต์ ผมก็ถามว่าพี่มะเดี่ยว ตรงนี้เอไอมันจะหน้าตาเป็นแบบไหน พี่เขาก็ตอบว่ายังไม่รู้ ยังไม่ได้คิด ก็ต้องจินตนาการเล่นกับกรีนสกรีนไปจนจบ

มะเดี่ยว: แต่คุณก็ทำได้ดีนะ

(หัวเราะพร้อมกัน)

ขณะเดียวกัน MONDO ถือเป็นการปลุกกระแสหนังไทยแนวไซไฟที่ห่างหายไปนานพอสมควร 

มะเดี่ยว:  คนมักจะบอกว่าหนังแนวไซไฟเป็นของแสลงของหนังไทยมาโดยตลอด แต่กลับกันเรามองว่าแค่โซเชียลฯ ที่ทุกคนเล่นอยู่ทุกวันก็เป็นเครื่องมือไซไฟอย่างหนึ่ง และเราก็สนใจในหนังแนวไซไฟเป็นทุนเดิม อย่างซีรีส์เรื่อง Black Mirror 

ซึ่งในอนาคตก็อยากที่จะผลักดันขอบเขตหนังไทยให้กว้างขึ้นกว่านี้

มีน: สมศรี 422R หรือ AI Love You ก็เป็นตัวอย่างหนังแนวไซไฟไทยที่ดีนะ 

ผมว่าพอเราพูดกันถึงคำว่าไซไฟ คนมักจะนึกถึงภาพเครื่องบิน รถบิน หุ่นยนต์ แต่จริงๆ ไซไฟ ก็คือเรื่อง ‘วิทยาศาสตร์’ เพราะสุดท้ายแก่นของเรื่องก็ยังดำเนินด้วย ‘คน’ โดยมีไซไฟเป็นแค่ส่วนประกอบเพื่อสร้างสีสันหรือคาดคะเนสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

บรรยากาศการทำงานในกองถ่ายเป็นอย่างไร เพราะนี่เป็นหนังที่รวบรวมนักแสดงมากฝีมือต่างวัยเข้าด้วยกัน  

มะเดี่ยว: การทำงานที่สนุกและค่อนข้างผ่อนคลาย เพราะเราเตรียมมาแล้วว่าจะต้องทำอะไร นักแสดงก็รู้ว่าจะต้องเล่นแบบไหน อย่างพิช (วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล) ก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว หรือพี่ต๊งเหน่ง (รัดเกล้า อามระดิษ) เวลาอยู่หลังกล้องเขาก็จะมาคอยซับเหงื่อดูแลน้อง แต่ละวันค่อนข้างผ่านไปไว ทว่าก็ได้งานกลับมาเยอะนะ

มีน: ภาพยนตร์เรื่องนี้รวมคนหลายวัยเข้าด้วยกัน แต่ฝั่งที่มีพลังเยอะกลับเป็นบรรดานักแสดงรุ่นใหญ่อย่างพี่ต๊งเหน่ง หรือพี่แอนนา (แอนนา ชวนชื่น) ที่ทำตัวร่าเริงพกล้องมาถ่าย vlog แทบทุกวัน นั่นทำให้เราทำงานได้อย่างสบายใจ 

และอะไรที่สงสัย แล้วเราไม่เชื่อก็จะไม่เล่น แต่พี่มะเดี่ยวก็จะคอยช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา ให้คำตอบว่าเพราะอะไรต้องเล่นแบบนั้น ไม่ใช่ว่ามึงเล่นๆ ให้จบไปเถอะ

มี culture shock หนึ่งตอนไปกองครั้งแรก คือทุกคนจะไม่มาดูงานผ่านจอมอนิเตอร์ แต่จะมีแทบเล็ตส่วนตัวไว้คอยดูแทน ผมถึงกับอุทานในใจว่า เ*ี้ย ไฮเทคกันจังวะ (หัวเราะ)

ในระหว่างการทำงานภาพยนตร์เรื่องนี้พวกคุณได้ค้นพบหรือได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยลองบ้างหรือเปล่า

มะเดี่ยว: ทุกเรื่องที่เคยกำกับมาเราได้พบสิ่งใหม่ตลอดนะ อย่างใน MONDO เราค้นพบนักแสดงรุ่นถัดไปที่ผ่านการเป็นนักแสดงหน้าใหม่ และกำลังจะกลายเป็นอนาคตของวงการภาพยนตร์ไทย เด็กเหล่านี้ฝีมือดี มีวินัย มีความตั้งใจ เรารู้สึกได้ว่าพวกเขามาทำงานเพราะต้องการที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ สิ่งที่จะทำให้เขาพัฒนา ขณะเดียวกันเราก็ได้รู้สิ่งใหม่ๆ จากพวกเขาเช่นกัน ซึ่งเป็นประเด็นบทสนทนาที่เกิดขึ้นบ่อยในกองถ่ายนี้

มีน: ของผมคงเป็นเรื่องการแสดง ที่ถึงจะเป็นหนังไซไฟแต่ผมกลับได้ใช้ ‘ความเป็นมนุษย์’ ในการทำการบ้านต่อคาแรกเตอร์ ‘หวัง’ ค่อนข้างเยอะ ตัวละครนี้มีหลายสิ่งที่เหมือนมนุษย์ปกติทั่วไป ผิดกับภาพจำตอนแรกที่ปรากฏตัว ขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้ความเป็นมืออาชีพจากทุกๆ คนในกองถ่าย

มะเดี่ยว: ความเป็นมนุษย์คือจุดที่เราชอบ เพราะหนังไม่ได้แค่เล่าว่าตัวละครจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่สิ่งที่ตั้งใจคือทำให้คนดูเห็นการพัฒนาของตัวละครนั้น และแต่ละฉากเชื่อมโยงกับคุณแง่ไหน 

ปัจจุบัน AI ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของมนุษย์แทบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่ง ‘ความรัก’ ดังที่มหาเศรษฐีอย่าง อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เคยบอกว่าอนาคตเทคโนโลยีดังกล่าวจะครอบครองโลก สำหรับพวกคุณมีความเห็นอย่างไรต่อประเด็นนี้

มะเดี่ยว: เราว่าอะไรที่เป็น Fact เป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะในเชิงธุรกิจหรือการทำงาน ล้วนมี AI เข้ามาช่วยตัดสินใจ แม้กระทั่งเราที่เป็นคนเขียนบทภาพยนตร์ก็ตาม คิดสภาพทีมงานมานั่งสุมหัวกันใน Writer Room นั่งเป็นวันก็คิดพล็อตไม่ออก แต่พอป้อนคำถามนี้ให้ AI แปปเดียวก็ได้คำตอบ จากนั้นเราก็มีหน้าที่คอมเมนต์คำตอบของมันอีกที นั่นทำให้เรามีเวลาเหลือจากการทำงานมากพอที่จะเติมเต็มความเป็น ‘มนุษย์’ ไปเป็นคนรักที่ดีต่อแฟน เป็นลูกที่ดีต่อพ่อแม่ หรือเป็นเพื่อนที่ดีต่อเพื่อน 

ส่วนในเรื่องของความรักคุณต้องตอบให้ได้ก่อนว่า คุณอยากจะมีชีวิตรักเป็นแบบไหน ต้องการผัวรวย ต้องการคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า AI ก็อาจช่วยในการหาคำตอบได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าคุณยังบูชาความโรแมนซ์แบบเดิม คือรักโดยไม่ต้องมีข้อแม้ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะผิดแปลกอะไร เพราะสุดท้าย ‘ความรู้สึก’ ก็ยังเป็นเหตุผลสำคัญในการตัดสินใจในความรัก

ทุกวันนี้ AI เป็น life languages model คอยตอบเฉพาะสิ่งที่ตัวมันได้โปรแกรมมา ทำให้มีข้อจำกัดอีกมากมาย ผ่านไปสัก 20 คำถามมันอาจจะรวนแล้วก็ได้ หรืออาจจะตอบคำถามที่ผิดก็มี ฉะนั้น AI จึงไม่อาจทำให้เกิดสงคราม เกิดการยึดครองโลก และสุดท้ายมนุษย์ก็จะยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่ปกครองมนุษย์ด้วยกัน และอีกสิ่งที่แตกต่างคือ ‘ความเมตตา’ ที่ปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะสิ่งนี้ต้องรู้จักการโอบอ้อมผู้อื่น ผ่านความเข้าใจที่ลึกซึ้ง  

มีน: ในมุมของผมซึ่งโตมาในยุคเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี ทำให้เชื่อว่าสุดท้ายเทคโนโลยีน่าจะมาเป็นผู้ช่วยที่ทำให้มนุษย์ไปไกลได้กว่าเดิม และสุดท้ายมนุษย์จะมีจุดยืนมากพอที่จะไม่ถูกเทคโนโลยีครอบงำหรือชี้นิ้วไปทางใดทางหนึ่ง แต่ระหว่างทางมนุษย์อาจจะโดนเทคโนโลยีมา disrupt แย่งงาน ฉะนั้น สิ่งที่เราทำได้คือพึงระลึกว่าเราคือใคร และเราต้องการอะไรจากเทคโนโลยี เพื่อไม่ให้ถูกครอบงำ 100% 

ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปอยู่ในโลกที่เทคโนโลยียังไม่เฟื่องฟูคุณจะทำไหม

มีน: ถ้าย้อนเวลากลับไปแล้วผมต้องแกะสายหูฟังที่พันรกรุกรังแทนที่หูฟังบลูทูธ ผมคงไม่เอา (หัวเราะ) อาจจะด้วยนิสัยของผมเองนะ ในเมื่อเราสามารถเลือกสิ่งที่เร็วกว่า ง่ายกว่า แต่ก็คงมีบางโมเมนต์ที่เราใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้จนรู้สึกเบื่อ อยากหยุดพักกลับไปใช้ชีวิตแบบ Y2K หรือ 1980s แต่เชื่อผมเถอะว่าเราอยู่กับมันวันหนึ่ง อาทิตย์หนึ่ง คุณก็ต้องคิดถึงมันแล้วล่ะ

ผมว่าสุดท้ายเราไม่ได้อยากกลับไปหรอก เราแค่คิดถึงโมเมนต์ตอนนั้นมากกว่า 

มะเดี่ยว: ในมุมมองคนที่โตมาในยุคถ่ายหนังด้วยฟิล์ม ถ้าถามว่าต้องกลับไปถ่ายด้วยเทคนิคฟิล์มอีก กูก็ไม่เอานะ (หัวเราะ) เพราะกว่าจะรู้ว่าที่ถ่ายมาใช้ไม่ได้ก็สายไปแล้ว แต่นั่นก็มีข้อดีนะ เพราะแบบนั้นทำให้เรารู้จักฝึกวางแผนล่วงหน้า วันนี้ต้องใช้ฟิล์มถ่ายกี่ม้วน ต้องถ่ายกี่ช็อต ถ้าหน้างานนักแสดงเล่นไม่ได้เอาแค่ไหนพอ ต่างจากปัจจุบันที่น้องๆ ในวงการทำหนังเลือกถ่ายมาเผื่อเยอะแยะ ไม่เตรียมห่าอะไรเลย จริงอยู่ที่คุณถ่ายเก็บเป็นไฟล์ดิจิทัลไม่ได้เปลืองพื้นที่เก็บข้อมูล แต่ตัวนักแสดงที่เล่นหลายเทคเขาย่อมเกิดอาการล้า จนสุดท้ายไม่สามารถแสดงสิ่งที่คุณอยากให้สื่อออกมาได้เต็มที่หรอก

นั่นแสดงให้เห็นว่าเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าแต่ความอดทนของมนุษย์กลับลดลง

มะเดี่ยว: เด็กยุคนี้เขาก็จะบอกว่าแล้วทำไมต้องทน ซึ่งเราก็ตอบไม่ได้เต็มปาก แต่การอดทนอาจจะช่วยให้เรามีวุฒิภาวะมากพอที่จะผ่านเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สามารถรับมือกับปัญหาที่ไม่มีคำตอบ เพราะชีวิตเราไม่สามารถสมหวังไปได้เสียทุกอย่าง 

มีน:  ผมเองก็ไม่ค่อยเชื่อในเรื่องการอดทนรอสักเท่าไรนะ โอเค เราสามารถอดทนรอได้ แต่การอดทนนั้นจะต้องมีคำตอบว่าเราอดทนรอไปเพื่ออะไร ถ้ามีทางที่ดีกว่าเราก็คงเลือกทางนั้น แต่ข้อเสียคือทำให้เราเป็นคนใจร้อนขึ้น ยิ่งเราต้องเห็นคนอื่นเติบโตขึ้น ยิ่งทำให้เรารู้สึกอยากแข่งขัน  

มะเดี่ยว: เหมือนที่อดทนไล่ลุงคนหนึ่งมา 9 ปี

(หัวเราะพร้อมกัน)

มีน: นี่คือความจริงนะ โซเชียลมีเดียทำให้เราเห็นคนอื่นมากขึ้น แต่กลับเห็นตัวเองน้อยลง

มะเดี่ยว: ใช่ มีน้องๆ นักแสดงมักจะมาปรึกษาเราเสมอว่า พี่ทำไงดียอดฟอลไม่ขึ้นรู้สึกเครียดจังเลย เราก็ได้แต่ปลอบว่ากูไม่ใช่มึงน่ะนะ โลกมันเป็นไปแบบนั้น ถ้าสิ่งนั้นสำคัญจริง มึงก็ไปหาวิธีทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเองพอใจ 

มีน: เพราะสุดท้ายความสามารถของคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับยอดฟอลบนไอจี จริงอยู่ที่ตัวเลขดังกล่าวสำคัญต่อระบบทุนนิยม ที่ทำให้คุณมีโอกาสได้งานมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามคนจะจดจำคุณจากฝีมือมากกว่า

มะเดี่ยว: เราไม่ได้เลือกมีนหรือนักแสดงคนอื่นมาเล่นเรื่อง MONDO เพราะยอดฟอลบนโซเชียลฯ แต่เราเลือกว่าคาแรกเตอร์เขาเหมาะกับบทไหม เราเคยเจอบางค่ายเลือกคัดนักแสดงโดยวัดเกณฑ์จาก social number ซึ่งเรามองว่าบ้ามาก กลายเป็นว่านักแสดงคนนั้นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวเลขนั้นมา แล้วเขาจะเติบโตมาเป็นคนอย่างไร 

เช่นนั้นคุณ (มีน) มีวิธีจัดการตัวตนบนโลกโซเชียลฯ อย่างไร 

มีน: ผมอ่านคอมเมนต์บนโซเชียลฯ นะ ผมว่าไม่ใช่เรื่องแย่อะไร คอมเมนต์ที่ด่าเราแต่ช่วยให้เราพัฒนาได้ เราก็นำไปปรับปรุง แต่ถ้าเจอคอมเมนต์ที่รู้สึกไม่ใช่ มาด่าเราด้วยอคติไร้สาระ เราก็แค่ปล่อยผ่านไม่ไป ถ้ารับมือได้ก็จะมีภูมิต้านทาน 

ผมว่าการเป็น underdog จะทำให้เราดำเนินชีวิตด้วยความสบายใจ ระหว่างทางอาจจะล้มเหลวบ้างก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อไรที่เราทำให้คนดูถูกใจสักครั้ง นั่นหมายถึงโอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จ

ในอนาคตพวกคุณอยากให้มีเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือในด้านใด

มะเดี่ยว: อยากมีเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือด้านสุขภาพ เช่น เจาะเลือดแล้วรู้ทันทีว่ากำลังป่วยเป็นอะไร หรือประตูที่สามารถเอ็กซเรย์ได้ว่าภายในร่างกายมีเชื้อโรคหรือเปล่า เป็นมะเร็งหรือเปล่า เพื่อให้ทั้งตัวเราและคนที่เรารักมีอายุยืนยาว

มีน: ผมคิดถึงเรื่องสุขภาพเหมือนพี่มะเดี่ยวนะ แต่ของผมให้อยากให้มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ไม่ปวดหลัง สามารถเข้าเครื่องเครื่องหนึ่งแล้วสามารถ shock wave รักษาจุดที่ผมต้องการได้ เพราะอาการปวดหลังส่งผลต่ออาชีพนักแสดง ลองนึกตามถ้าตัวละครตัวนั้นสุขภาพดีไม่มีอาการเจ็บป่วย แต่ถ้าเราต้องแบกอาการเจ็บป่วยนี้ระหว่างการแสดง สิ่งที่ถ่ายทอดออกมาก็ทำได้ไม่เต็มที่

Fact Box

  • MONDO รัก โพสต์ ลบ ลืม เป็นหนังรักแนวไซไฟ-คอมดี้ อำนวยการสร้างโดยค่ายสหมงคลฟิล์มฯ และเป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์ลำดับที่ 11 ของ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล นำแสดงโดย พลอย-พลอยไพลิน ตั้งประภาพร, เกรท-สพล อัศวมั่นคง, มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร, พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, ต๊งเหน่ง-รัดเกล้า อามระดิษ, แอนนา ชวนชื่น-เอนก อินทะจันทร์ และ เบสท์-ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ 

  • MONDO รัก โพสต์ ลบ ลืม เล่าเรื่องราวของกลุ่มคนหนุ่มสาว ที่กำลังสับสนและหลงทางในประเด็นความรัก โดยมีเทคโนโลยี AI ที่ชื่อว่า ‘เม-บอต’ (May-Bot) คอยช่วยหาคำตอบ แก้ไขปัญหา และดำเนินเรื่อง โดย

  • MONDO รัก โพสต์ ลบ ลืม ถือเป็นการกลับมากำกับภาพยนตร์ในรอบ 3 ปีของ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล หลังผลงานเรื่องล่าสุดคือ ดิว ไปด้วยกันนะ ในปี 2019 โดยความท้าทายของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการนำเทคโนโลยี CGI ช่วยถ่ายทำในหลายฉากสำคัญ

  • มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร เป็นที่จดจำในบท ติณ จากซีรีส์วายเรื่อง บังเอิญรัก Love By Chance และละคร กรงดอกสร้าย ในบท รณภพ นอกจากนี้ ยังเคยผ่านผลงานการแสดงภาพยนตร์มาก่อนเช่น พี่นาค (2020) และ พี่นาค 2 (2021)

 

Tags: , , , , ,