มีใครที่เหนื่อยจากงานหรือเรียนแล้วเลือก ‘เติมเกย์’ กันบ้าง?

คำถามชวนอมยิ้มที่หลายคนคงแอบยกมือในใจ เพราะสำหรับใครที่อ่านนิยาย LGBTQIA+ อยู่เป็นประจำ คงเข้าใจดีว่า การได้อ่านเรื่องราวที่เรียกรอยยิ้มระหว่างวัน คือหนึ่งในรูปแบบของการเยียวยาตัวเองที่ง่ายที่สุด 

ส่วนคำถามที่ว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น ก็คงต้องตอบว่า เพราะมัน ‘ฟิน’ ยังไงละ

และยิ่งในยุคที่การอ่านนิยายเข้าถึงได้มากขึ้น ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องออกไปร้านหนังสือเพื่อซื้อนิยายอีกต่อไป ยิ่งทำให้ผู้คนเติมความสุขได้ทุกที่ ทุกเวลา เพราะนิยายได้มาอยู่ในแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือของเราแล้ว

The Momentum มีโอกาสสนทนากับผู้พัฒนา Meb ร้านหนังสือออนไลน์ และ readAwrite แพลตฟอร์มอ่านนิยายยอดฮิตอย่าง ไช้-รวิวร มะหะสิทธิ์ และโก๋-กิตติพงษ์ แซ่ลิ้ม คู่หูที่อยากให้คนยังรักการอ่านและคนเขียนยังรักการเขียน เพื่อหาคำตอบที่แท้จริงว่า เพราะเหตุใดกันแน่ที่ทำให้ยุคนี้นิยาย LGBTQIA+ ได้รับความนิยมมาก

ไช้-รวิวร มะหะสิทธิ์ (ซ้าย) / โก๋-กิตติพงษ์ แซ่ลิ้ม (ขวา)

เรื่องราวรัก ‘ไร้ขอบเขต’ เกิดขึ้นที่นี่

ในประเด็นคำถามที่จั่วหัวไว้ข้างต้น รวิวรเล่าย้อนว่า ตั้งแต่ยุคที่ทำ Meb ช่วงปี 2011 นิยายหมวด Boy’s Love ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เนื่องจากในช่วงเวลานั้นนิยาย Boy’s Love ยังถูกสังคมมองว่า เป็น ‘สิ่งต้องห้าม’ ทำให้ร้านหนังสือใหญ่ๆ เลือกที่จะไม่วางขาย ทันทีที่มีช่องทางออนไลน์เกิดขึ้น จึงกลายเป็นพื้นที่ทางเลือกของการแสดงออกทางรสนิยม

“เรามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าพูดถึงนิยาย Boy’s Love หรือ Girl’s Love readAwrite เราดูแลเหมือนนิยายหมวดอื่นๆ นั่นคือสิ่งที่เรารู้สึกว่า ‘เป็นธรรมชาติ’ บางทีกลุ่ม LGBTQIA+ ที่ผมรู้จัก ก็ไม่ได้ต้องการ ‘ความพิเศษ’ เขาต้องการความปกติต่างหาก เขาเดินไปเดินมา ทุกคนเห็นเขาเป็นคนปกติ ซึ่งผมว่า readAwrite มันก็เป็นโทนแบบนั้น” รวิวรเล่า

อย่างไรก็ตาม รวิวรอธิบายว่า readAwrite ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับเฉพาะนิยาย Boy’s Love หรือ Girl’s Love เพียงอย่างเดียว แต่ในแพลตฟอร์มยังมีนิยายอีกหลากหลายหมวดให้คนอ่านได้เลือก

เพราะความตั้งใจจริงในการพัฒนาพื้นที่สำหรับนักอ่านและนักเขียน กิตติพงษ์เล่าว่า ทั้งเขาและรวิวรอยากพัฒนาระบบนิเวศของการอ่านนิยายครบถ้วนสมบูรณ์ มีทั้งธุรกิจปลายน้ำคือ ‘Meb’ ที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งรวมนิยาย E-book และ ‘readAwrite’ เปรียบเสมือน ‘ต้นน้ำ’ ของคอนเทนต์

ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมนิยาย LGBTQIA+ ถึงได้รับความนิยมในแพลตฟอร์มออนไลน์ รวิวรกล่าวว่า เมื่อนานมาแล้วมียุคที่เรียกว่า ‘ยุคหลุมดำ’ เป็นช่วงที่คนทำหนังสือ Boy’s Love ไม่สามารถเผยแพร่ตามพื้นที่สาธารณะ เช่น งานหนังสือหรือการออกบูทนิทรรศการได้ เนื่องจากมีกลุ่มคนที่ ‘ไม่ยอมรับ’ การมีอยู่ของนิยายประเภทนี้และไปรายงานให้เกิดการปิดบูท

จากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก่อให้เกิดความ ‘หวาดกลัว’ ในหมู่คนเขียน พวกเขารู้สึกว่าไม่มีพื้นที่สาธารณะ เพราะมีกลุ่มคนต่อต้านและปฏิเสธพวกเขาอยู่ตลอดเวลา

“จนเวลาผ่านไปคอนเทนต์เหล่านั้นเริ่มหาที่ทางของตัวเองได้ มันเลือกที่อยู่ของมันเอง ไปอยู่ในเว็บไซต์ บนออนไลน์ เพราะคุณอ่านบนโทรศัพท์มือถือ ไม่มีใครมานั่งส่องมือถือของเรา ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าบอกว่า คนเขียนเขียนด้วยใจรัก คนอ่านอ่านด้วยใจรัก ไม่ต้องขอพูดถึง Business Model ขอแค่ได้เผยแพร่ผลงาน มันก็โอเคแล้ว”

ทว่าการได้พื้นที่แสดงออกเพียงอย่างเดียวนั้น ในมุมมองของรวิวรและกิตติพงษ์เห็นตรงกันว่า ‘ไม่เพียงพอ’ เพราะถึงจุดหนึ่งคนเขียนนิยายย่อมต้องการ ‘กำลังใจ’ จากคนอ่านเพื่อตอกย้ำว่า ผลงานของเขาถูกรับรู้และได้รับฟีดแบ็ก

“readAwrite เป็นแพลตฟอร์มแรกๆ ในเมืองไทยที่เสนอแง่มุมตรงนี้คือ การนำเสนอว่าต้องมีช่องทางที่จะ ‘สนับสนุน’ นักเขียน เช่น การบริจาค คือการให้โดยเสน่หา คนอ่านอยากให้เท่าไรก็ได้ จะให้ 5 บาท 10 บาทก็คือกำลังใจอยู่ดี 

“จุดนี้เองทำให้ readAwrite กลายเป็นพื้นที่แห่งใหม่ สำหรับนักเขียนที่ต้องการนำเสนอเรื่องราวความหลากหลายทางเพศ 

“ผมเชื่อว่า ทุกคอนเทนต์มีที่ทางของมัน มันมีกาลเทศะ การที่เราจัดให้ทุกอย่างอยู่ในที่ในทางจะทำให้ทุกอย่างอยู่ได้ ไม่มาตีกัน เหมือนเวลาเราไปร้านอาหารจีน แต่มีอาหารฝรั่งเศสมันก็ไม่ใช่ ดังนั้นเราก็ต้องแยกหมวดหมู่ออกมาจากกัน นั่นคือสิ่งที่ readAwrite เราก็จัดการได้ค่อนข้างดี” หนึ่งในผู้ก่อตั้ง readAwrite เล่า

Reading is Fancy!

เชื่อว่าใครที่เคยอ่านนิยาย Boy’s Love หรือ Girl’s Love มาบ้าง คงคุ้นเคยกับพล็อตยอดฮิตอย่าง ‘รักในวัยเรียน’ ไม่ว่าจะเป็นมัธยมฯ เองก็ดี หรือมหา’ลัยเองก็ดี ด้วยบรรยากาศสดใสและโรแมนติกแบบที่คนอ่านหลายคนเคยผ่านมาด้วยตัวเอง

เมื่อเวลาผ่านไป เทรนด์การอ่านนิยายก็พัฒนาไปมาก ผู้เขียนจึงถามผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม readAwrite ว่า ความสนใจของนักเขียนและนักอ่านเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างในยุคนี้

รวิวรมองว่า ทุกวันนี้ความสนใจของคนเขียนและคนอ่านเริ่มกว้างมากขึ้น จนแทบจะ ‘ไม่สามารถตีกรอบ’ ได้อีกต่อไป แม้ว่ายุคหนึ่งที่นิยายหมวด Boy’s Love หรือ Girl’s Love ที่เป็นเรื่องรักในวัยเรียนเป็นส่วนใหญ่ได้รับความนิยมมาก แต่หลังจากนั้นความสนใจเริ่มมีมากขึ้น เช่น มีนิยายพีเรียดเกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า ในสมัยก่อนความรักระหว่างเพศเดียวกันนั้น ‘มีอยู่จริง’ ไม่ได้มีอยู่แต่ในปัจจุบันเท่านั้น

“พอเกิดความยอมรับเลยทำให้นักเขียน ‘กล้า’ ที่จะเขียนผลงานในลักษณะที่หลากหลายมากขึ้น ลึกมากขึ้น เช่น พล็อตที่เกิดในจีนโบราณหรือเกิดในไทยย้อนยุค”

กิตติพงษ์เสริมว่า “ถ้าตัดคำว่า Girl’s Love หรือ Boy’s Love ออกไปก็เป็นนิยายปกตินั่นแหละ นิยายมีหลากหลายแนว ส่วนเทรนด์ของคนอ่านขึ้นอยู่แต่ละช่วงเวลา ตอนนี้ต้องบอกว่า เริ่มมีความ Niche มากขึ้นเรื่อยๆ 

“นิยายตอนนี้จะไม่มีหมวดที่แมสเหมือนสมัยก่อน ที่เรื่องไหนดังก็จะดังแบบที่ทุกคนรู้จักอีกแล้ว ตอนนี้มันกลายเป็นว่า จะมีกลุ่มเล็กๆ เต็มไปหมด เช่น นักอ่านคนนี้ชอบแนวแฟนตาซี หรือชอบแนวเฟอร์รี (Furry) ตลาดนิยายตอนนี้กลายเป็นกลุ่มเล็กๆ มากมาย ไม่มีเทรนด์กระแสหลักขนาดนั้น”

ส่วนในโลกของแฟนฟิกชัน (Fan Fiction) กิตติพงษ์หัวเราะพลางบอกว่า ขึ้นอยู่กับว่าคู่ชิปใดกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ก็จะทำให้นิยายนั้นดังตามไปด้วย

นิยายบนแพลตฟอร์ม สู่วงการซีรีส์

อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่เริ่มเห็นบ่อยมากขึ้นในปัจจุบันคือ หากนิยายเรื่องใดในแพลตฟอร์มออนไลน์เริ่มมีชื่อเสียงและได้รับความนิยม อาจถูกผู้จัดตาดีเลือกซื้อลิขสิทธิ์เพื่อนำไปขยายเรื่องราว และเผยแพร่ผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ ทั้งละครและภาพยนตร์

อย่างเช่นกรณีของ เขมจิราต้องรอด โดยคนเขียนนามปากกาว่า คาลิ ที่ยอดอ่านกว่า 11.1 ล้านครั้ง พร้อมกับจำนวนหัวใจกว่า 9.25 หมื่นดวงที่คนอ่านกดชื่นชอบในแพลตฟอร์ม readAwrite ได้ถูกค่าย Mandee Work นำไปสานต่อเรื่องราวในรูปแบบซีรีส์ ที่ได้คู่จิ้นสุดน่ารักอย่าง เก่ง-หฤษฎ์ บัวย้อย และน้ำปิง-นภัสกร ปิงเมือง มาเป็นนักแสดงนำของเรื่อง

“ปรากฏการณ์นี้เกิดมาพักใหญ่แล้ว ก่อนที่จะมี readAwrite หรือ Meb ด้วยซ้ำ” รวิวรกล่าว เพียงแต่เมื่อมีการเกิดขึ้นของแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถแสดงข้อมูลทางตัวเลข เช่น ยอดการอ่าน ยอดกดไลก์ หรือยอดคอมเมนต์ ทำให้ผู้จัดสามารถพิจารณานำไปดัดแปลงเป็นสื่อต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น

ไม่ได้ขับเคลื่อนเรื่องเพศ แต่ขับเคลื่อนความปกติ

“เมื่อก่อนมันยังไม่มีเว็บไซต์เช่นนี้ ที่เปิดโอกาสให้คนเข้ามาแสดงความเห็น ให้คะแนน สมัยก่อนการเลือกนำไปทำสื่อต่างๆ มักจะอ้างอิงกับทางสำนักพิมพ์ของหนังสือเสียมากกว่าว่า นักเขียนคนนี้ดังมาก มีการต่อแถวรอคิวยาวเพื่อแจกลายเซ็น น่าจะมีแฟนคลับเยอะ แต่ว่ายุคนี้พอมีแพลตฟอร์มอย่าง readAwrite ก็ทำให้พวกผู้จัดหรือคนจะมาเลือกพล็อตสามารถมาดูจากตรงนี้”

ผู้พัฒนา readAwrite ยังกล่าวต่อไปว่า แม้นิยายเพศเดียวกันจะได้รับความนิยมในเหล่านักอ่าน แต่การมีอยู่ของ readAwrite ไม่ได้อยู่เพียงเพื่อการขับเคลื่อนเรื่องเพศ แต่การมีอยู่ของ readAwrite มีอยู่เพื่อแสดงให้เห็นว่า ‘ความรัก’ ประเภทนี้เป็นความปกติ

“คนเราจะยอมรับจากความเป็นปกติจากสิ่งรอบตัวของเขา ผมว่า readAwrite เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นปกติ เราในฐานะเจ้าของแพลตฟอร์มให้การดูแลนิยายประเภทนี้เหมือนกับประเภทอื่นๆ” รวิวรกล่าว

“ยิ่งเราพยายามมากเกินไป มันจะทำให้เกิด ‘ความผิดปกติ’ ถ้าเราทำให้เป็นปกติตั้งแต่แรก นักเขียนอยากจะสร้าง อยากจะสร้างคาแรกเตอร์แบบใดให้เป็นตัวเอก คุณก็สามารถสร้างเรื่องราวแนวนั้นได้ตั้งแต่แรก” กิตติพงษ์เสริม

พื้นที่ปลอดภัยของนักเขียน

ในฐานะที่แพลตฟอร์มเติบโตมาพร้อมกับนักเขียน รวิวรเปิดเผยว่า readAwrite จะต้องเป็นพื้นที่ที่ยุติธรรม อบอุ่น เพื่อให้คนเขียนและคนอ่านอยู่ได้อย่างสบายใจ โดยประโยชน์ของคนเขียน เขาขยายความต่อว่า readAwrite ให้ผลตอบแทนที่ยุติธรรมกับคนเขียนนิยาย อีกทั้งยังมีระบบการบริจาคและติดเหรียญเพื่อซื้อตอนนิยาย ซึ่งเป็นมาตรฐานให้กับแพลตฟอร์มอื่นปรับตัวตาม readAwrite

ขณะที่ประโยชน์ของคนอ่าน รวิวรกล่าวว่า readAwrite มีระบบที่ทำให้คนอ่านได้สะดวกมากขึ้น เช่น การปรับฟอนต์ และมีทั้งแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ให้เลือกอ่านตามสะดวก

ด้านกิตติพงษ์เพิ่มเติมสิ่งสำคัญของแพลตฟอร์มว่า readAwrite ต้องการวางตัวเป็น ‘เพื่อน’ ของคนเขียนและคนอ่าน ที่จะอยู่ด้วยกันไปนานๆ ไม่ได้ต้องการทำธุรกิจให้กลายเป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุด และไปบีบค่าธรรมเนียม (Gross Profit: GP)

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำ แต่เราจะสร้าง Ecosystem ที่ทั้งคนอ่านและคนเขียนอยู่ได้ยาวๆ เพราะตอนนี้จริงๆ คู่แข่งของการอ่านคือ ‘แพลตฟอร์มวิดีโอ’ มากกว่า เรายังต้องการทำให้การอ่านอยู่ได้ตลอด เพราะการอ่านดีต่อสมองและดีต่อความคิดมากกว่าการดูวิดีโอจนเกิดอาการสมาธิสั้น” กิตติพงษ์ระบุ

มาจนถึงตอนนี้ที่ readAwrite กำลังจะเฉลิมฉลองครบ 8 ขวบ (เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2017) ทั้ง 2 ประเมินความสำเร็จไว้อย่างไร ผู้เขียนถามเป็นคำถามสุดท้าย

รวิวรกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า สำหรับ readAwrite เองคนภายนอกอาจจะรู้สึกมากกว่าตนว่า ‘ประสบความสำเร็จ’ ในมุมมองส่วนตัวมองว่า readAwrite ทำบทบาทหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น คือเป็น ‘ต้นน้ำ’ สำหรับคอนเทนต์ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อแล้ว

“เราวางตำแหน่งว่า เราอยากเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ ‘ทุกคน’ เพราะทุกคนเขียนนิยายด้วยใจรัก แต่จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าคนใจรักมีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปด้วย มันก็ทำให้เขาอยู่ได้นานขึ้น ให้เขามีกำลังใจจะเขียนนิยายดีๆ มากขึ้น”

เช่นเดียวกับที่กิตติพงษ์บอกว่า แนวคิดหลักของการทำ readAwrite มาจากการหาแนวทางว่าทำอย่างไรให้คนเขียนมีกำลังใจ ให้คนอ่านได้ตอบแทนนักเขียน ซึ่งท้ายที่สุดต่างฝ่ายก็จะมีความสุขด้วยกันทุกฝ่าย

Fact Box

  • ไช้-รวิวร มะหะสิทธิ์ และโก๋-กิตติพงษ์ แซ่ลิ้ม เป็น 2 คู่หูที่รู้จักกันมาตั้งแต่อยู่ในรั้วคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยรวิวรศึกษาสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า ขณะที่กิตติพงษ์ศึกษาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งทั้งสองมีความชอบในการอ่าน และเล็งเห็น ‘โอกาส’ ของ E-Book จึงได้เปิด Meb ร้านขายหนังสือออนไลน์ออกมาในปี 2011
  • ปัจจุบันบริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีเครือเซ็นทรัลฯ โดย บริษัท บีทูเอส จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 51.2%
  • คาแรกเตอร์สุดน่ารักของ readAwrite ที่เป็นตัวละคร ‘เด็กชาย’ และ ‘เด็กผู้หญิง’ มีชื่อว่า ‘พี่รี้ด’ และ ‘น้องไร้ต์’ สื่อถึง ‘บุคคล’ ที่แพลตฟอร์มให้ความสำคัญ
Tags: , , , , , , , , , , , ,