ถ้าคุณธรรม และความขยันหมั่นเพียร คือกฎตายตัวความสำเร็จของคนในยุคก่อน ลอดลายมังกร และชีวิตของอาเหลียง ก็คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดของยุคสมัยนั้น
ลอดลายมังกร เป็นนวนิยายที่ประพันธ์โดยนักเขียนระดับตำนานอย่าง ประภัสสร เสวิกุล ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของอาเหลียง ชาวจีนที่เริ่มต้นชีวิตจากการหอบเสื่อผืนหมอนใบ ข้ามโพ้นทะเลมาตายเอาดาบหน้า รับจ้างทำงานสารพัดจากจับกังแบกข้าวสาร ค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ก่อร่างสร้างตัวมาเรื่อยๆ สุดท้ายจึงกลายเป็นมหาเศรษฐีโดยยึดมั่นคุณธรรมและความขยันหมั่นเพียรเป็นหลักคิดประจำใจ
เมื่อนึกถึงลอดลายมังกร ผู้เขียนจะเห็นภาพ นพพล โกมารชุน ในบทอาเหลียง ปรียานุช ปานประดับ ในบทเนียม ภรรยาชาวไทยคู่ทุกข์คู่ยากที่สร้างตัวมาด้วยกัน และอภิรดี ภวภูตานนท์ ในบทเหมยหลิง เมียเก่าสมัยอยู่เมืองจีน ซึ่งในสมัยที่ลอดลายมังกร เป็นละครโทรทัศน์ปี 2535 ต้องยอมรับว่าภาพจำนั้นค่อนข้างเลือนรางเพราะเวลาผ่านมา 20 กว่าปีแล้ว แต่สิ่งที่ยังพอจะนึกออกคือการดำเนินเรื่องที่ยาวนาน จากยุคสร้างตัวของอาเหลียง สู่ยุคสร้างครอบครัว มั่งคั่ง จนกลายเป็นเจ้าของกิจการระดับพันล้านที่มีลูกหลานเต็มไปหมด
พอรู้ว่า ลอดลายมังกร จะกลายเป็นมิวสิคัล คำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจก็คือ แล้วจะดำเนินเรื่องกันได้ยังไงบนเวทีที่มีเวลาจำกัด ในเมื่อเนื้อเรื่องออกจะยืดยาว และตัวละครก็มากมายขนาดนั้น
แต่สิ่งที่ผู้เขียนกังวลใจก็ไม่ได้เกินฝีมือของ ถกลเกียรติ วีรวรรณ ที่ทำหน้าที่กำกับการแสดงแม้แต่น้อย เพราะโดยรวมสิ่งที่คนดูจะได้รับจากละครเรื่องนี้ตลอดเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ก็คือความกลมกล่อมของการดำเนินเรื่อง เพลงเพราะๆ และการแสดงเปี่ยมคุณภาพของนักแสดงที่มีทั้งมือเก๋า และหน้าใหม่ที่ไม่เคยคุ้นตากันมาก่อน
แม้เนื้อเรื่องในช่วงแรกจะต้องย่นย่อไปบ้างตามเวลาที่จำกัด แต่สารที่ต้องการสื่อก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จนคนดูน่าจะพอเข้าใจได้ว่าทำไมต้องดำเนินเรื่องรวดเร็วขนาดนั้น ส่วนตัวละครที่มากมายล้นเวทีก็ไม่ได้สร้างความสับสนให้กับคนดูแต่อย่างใด เพราะผู้กำกับได้ทำหน้าที่เกลี่ยบทบาทให้ทุกตัวละครมีความสำคัญไม่น้อยหน้ากัน
แต่ตัวละครที่โดดเด่นที่สุดในเรื่องคงต้องยกให้ สินจัย เปล่งพานิช ในบทเหมยหลิง ที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวออกมาจากหลังฉาก และสร้างสีสัน รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ให้กับละครเวทีเรื่องนี้ จนนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีเธอแล้วลอดลายมังกรเวอร์ชันนี้จะเป็นอย่างไร จะเรียกว่าบทส่งก็คงพอได้ แต่คงต้องเทคะแนนให้กับฝีมือการแสดงมากสักหน่อย เพราะเมื่ออยู่บนเวที เราแทบจะลืมไปเลยว่าผู้หญิงตรงหน้าคือ สินจัยจริงๆ ขณะที่นักแสดงคนอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมตามความคาดหวัง เมื่อบวกรวมกับบทเพลงที่ลื่นไหล เสียงร้องทรงพลัง และดนตรีที่ติดหู ก็ทำให้คนดูคล้อยตามจนเกิดความประทับใจได้ไม่ยากนัก
ส่วนโปรดักชันโดยรวมก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานรัชดาลัย ถ้าจะคาดหวังฉากที่เวอร์วังบนเวทีคงต้องยกยอดไปเรื่องหน้า เพราะไม่มีอะไรให้ตื่นตามากมายนัก แต่สำหรับคอสตูมต้องให้เครดิตในฐานะนักแสดงชั้นดีที่เล่าเรื่องและสร้างบุคคลิกให้กับตัวละครได้ดีไม่แพ้คนที่อยู่บนเวทีจริงๆ
ถึงอย่างนั้นละครเวทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแต่แง่ดีงามให้พูดถึงเพียงอย่างเดียว เพราะเอาเข้าจริงปัญหาตั้งแต่ต้นจนจบของมิวสิคัลเรื่องนี้คือสารที่ตรงไปตรงมา แถมยังสื่อแบบย้ำๆ แทบทุกฉากทุกตอน นั่นคือคุณธรรมประจำใจที่ต้องยึดมั่นตราบชีวิตจะหาไม่ ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องถูกควรที่ไม่ว่าใครก็ควรจะเอาเยี่ยงอย่าง แต่กาลเวลาที่ผ่านไปนับจากบทประพันธ์เรื่องนี้ถือกำเนิดขึ้นก็อาจจะทำให้สภาพสังคม และวิธีคิดของผู้คนเปลี่ยนแปลงตาม
แค่คุณธรรมอย่างเดียวจะพอจริงหรือสำหรับโลกยุคนี้?
นี่คือคำถามที่ผู้เขียนได้รับติดตัวกลับบ้านหลังจากละครปิดม่านลง แม้ว่าผู้กำกับจะแทบไม่เปิดช่องว่างให้คนดูตั้งคำถามอะไรมากนักก็ตาม
แต่ถ้าไม่ลืมว่าละครเรื่องนี้คือละครระดับแมสที่ตั้งใจสื่อสารกับคนดูในหมู่กว้างอย่างตรงไปตรงมา ขายภาพความเป็นดาราอีกจำนวนไม่น้อย และขายความเป็นมิวสิคัลเสพง่าย ก็นับว่าลอดลายมังกรเป็นละครเวทีน้ำดีที่ไม่ได้มีมาให้ดูกันบ่อยๆ
FACT BOX:
ลอดลายมังกร เดอะมิวสิคัล นำแสดงโดยทีมนักร้องนักแสดงชั้นนำ อาทิ แบงค์ ปรีติ, นก สินจัย, แกงส้ม ธนทัต, ลูกหว้า พิจิกา, อาร์ อาณัตพล, ปุยฝ้าย ณัฏฐพัชร์, ปอ อรรณพ, กั้ง วรกร, ดาว ณัฐภัสสร, ซิลวี่ ภาวิดา, สิงโต สหรัฐต์, จิ๊บ กุลธิดาฐ์ ฯลฯ กำกับการแสดงโดย ถกลเกียรติ วีรวรรณ
เหลือรอบการแสดงเพียง 4 รอบเท่านั้น คือรอบวันที่ 15, 16, 17 และ 18 ธันวาคมนี้เท่านั้น จองบัตรด่วนได้ที่ http://www.thaiticketmajor.com/performance/lod-line-mangkron-the-musical-2016-th.html
Tags: ลอดลายมังกร, ลอดลายมังกรเดอะมิวสิคัล, ประภัสสร เสวิกุล, Musical, ถกลเกียรติ วีรวรรณ