เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรคฯ เปิดปราศรัยใหญ่ ที่อุทยานเบญจสิริ ถนนสุขุมวิท โดยงานเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 น. ในช่วงแรกเป็นการผลัดกันขึ้นปราศรัยของเหล่าผู้สมัคร ก่อนจะออกมาโชว์ตัวกันพร้อมหน้าทั้งผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อและแบ่งเขต โดยมีผู้เข้าร่วมฟังการปราศรัยมากหน้าหลายวัย ประมาณ 300 คน
จนกระทั่งเวลา 18.30 น. เมื่อนายสุเทพเดินลงจากรถไฟฟ้าบีทีเอส เสียงนกหวีดและมือตบก็ดังขึ้น โดยมีประชาชนบางส่วนกรูกันเข้าไปกอดและขอถ่ายรูปเซลฟี่ ขณะที่มีผู้ทยอยมาฟังปราศรัยมากขึ้น ราว 500 คน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัยว่า กปปส.และพรรค รปช. สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ชนะการเลือกตั้ง โดยวันนี้ ทักษิณคือศัตรูเก่า และพรรคสีส้มคือศัตรูใหม่ พร้อมยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นความหวังเดียวของประเทศ
“พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเผด็จการจริงๆ แต่หลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ใช่เผด็จการและไม่ได้สืบทอดอำนาจ” นายสุเทพกล่าวและว่า กรณีที่นายอภิสิทธิ์บอกว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์นั้น ทำให้หวั่นใจว่าจะจับมือกับระบอบทักษิณซึ่งเป็นศัตรูหรือไม่ ดังนั้น ตนจึงมีสิทธิประท้วงว่าเขาคิดผิด
“อภิสิทธิ์ออกหาเสียงไปทั่วประเทศ ยังไม่มีสักคะแนนในกระเป๋า ประยุทธ์มีในกระเป๋าแล้ว 250 เสียง อีก 126 เสียง มาเอาที่พรรครวมพลังประชาชาติไทย” นายสุเทพกล่าวพร้อมชวนคนใต้ให้วางประชาธิปัตย์ไว้ก่อน แล้วมาเลือกรวมพลังประชาชาติไทย
ทั้งนี้ เขายืนยันว่าไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง เพราะถือว่ามาถึงระดับสูงกว่าแล้ว ขอวางตัวเป็นโค้ช เพราะรู้สึกว่าเท่กว่า
ด้าน ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ปราศรัยถึงการปฏิรูปว่าจะต้องเป็นการปฏิรูปที่รักษาสถาบันเก่าเอาไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมเล่าถึงความภาคภูมิใจของไทยในฐานะประเทศเอกราช ซึ่งแม้แต่สหรัฐอเมริกาก็ยังเทียบไม่ได้ เพราะเคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ สุดท้าย เขาเรียกร้องให้ทุกคนร่วมกันออกแบบระบบปกครองของตนเอง เป็นระบบที่จะก้าวข้ามประเทศตะวันตก และยึดธรรมาธิปไตยและน้อมนำหลักคำสอนของทุกศาสนา แต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากกว่านี้
ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ขึ้นมาพร้อมเรื่องเล่าของนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชัน โดยเปรียบเทียบว่า ถ้านำเงินของนักการเมืองที่ทุจริตมารวมกัน ไปซื้อทองมาหล่อ จะสามารถเทลงบนถนนทุกเส้นในกรุงเทพมหานครได้ แถมยังเหลือพอนำไปเลี่ยมเป็นฟันทองให้หมาจรจัดทั้งประเทศ จากนั้นเขานำเสนอนโยบาย ‘คืนจังหวัดให้ประชาชน’ โดยระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมาจากความเห็นชอบของประชาชน เพิ่มอำนาจให้กับผู้ว่าฯ และให้บุคลากรในจังหวัดขึ้นตรงต่อผู้ว่าฯ ไม่ใช่ส่วนกลาง
นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ บุตรชายของ ดร.เอนก มาในชุดเสื้อยืดสีกรมท่า และกางเกงยีนส์ ฉายภาพของคนรุ่นใหม่ ก่อนจะประกาศตัวว่า คนรุ่นใหม่ภายในพรรครวมพลังประชาชาติไทยทุกคน พร้อมขวางกั้นไม่ให้ผู้ที่ประกาศตัวเป็น “คนรุ่นใหม่” ฉีกรัฐธรรมนูญ 2560 ได้
ด้านนางสาวเพชรชมพู กิจบูรณะ ซึ่งเคยขึ้นปราศรัยให้กับกลุ่ม กปปส. ตั้งแต่อายุเพียง 19 ปี และเคยเป็นตัวแทนประเทศไทยพูดในเวที One Young World อธิบายถึงความจำเป็นในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เธอชี้ว่า สตรีทุกคนที่มาร่วมการชุมนุม กปปส. เป็นดอกไม้เหล็ก ที่จะเบ่งบานร่วมกันเพื่อปฏิรูปประเทศ นอกจากนี้ ยังชี้ถึงความเท่าเทียมทางเพศภายในพรรค โดยยกกรณีของตัวเองที่อยู่ใน ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 2 ของพรรค (พรรค รปช. ใช้ระบบสลับ ชาย-หญิง สำหรับผู้สมัครบัญชีรายชื่อ)
Tags: สุเทพ เทือกสุบรรณ, รวมพลังประชาชาติไทย