อีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แฟนเพลงชาวไทยจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่จากคอนเสิร์ต ‘Kodaline Live in Bangkok’ อย่างใกล้ชิด หลังจากผ่านไปนานกว่า 4 ปี ที่วงดนตรีสัญชาติไอริช 4 คนนี้ ไม่ได้มาเยือนประเทศไทย จากสถานการณ์โรคระบาด
เมื่อทุกอย่างกลับมาเปิดอีกครั้ง Kodaline เลือกประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายหลักสำหรับทัวร์คอนเสิร์ตรอบใหม่ในเอเชีย ท่ามกลางแฟนเพลงที่รอต้อนรับอย่างอบอุ่น เหนียวแน่น
ตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา เพลงของ Kodaline โลดแล่นในชีวิตของใครหลายคน บางครั้ง High Hopes ก็ช่วยปลอบประโลมยามเศร้าโศก All I Want อีกหนึ่งเพลงดัง เป็นเพลงเศร้าที่พาคุณดิ่งไปด้วย และ ‘ร้อง’ ไปกับเพลงนี้อย่างสุดเสียง
ในโอกาสที่พวกเขาจะกลับมาเยือนดินแดนแห่งรอยยิ้มแห่งนี้อีกครั้ง The Momentum ชวน สตีฟ การ์ริแกน (Steve Garrigan) นักร้องนำควบตำแหน่งมือกีตาร์ของ Kodaline คุยเรื่องความพิเศษของคอนเสิร์ตครั้งใหม่ เพลงดังของพวกเขา และทฤษฎีลับๆ ที่เกี่ยวกับเพลง Brother อีกหนึ่งเพลงดังของ Kodaline ที่อยู่ท่ามกลางความสนใจของแฟนเพลงมาโดยตลอด
รู้สึกอย่างไรที่ได้กลับมาทัวร์ในไทยอีกครั้ง? เราเริ่มตั้งคำถามแรกกับสตีฟที่ใส่เฮดโฟนอยู่อีกซีกโลก
“สิ่งที่ผมเจอมาตลอดก็คือ ‘ความอบอุ่น’ จากบรรดาแฟนเพลง ใช่ เวลาเราเดินทาง เรามักจะเจอสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเสมอ แต่ทุกครั้งที่กลับมาเมืองไทย เราเจอแฟนเพลงที่อินกับเพลงของเรา เจอแฟนเพลงที่ร้องเพลงด้วยอย่างสุดเสียง ไม่ว่าจะเป็นเพลงไหน
“แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังไม่เคยเลยคือการเป็น ‘นักท่องเที่ยว’ ที่ตระเวนเที่ยวตามที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ รอบนี้ พวกเรามีเวลาว่าง เพราะฉะนั้น จะพยายามท่องเที่ยวให้มากที่สุด ให้หลากหลายสถานที่มากที่สุด ตอบแทนที่ที่นี่ต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่นเสมอมา” คือคำตอบของสตีฟที่ให้กับเรา
ส่วนความพิเศษที่แฟนเพลงชาวไทยจะได้เห็นในโชว์วันนี้ คือหลากหลายเพลงจากทุกอัลบั้มของ Kodaline และเพลงใหม่ 1-2 เพลง จากทั้งอัลบั้มใหม่และจากอีพีใหม่ของพวกเขา
“สิ่งที่พวกเราชอบทุกครั้งที่โชว์ก็คือ การชมปฏิกิริยากับเพลงใหม่ๆ ของพวกเราว่า แฟนเพลงดื่มด่ำมากแค่ไหน ชอบมากแค่ไหน ซึ่งเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากการปล่อยซิงเกิลทั่วไป และเป็นสิ่งที่จะมองเห็นได้เฉพาะเมื่อแสดงสดเท่านั้น
แล้ว All I Want กับ High Hopes สองเพลงดังที่สุดของคุณ คุณคิดว่าทำไมสองเพลงนี้ถึงได้เข้าถึงคนมากขนาดนี้ ทำไมสองเพลงนี้จึงเป็นเพลงดังที่สุด? เราตั้งคำถาม
“อืม… เป็นคำถามที่ตอบยากนะ ทั้งสองเพลงมาจากสถานที่จริง เรื่องจริง อารมณ์จริง ในฐานะที่เป็นนักแต่งเพลง สิ่งที่ผมมองหาเสมอคือเพลงที่เข้าถึงคนทุกคน โดนกับประสบการณ์ส่วนตัวของทุกคน แล้วแต่ว่าทุกคนจะตีความกันอย่างไร
“สำหรับผม เมื่อทุกเพลงถูกปล่อยออกไป มันไม่ใช่ของเราอีกแล้ว เราไม่ได้เป็นเจ้าของมันอีกต่อไป แต่เป็นของผู้ฟังของเราทุกคนที่จะ ‘อิน’ กับเพลง แม้บทเพลงเหล่านั้นจะมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของเรา ไม่ใช่ประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาก็ตาม
“ถ้าให้ผมเดา ทั้งสองเพลงน่าจะทำหน้าที่เชื่อมกับแฟนเพลงได้ดี All I Want เป็นสถานการณ์ที่ทุกคนเคยเจอ ขณะที่ High Hopes เล่าถึงการข้ามผ่านช่วงเวลาอันยากลำบาก ในห้วงเวลาที่ทุกสิ่งไม่เป็นอย่างใจ ผมดีใจที่ทุกคนเข้าถึงเพลงเหล่านี้ และพวกเราก็ได้รับสารจากแฟนเพลงหลายคนที่ส่งตรงถึงเรา ไม่ว่าจะเป็น High Hopes ที่อยู่ข้างพวกเขายามมีความสุข หรือ All I Want ที่อยู่ข้างพวกเขายามที่อกหัก ยามที่พวกเขาเสียคนรักบางคนไป หรือเมื่อใครบางคนเสียชีวิต แน่นอน นั่นคือความภาคภูมิใจของพวกเราที่ทำเพลงเหล่านี้ออกมาแทนความรู้สึกของแฟนเพลงทุกคน”
มาถึงคำถามสำคัญก็คือ Brother อีกหนึ่งเพลงของ Kodaline ที่มี ‘ทฤษฎีแฟน’ จำนวนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า บรรดา 4 ศิลปินไอริชได้เค้าโครงของเพลงมาจาก โนลและเลียม กัลลาเกอร์ สองพี่น้องแห่งวง Oasis ที่มักจะกระทบกระทั่งกันหรือไม่
“โอ้… ผมเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก อันที่จริงสำหรับ Brother เนื้อเพลงมาจากตัวผม วินนี มือกลอง (Vincent May) และมือกีตาร์ของเรา มาร์ก (Mark Prendergast) ซึ่งเติบโตมาด้วยกัน เข้าโรงเรียนเดียวกัน และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตั้งแต่ก่อนเล่นดนตรี
“ก่อนจะเป็นวงดนตรี พวกเราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก มีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง เห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ก็เติบโตกันมาราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน แน่นอน เรามีช่วงเวลาที่กดดัน แต่เมื่อพวกเราเหมือนครอบครัวเดียวกัน สิ่งเหล่านั้นก็จะผ่านไปได้ นั่นคือความหมายของการเป็นพี่น้องกัน และความหมายของเพลง Brother”
สตีฟยิ้มอีกครั้งเมื่อทบทวนคำถาม “จริงอยู่ที่พวกเราเป็นแฟนของ Oasis แต่ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
“แต่ถ้านึกดูดีๆ นึกถึงเลียมและโนลที่บริภาษกันตลอดเวลา เมื่อลองนึกถึงเนื้อเพลง ถ้าเราเอาภาพของสองพี่น้องคู่นี่มาประกอบ แล้วใช้เพลงนี้ประกอบเป็นแบ็กกราวนด์ แน่ละ เพลงนี้น่าจะเข้ากับพวกเขาเลยทีเดียว!”
สตีฟทิ้งท้ายถึงแฟนเพลงชาวไทยทุกคนว่า คอนเสิร์ตในวันพรุ่งนี้จะเป็นคอนเสิร์ตที่พิเศษที่สุด และขอบคุณแฟนเพลงชาวไทยที่สนับสนุนเพลงของ Kodaline มาตลอด
“พวกเราตื่นเต้นมากที่จะได้กลับมาอีกครั้ง ผมอยากจะขอบคุณทุกคนที่อยู่ร่วมในการเดินทางของเรามาตลอด และสนับสนุนพวกเราทุกครั้ง”
“ผมหวังว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จะเป็นคอนเสิร์ตที่สนุกสนาน เป็นคอนเสิร์ตที่จะอยู่ในความทรงจำของทุกคน และสำหรับแฟนเพลงชาวไทยทุกคน ถ้ามีอะไรแนะนำพวกเรา ก็อย่าลืมเขียนแนะนำกันเข้ามานะครับ”
Tags: Kodaline, Screen and Sound