ในนาทีนี้นอกจากชื่อของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา จะครองพื้นที่สื่อในทุกวันแล้ว ชื่อ สตีฟ แบนนอน (Steve Bannon) คืออีกหนึ่งชื่อที่สื่อกำลังให้ความสำคัญไม่แพ้กัน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลือกเขามาดำรงตำแหน่งเป็น Chief White House Strategist หรือหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ประจำทำเนียบขาว ที่จะมีหน้าที่ตัดสินใจเรื่องการเลือกคนเข้ามาทำงาน และยังคาดว่าเขาจะมีบทบาทด้านการทำงานกับสื่อของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังเลือกเขาให้เข้าไปนั่งเป็นกรรมการในสภาความมั่นคงแห่งชาติ จนนิตยสาร TIME เอาเขาขึ้นหน้าปกพร้อมกับโปรยหัวว่า ‘The Great Manipulator’ หรือ ‘ผู้บงการที่ทรงพลัง’

 

 

ช่วงระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 สตีฟ แบนนอน ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าการรณรงค์หาเสียงให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์

นอกจากนี้คำสั่งห้ามประชาชนจาก 7 ประเทศมุสลิมของทรัมป์ล่าสุดนั้น มีรายงานว่าแบนนอนคือผู้ที่สนับสนุนให้คำสั่งนี้ครอบคลุมถึงผู้ถือกรีนการ์ดด้วยเช่นกัน และก่อนที่จะออกคำสั่งนี้เขาไม่ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ก่อน

เขาช่ำชองในหลายวงการตั้งแต่วงการสื่อสารมวลชน หนังฮอลลีวูด ไปจนถึงเคยเป็นทหารเรือด้านยุทธศาสตร์สงคราม

The Momentum จะพาคุณไปรู้จักผู้ชายที่มีประวัติไม่ธรรมดา และกำลังจะเป็นอีกคนที่มีอิทธิพลต่อการเมืองโลกอย่างสำคัญ

สตีฟ แบนนอน นั้นไม่ใช่คนที่จะเป็นรองหรือรับคำสั่งจาก โดนัลด์ ทรัมป์ แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นเครื่องมือของเขา

 

Photo: Jonathan Ernst, Reuter/Profile

 

ประสบการณ์โชกโชนในด้านสื่อสารมวลชน ฮอลลีวูด ธนาคาร ไปจนถึงการทหารและความมั่นคง

แม้ สตีฟ แบนนอน จะไม่เคยได้รับเลือกเข้ามาในแวดวงการเมืองมาก่อน เช่นเดียวกับทรัมป์ แต่เขาเป็นที่รู้จักมาก่อนหน้านี้จากการเป็นเจ้าของเว็บไซต์ข่าว Breitbart ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ถูกมองว่ามีความคิดทางการเมืองแนวขวาสุดโต่ง (Alt-right) ที่มักพาดหัวข่าวฉูดฉาด อย่างเช่น ‘การคุมกำเนิดทำให้ผู้หญิงขาดเสน่ห์และเพี้ยน’ และยังถูกกล่าวหาว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีแนวคิดต่อต้านชาวมุสลิม และผู้ลี้ภัย แต่ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Breitbart ประสบความสำเร็จอย่างมากในโลกออนไลน์ อย่างในคืนเลือกตั้งนั้นการตอบสนองของแฟนเพจบนเพจเฟซบุ๊กของ Breibart นั้นสูงเป็นอันดับ 4 เอาชนะ CNN, Fox News และ New York Times

นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์ตรวจสอบรัฐบาล หรือ Government Accountability Institute (GAI) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมือง และนำข้อมูลส่งต่อให้สื่อมวลชนกระแสหลักอย่าง Newsweek หรือ ABC News ที่ผ่านมา GAI เคยเขียนเรื่อง Clinton Cash ที่เกี่ยวกับเงินบริจาคให้กับองค์กรคลินตัน และเรื่อง Bush Bucks และเขายังเคยใช้เวลา 4 ปี กับการเป็นทหารเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ

นอกจากประสบการณ์ในด้านสื่อสารมวลชนและทหารแล้ว เขายังมีประสบการณ์ด้านธนาคาร หลังจากเขาออกจากการเป็นทหารเรือ และได้ปริญญาโทด้านความมั่นคงจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ เขาตัดสินใจเรียนต่อด้านธุรกิจที่ Harvard Business School และมาทำงานด้านการธนาคารและการลงทุน ที่ธนาคาร Goldman Sachs ในเมืองนิวยอร์ก จนตัดสินใจลาออกจากธนาคารในปี 1990 และออกมาตั้งธนาคารของตัวเองชื่อว่า Bannon & Co., ที่เป็นธนาคารเพื่อการลงทุนด้านสื่อโดยเฉพาะ ซึ่งทำให้เขามีโอกาสได้สร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับการเมืองสหรัฐฯ อย่างเช่น In the Face of Evil ที่เกี่ยวกับรัฐบาลสมัยของประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน และเรื่อง The Undefeated ที่เป็นสารคดีเกี่ยวกับ ซาราห์ เพลิน (Sarah Palin) ที่ไม่สามารถเข้ามาเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้

ในปี 1996 สตีฟ แบนนอน เคยถูกตั้งข้อหาว่าก่อความรุนแรง หลังจากอดีตภรรยาเขาแจ้งตำรวจว่า เขาได้จับคอและบีบข้อมือเธอ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ได้ถูกยกฟ้องในภายหลัง นอกจากนี้เขายังถูกภรรยากล่าวหาว่าเป็นพวกต่อต้านคนเอเชีย และชาวยิว แต่โฆษกประจำตัวของแบนนอนออกมาตอบโต้ว่า เขาไม่เคยพูดอะไรเช่นนั้น

Photo: Carlos Barria, Reuter/Profile

 

สตีฟ แบนนอน กับการเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนถัดไปของการเมืองสหรัฐฯ?

สตีฟ แบนนอน ถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลือกให้ดำรงตำแหน่ง Chief White House Strategist หรือหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ประจำทำเนียบขาว โดยตำแหน่งนี้เพิ่งถูกกำหนดให้มีเมื่อสมัยประธานาธิบดีแฟรงคลิน รูสเวลต์ เพื่อให้ดูแลเรื่องการเลือกคนมาทำงานและการตัดสินใจในเรื่องการบริหารต่างๆ และคาดว่าแบนนอนจะมีบทบาทสำคัญในการทำงานกับสื่อมวลชน แต่ในสมัย บารัก โอบามา นั้นจะเรียกตำแหน่งนี้ว่า Chief of Staff

แต่สิ่งที่เป็นที่ถกเถียงไปมากกว่าตำแหน่ง Chief White House Strategist คือ การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้เขาเข้าไปดำรงตำแหน่งกรรมการในสภาความมั่นคงแห่งชาติ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า เขาต้องการปรับโครงสร้างของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยการลดอำนาจของผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรอง หลังจากกรณีที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ออกมายืนยันว่า รัสเซียได้แฮกข้อมูลของสหรัฐฯ เพื่อแทรกแซงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีให้โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะฮิลลารี คลินตัน

อำนาจและความรับผิดชอบที่ สตีฟ แบนนอน กำลังจะได้รับนั้น ถือว่าสำคัญและจะมีอิทธิพลมากต่อสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ จึงทำให้หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของเขาในการดำรงตำแหน่งนี้ เนื่องจากมองว่าเขานั้นมีความคิดไปทางขวาสุดโต่ง โดย ซูซาน ไรซ์ (Susan Rice) อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของ บารัก โอบามา ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของทรัมป์ ที่ให้เขามาดูด้านความมั่นคงว่า “เลือดเย็นและบ้า” ที่จะให้คนอย่างเขามาดูแลนโยบายความมั่นคง โดยเฉพาะกับสงครามซีเรีย หรือนโยบายต่อกลุ่มไอเอส จนเกิดเป็นแฮชแท็ก #StopPresidentBannon บนทวิตเตอร์

และเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2017 หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมากล่าวหา CNN ว่าเป็นสำนักข่าวปลอม เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ New York Times เช่นกันว่า

“สื่อควรรู้สึกละอายและขายหน้า และควรหุบปากเพื่อหยุดฟังก่อน คุณใส่คำพูดนี้ของผมลงไปเลยนะ

“สื่อในสหรัฐฯ ยังไม่เข้าใจประเทศนี้ พวกเขายังไม่เข้าใจว่าทำไม โดนัลด์ ทรัมป์ ถึงได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี พวกเขาขาดจรรยาบรรณ ขาดสติปัญญา และขี้เกียจ”

สำนักข่าว The Guardian วิเคราะห์บุคลิกเช่นนี้ของ สตีฟ แบนนอน ว่า เขามีบุคลิกแตกต่างจาก โดนัลด์ ทรัมป์ เขานิ่งกว่า และยังฉลาดเฉลียว ชัดเจน ยึดมั่นในเป้าหมาย ซึ่งจะสร้างการเมืองโฉมหน้าใหม่ให้กับสหรัฐฯ พร้อมกับให้ความเห็นว่า สตีฟ แบนนอน นั้นไม่ใช่คนที่จะเป็นรองหรือรับคำสั่งจาก โดนัลด์ ทรัมป์ แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นเครื่องมือของเขา

ซึ่งก็สะท้อนออกมาผ่านอีเมลที่เขาเขียนถึงวอชิงตันโพสต์ว่า “สิ่งที่เรากำลังประจักษ์ไปพร้อมกันคือ ระเบียบทางการเมืองรูปแบบใหม่”

เมื่อปี 2016 ช่วงระหว่างที่ โดนัลด์ ทรัมป์ หาเสียงนั้น เขาพูดบ่อยครั้งว่า การบริหารงานของเขาจะไม่ใช่การบริหารที่ธรรมดาทั่วไป

การที่เราเห็นเขาเลือกคนอย่าง สตีฟ แบนนอน มาเป็นกุนซือช่วยเขาทั้งทางด้านสื่อและความมั่นคงของสหรัฐฯ ที่มีผลต่อทิศทางความมั่นคงของโลกนั้น เราคงจะได้เห็นการเมืองสหรัฐฯ และการเมืองโลกโฉมหน้าใหม่ไปพร้อมๆ กัน

อ้างอิง:

https://www.nytimes.com/2017/01/29/us/stephen-bannon-donald-trump-national-security-council.html?_r=0

– https://www.theguardian.com/commentisfree/2017/jan/31/steve-bannon-most-dangerous-man-in-america

– http://time.com/4657665/steve-bannon-donald-trump

– http://www.cosmopolitan.com/politics/a8288455/who-is-steve-bannon-trump-chief-strategist

– http://www.bbc.co.uk/programmes/p04rfzxy

– http://www.bbc.com/news/election-us-2016-37971742

– http://www.politico.com/story/2016/08/steve-bannon-domestic-violence-case-police-report-227432#ixzz4IRKxYopI

– https://www.nytimes.com/2017/01/26/business/media/stephen-bannon-trump-news-media.html

Tags: , ,