ช่วงส่งท้ายปี 2021 นี้ หากจะมองหาโปรแกรมหนังบล็อคบัสเตอร์สักเรื่องมาสนองความสุขให้แก่ตัวเองในวันหยุดพักผ่อน ดูเหมือนว่าภาพยนตร์เรื่อง ‘Spider-Man: No Way Home’ จะเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งของใครหลายๆ คน กับภาคต่อไตรภาคของฮีโร่ชุดแมงมุม ที่ทิ้งปมอันใหญ่หลวงไว้ในภาคก่อนอย่าง Far From Home (2019) เมื่อชีวิตของหนุ่มน้อย ‘ปีเตอร์ พาร์คเกอร์’ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นหนังจากแฟรนไชส์ Marvel Cinematic Universe ความคาดหวังจากแฟนหนังผู้คลั่งไคล้ซูเปอร์ฮีโร่ย่อมสูงเป็นธรรมดา มากกว่าการเซอร์วิสแฟนบอย เนื้อหาและสิ่งที่ภาพยนตร์ต้องการจะสื่อสารกับคนดูยังถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะบ่งชี้ได้ว่าตัวภาพยนตร์นั้น ดี แย่ หรือแค่คงมาตรฐานไว้
ต่อจากนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์
การกลับมาอีกครั้งของเพื่อนบ้านที่แสนดี สไปเดอร์แมน
เดินทางมาถึงภาคที่ 3 แล้ว สำหรับ ‘สไปเดอร์แมน’ ในเวอร์ชันของพระเอกหนุ่ม ‘ทอม ฮอลแลนด์’ (Tom Holland) หลังจากสองภาคก่อนหน้าตัวเอกของเราต้องปกป้องผู้บริสุทธิ์จากเหล่าอธรรม พร้อมสลับบทบาทระหว่างการเป็น ‘สไปเดอร์แมน’ กับ ‘ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์’ หนุ่มน้อยไฮสคูลธรรมดา ที่กำลังอินเลิฟกับแฟนสาว ‘เอ็มเจ’ (เซนเดย์อา) ทว่าเมื่อ ‘เควนติน เบ็ค’ หรือ ‘เดอะ มิสเตริโอ’ (เจค จิลเลนฮาล) วายร้ายจากภาค Far From Home ได้เผยตัวจริงของฮีโร่หน้ากากแมงมุม ทำให้ชีวิตของเขาไม่สงบสุขอีกต่อไป
จากผู้ผดุงความยุติธรรมถูกใส่ร้ายกลายเป็นฆาตรกรศาลเตี้ย ลามกระทบไปถึง ‘ป้าเมย์’ (เมริซ่า โทเมย์) ญาติสนิทเพียงหนึ่งเดียว และ ‘เนด ลีดส์’ (เจคอบ บาตาลอน) เพื่อนซี้สุดเนิร์ด แต่หหากจะมานั่งอธิบายให้ทุกคนเข้าใจคงดูจะไร้ผล ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ จึงตรงดิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก ‘ดอกเตอร์สเตรนจ์’ (เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบ็ตช์) ให้ช่วยใช้มนต์คาถาเสกให้ทุกคนลืมว่าตัวเองเป็นสไปเดอร์แมน
ทว่าธรรมชาติของคนเราเมื่อมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ความผูกพัน’ เป็นชนักปักหลังอยู่ หนุ่มน้อยปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ จึงร้องขอดอกเตอร์สเตรนจ์ให้ใช้มนต์เฉพาะกับคนอื่น ส่วนคนรอบกายขอให้ยังจำได้ว่าเขาเป็นสไปเดอร์แมน กระทั่งความงี่เง่างอแงของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ ไปขัดสมาธิจนมนต์ของดอกเตอร์สเตรนจ์ผิดพลาด ส่งผลให้บรรดาคู่ปรับตัวร้ายของฮีโร่ชุดแมงมุมภพอื่นพาเหรดมาสร้างความบรรลัยระดับพหุจักรวาล
เมื่อฮีโร่และวายร้ายต่างได้รับโอกาสใช้ชีวิตที่ 2
กว่าบทความชิ้นนี้จะเผยแพร่ถึงสายตาผู้อ่าน หลายท่านคงได้ทราบแล้วว่า Spider-Man: No Way Home มีตัวละครตัวใดออกมาปรากฏกายเซอร์วิสแฟนๆ ให้ได้ตาลุกวาวกันบ้าง ซึ่งเป็นของถนัดอยู่แล้วของโปรดิวเซอร์เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ที่ปลุกปั้นเชื่อมต่อจักรวาลมาเวลเข้าด้วยกัน แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่สไปเดอร์แมนภาคนี้ทำได้ดี แต่อาจไม่ถึงขั้นสะท้อนสังคม ปรัชญาชีวิต คำคมบาดใจ เพราะตัวภาพยนตร์สื่อให้เราเห็นถึง ‘การมีชีวิต’ ไม่ว่าจะคนดี คนชั่ว วายร้ายเลือดเย็น หรือฮีโร่ผู้ผดุงคุณธรรม ทุกคนล้วนจมอยู่กับความเจ็บปวด และถวิลหาโอกาสที่สอง เพื่อมีชีวิตในแบบที่อยากจะเป็นและแก้ไขข้อผิดพลาดกับสิ่งที่ผ่านมา
3 ใน 5 ตัวร้ายอย่าง กรีนก็อบลิน (วิลเลม เดโฟ) ดอกเตอร์อ็อกโตปุส (อัลเฟร็ด โมลินา) และอิเล็กโตร (เจมี ฟ็อกซ์) ที่ฉากหน้าต่างวาดลวดลายสมฐานะจอมวายร้าย แต่หากย้อนกลับไปดูสไปเดอร์แมนภาคเก่าจากฝีมือค่ายโซนีพิกเจอร์ส จะพบว่าวายร้ายเหล่านั้นไม่ได้เลวโดยกมลสันดาล พวกเขาต่างมีแผลใจที่ถูกคนรอบข้างและสังคมกดขี่จนระเบิดออกมา เมื่อหลุดมายังโลกของ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ (ทอม ฮอลแลนด์) จึงพยายามขวนขวายโอกาสใช้ชีวิตที่สองในแบบของตัวเอง ชนิดที่โลกที่พวกเขาจากมาไม่สามารถมอบให้ได้
ด้านปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ (ทอม ฮอลแลนด์) ต้องเลือกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัว ส่งวายร้ายกลับบ้านเก่า ทำตามแผนการเดิมเพื่อให้คนอื่นลืมว่าเขาเป็นสไปเดอร์แมนและรอรับโอกาสได้ใช้ชีวิตที่สอง แม้จะรู้ว่าสิ่งที่รอบรรดาวายร้ายอยู่ คือ ‘ความตาย’ ก็ตาม หรือจะเห็นแก่ความเป็นมนุษย์ ช่วยปลดแอกวายร้ายเหล่านั้นเสียก่อนแล้วค่อยไปนึกถึงเรื่องตัวเอง แม้จะรู้ว่าต่อจากนั้นเหตุการณ์คงวุ่นวายบานปลายกว่าเก่า
แต่ตามสโลแกน ‘พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง’ ย่อมชัดเจนว่าหนุ่มน้อยปีเตอร์จะเลือกวิธีการใด
ชะตากรรมต่อไปของฮีโร่ชุดแมงมุม
หากจะใช้ประโยคใดมานิยามภาพยนตร์ Spider-Man: No Way Home ก็คงจะเป็น ‘กว่าจะรู้เดียงสา’ จากเด็กหนุ่มที่ห้อมล้อมไปด้วยคนรักมากมาย กลับต้องเผชิญกับความสูญเสียนับไม่ถ้วน หลีกหนีไม่พ้นชะตาชีวิตรันทดเหมือนสไปเดอร์แมนรุ่นพี่คนก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ ฉบับทอม ฮอลแลนด์ กำลังเติบโตในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ผู้เข้าใจความโลกมากขึ้น และรับรู้ถึงภาระอันใหญ่หลวงที่กำลังแบกอยู่ หากเลือกที่จะใช้ชีวิตเพื่อปกป้องผู้อื่น สุดท้ายแล้วผลที่จะตามมาไม่ว่าจะยังไงก็ต้องแบกรับไว้ให้ได้ และเชื่อว่าภาพยนตร์แฟรนไชส์มาเวลที่ฮีโร่ชุดแมงมุมจะไปปรากฏตัวเรื่องต่อไป เขาจะมีบุคลิกที่โตขึ้นและไว้วางใจได้มากกว่าเดิม
แม้โลกของชีวิตจริงเราจะเสกให้ใครเข้ามาในชีวิตหรือหายไปจากชีวิตเราไม่ได้ เหมือนใน No Way Home ทว่าทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาเรายังสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องกับคนทั้งโลก แต่กับคนที่มีความหมายต่อชีวิตแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะนั่นคงไม่ต่างจากโอกาสที่ 2 ที่เหล่าฮีโร่หรือวายร้ายถวิลหากันมาตลอด
สุดท้ายขอให้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่ามีความสุขตลอดปี 2022 นี้ครับ 🙂
Tags: Marvel, Marvel Cinematic Universe, Screen and Sound, Spider-Man: No Way Home, Tom Holland