หากพูดถึงไอดอลในวงการ K-Pop ที่มีความสามารถมากล้น และใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติ ชื่อของ จอง แจฮยอน (Jeong Jaehyun) สมาชิกวงบอยแบนด์เกาหลี NCT 127 ย่อมติดหนึ่งในท็อปลิสต์อย่างแน่นอน
ตลอดระยะเวลาที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมามากกว่า 8 ปี ด้วยทักษะที่โดดเด่น ทั้งการร้องและการแสดงของแจฮยอน ทำให้เขาได้รับความนิยมในกลุ่มแฟนคลับเป็นอย่างมาก
ย้อนกลับไปก่อนหน้า แจฮยอนเคยได้รับบทบาทเป็น ‘นักร้องเดี่ยว’ ผ่านการถ่ายทอดบทเพลงในโปรเจกต์พิเศษอย่าง NCT LAB อยู่หลายครั้ง ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา กับเพลงสไตล์ R&B ง่ายแก่การฟังอย่าง Forever Only และ Horizon อีกทั้งยังมีโอกาสแสดงสเตจเดี่ยวแล้วมาครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งการเดินสายแสดงคอนเสิร์ตครั้งที่สองของ NCT 127 กับเพลง Lost (ที่ปัจจุบันยังไม่ได้เผยแพร่สู่สาธารณะเสียที)
นอกเหนือจากทักษะการร้องที่โดดเด่นแล้ว ทักษะอื่นของเขาก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ในปี 2022 แจฮยอนได้รับโอกาสในฐานะ ‘นักแสดง’ ครั้งแรกกับบทบาทนักศึกษาในซีรีส์วัยรุ่น Dear.M (2022) และยังกลายเป็น ‘แฟชั่นไอคอน’ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์เสื้อผ้าหรูสัญชาติอิตาลีอย่าง PRADA อีกด้วย
มาวันนี้ ‘แจฮยอน’ กลับมาอีกครั้งด้วยบทบาท ‘ศิลปินเดี่ยว’ อย่างเป็นทางการ กับภาพลักษณ์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ในอัลบั้มเต็มชุดแรกอย่าง ‘J’ ที่ภาพลักษณ์เติบโตมากขึ้น อีกทั้งอัลบั้มเดี่ยวครั้งนี้ยังได้ทุกอณูของความเป็นตัวเอง ตั้งแต่การถ่ายทอดเนื้อหาและเรื่องราวที่หลากหลายตามแบบฉบับวาเลนไทน์บอย
ชื่ออัลบั้ม ‘J’ เกิดจากการนำนิสัยส่วนตัวของแจฮยอน ที่มักเขียนตัวอักษร J ซึ่งเป็นชื่อย่อของเขาลงบนสิ่งของของเจ้าตัว ทั้งขวดน้ำและ AirPods เพื่อให้ทุกคนรับรู้โดยทั่วกันว่า ของชิ้นนั้นมีแจฮยอนเป็นเจ้าของ แจฮยอนจึงหยิบยกนิสัยที่ว่านั้นมาเป็นชื่อของอัลบั้มเต็มชุดแรกของเขา
“บางครั้งผมอยู่ในสภาพที่ใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนเด็กเอามากๆ บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น แต่ผมรู้สึกเหมือนมีทั้ง 2 อย่างในตัวผมตลอด” แจฮยอนกล่าว
นั่นทำให้แจฮยอนต้องการสื่อสารแนวเพลงที่แสดงถึงอัตลักษณ์เฉพาะตัว โดยเข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์เพลงด้วยตัวเอง เพราะหากไม่มีตัวตนของเขาในเพลงเหล่านั้น เพลงก็ไร้ความหมาย
สำหรับอัลบั้ม ‘J’ บรรจุเพลงมากถึง 8 เพลง โดย Smoke เพลงสไตล์ Hip Hop/R&B จะทำหน้าที่เป็นเพลงไตเติลของอัลบั้ม ขณะที่อีก 7 เพลงที่เหลือประกอบด้วย Roses, Flamin’ Hot Lemon, Dandelion, Completely, Easy, Can’t Get You และ Smoke (English Version) ที่เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้ค้นหาความชอบในอัลบั้มเต็มชุดแรก
ทั้งนี้ผู้เขียนขอหยิบยกบางเพลงมานำเสนอ เพื่อสะท้อนความรู้สึกในบทความ โดยเพลงที่โดนใจผู้เขียนมากที่สุด มีด้วยกันทั้งหมด 4 เพลง ดังนี้
‘ไร้เดียงสา-บริสุทธิ์’ ราวกับ Dandelion
Dandelion เพลงรักสไตล์ R&B จังหวะปานกลาง เผยเสน่ห์อันร่าเริงและสดใสของแจฮยอนที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ซึ่งแรงบันดาลใจของเพลงร้อยเรียงจากความทรงจำอันบริสุทธิ์ของแจฮยอน ที่นำความประทับใจในวัยเยาว์ของเขา ยามได้พบดอกแดนดิไลออนสีขาวกลมขนปุยเบ่งบานริมท้องถนน ด้วยความไร้เดียงสาในวัยเยาว์ของใครหลายคน ล้วนอยากจะสัมผัสและเป่าปุยเมล็ดของมันให้ล่องลอยไปในอากาศ และเขาก็เป็นดังเช่นคนเหล่านั้น
ความหมายของเพลงเป็นการกล่าวถึงชายคนหนึ่งที่พร้อมอยู่เคียงข้างคนรัก โดยเปรียบคนรักเป็นดอกแดนดิไลออนที่เป็นดังความสุขในชีวิต คอยดึงเขาให้กลับมามีรอยยิ้มในทุกๆ ครั้ง เพราะคุณเป็นดั่งแดนดิไลออนน้อยของผม (You’re my little dandelion) แม้จะล่องลอยขึ้นสูงเหนือท้องฟ้า หรือดำดิ่งสู่ก้นลึกของมหาสมุทรแอตแลนติก เขาก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเธอในทุกๆ ที่
Dandelion เป็นเพลงแรกในอัลบั้มที่ถูกนำขึ้นแสดงล่วงหน้าก่อนการปล่อยอัลบั้ม ในช่วงเทศกาลเพลง The 16th Seoul Jazz Festival 2024 ซึ่งแจฮยอนได้รับเกียรติจาก Lauv ศิลปินเจ้าของเพลงดังอย่าง I Like Me Better ให้เป็นแขกรับเชิญการแสดง ซึ่งพวกเขาได้ร่วมกันแสดงเพลง Dandelion ในเทศกาลเพลงดังกล่าว
ผู้เขียนขอยอมรับจากใจจริงเลยว่า รู้สึกชื่นชอบเพลงนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง ประกอบกับมิวสิกวิดีโอของเพลงนี้ ทำให้เห็นตัวตนของแจฮยอนในมุมที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งความสดใสร่าเริงที่แสดงออกมา หรือการเล่นกับเด็กด้วยความเอาใจใส่ ทำเอาผู้เขียนคลี่ยิ้มออกมาด้วยประทับใจอยู่ไม่น้อย
Dandelion in the sky
Hard to see, When the sun is in my eyes
Call it blind 너는 왜 덩그러니 길가에?
We’ll be great either way
Oh, 속삭인 순간 My, oh, my,
Flyin’ high, You’re my little dandelion
ดอกแดนดิไลออนที่ล่องลอยอยู่บนฟากฟ้า
ยากที่จะมองเห็น ในยามที่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในดวงตา
ราวกับตาแทบบอด ทำไมคุณถึงยังยืนอยู่ริมถนนคนเดียวแบบนี้ล่ะ
ที่รัก เราจะไปกันได้ดีไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไหน
โบยบินให้สูงขึ้นไป คุณแดนดิไลออนน้อยของผม
Dandelion, Jaehyun
เร่าร้อน จัดจ้านดังรสชาติ Flamin’ Hot Lemon
อีกหนึ่งบทเพลงคลั่งรักสไตล์ R&B/Soul ที่แจฮยอนเลือกถ่ายทอดด้วยเนื้อเสียงนุ่มทุ้มชวนฝันและเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน
เพลงนี้เขาร่วมเขียนและเรียบเรียงเนื้อร้องกับ Emotional Oranges ศิลปินดูโอแนว R&B/Pop ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา Flamin’ Hot Lemon เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ด้วยการนำรสชาติของขนม Flamin’ Hot Lemon มาเปรียบเทียบกับช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับใครสักคน โดยที่เขาค่อยๆ ตกหลุมรัก ชื่นชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกการกระทำ และเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ เพราะเธอเป็นเหมือนผู้หญิงในฝันที่ไม่อาจเอื้อมถึง ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่เลือกรักคนอื่นนอกจากเขาไปเสียก่อน
แรงบันดาลใจของเพลงนี้ แจฮยอนเล่าว่า เกิดขึ้นจากความรู้สึกแปลกประหลาดต่อรสชาติของขนม Flamin’ Hot Lemon จึงเกิดแรงบันดาลใจและเริ่มลงมือแต่งเพลงนี้ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ได้กินขนม
เมื่อรู้ที่มาที่ไปของเพลงสุดคลั่งรักนี้ ผู้เขียนเองก็แอบอมยิ้มอยู่ไม่น้อย เพราะสมแล้วกับฉายานาม ‘ฟู้ดไฟต์เตอร์’ ของวง ทำให้ Flamin’ Hot Lemon ถือเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่ผู้เขียนชื่นชอบมากที่สุดในอัลบั้มนี้เลยก็ว่าได้
Girl, I’ve been crushing for two weeks
But I just keep it to myself
You got Options but I hope
That you don’t pick nobody else
My flamin’hot lemon
As amazing in that denim
She’s sweet like watermelon
I love the way you taste
Flamin’ Hot Lemon, Jaehyun
Can’t Get You ความทรงจำที่ไม่อาจหวนคืน
บทเพลงสไตล์ R&B จังหวะปานกลางที่เต็มไปด้วยอารมณ์แจ๊ซและกรูฟ ดนตรีมีกลิ่นอายความเป็นตะวันตก ผสมผสานเครื่องเป่าและเสียงกลองได้อย่างนุ่มนวล ทำให้เพลงดูสดใสและมีชีวิตชีวา แต่หากมองให้ลึกไปถึงความหมายและเนื้อหาสาระ กลับมีความเหงาแฝงอยู่ในบทเพลง
Can’t Get You เป็นเพลงที่แจฮยอนร้อยเรียงเนื้อเพลงและทำนองขึ้นมาเองเพียงคนเดียว โดยบรรยายถึงบรรยากาศที่เขาเคยใช้ร่วมกันกับคนในความทรงจำ แม้กระทั่งตอนนอน เขาก็เอาแต่ฝันถึงใบหน้าของเธอ
อีกหนึ่งความพิเศษของบทเพลงนี้คือ ได้รับการสนับสนุนจากนิตยสารแฟชั่นของเกาหลีใต้ Esquire Korea และ PRADA ในการร่วมผลิตมิวสิกวิดีโอ เพื่อเผยแพร่ผ่านช่องทางอินสตาแกรมและยูทูบของนิตยสาร โดยมิวสิกวิดีโอได้ถ่ายทำ ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ระหว่างที่แจฮยอนเดินทางไปร่วมงาน PRADA Fall/Winter 2024
Anything I do, everywhere I go
If it ain’t with you
Everything is so, so
If it ain’t with you, yeah, oh
I can’t get you out of my
Can’t Get You, Jaehyun
Smoke ชวนคนรักล่องลอยดุจควันในยามราตรี
สำหรับเพลงไตเติลอัลบั้มชุดแรกของแจฮยอนอย่างเพลง Smoke เป็นเพลงสไตล์ Hip Hop/R&B ที่ผสมผสานเสียงร้องอันน่าหลงใหลกับเสียงกีตาร์ริฟฟ์และไลน์เบสอย่างเป็นจังหวะ พร้อมท่อนคอรัสที่มีการปรับเสียงต่ำลงอย่างเรียบง่าย
ผู้เขียนไม่แปลกใจที่เพลงนี้ได้รับเลือกให้เป็นเพลงไตเติล เพราะเป็นเพลงที่ดึงเสน่ห์ของแจฮยอนออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด
นอกจากนี้ แจฮยอนยังมีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลง โดยพูดถึงช่วงเวลาสุดโรแมนติกขณะที่อยู่บนรถกับคนรัก เขานำความรู้สึกและอารมณ์ที่พุ่งสูงขณะนั้นมาเปรียบเทียบกับควันที่ลอยขึ้นมาจาก Boombox ชวนให้ผู้ฟังรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ล่องลอยเหมือนควันและนำพาอารมณ์ให้ทะยานสูงขึ้นไปพร้อมกับเสียงดนตรี
808 Trunk goin’ crazy
한껏 피는 아지랑이
Hot girl pump up the AC
Pump up the,
pump pump up the (AC)
해와 같이 타는 시소
해가 떨어지면 붕 떠 위로
왠지 네게 가는 길은 길어져
I don’t know why
เสียงเบส 808 บรรเลงอย่างบ้าคลั่ง
หมอกควันที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างเต็มที่
เธอที่แสนเร่าร้อน ปรับระดับเครื่องปรับอากาศ
เพิ่มขึ้นอีก เพิ่มมากกว่านี้อีก
เล่นไม้กระดานหกกับดวงตะวัน
เมื่อตะวันตกลงเราก็ลอยขึ้นไป
ไม่รู้ว่าทำไม ทางที่ไปหาเธอช่างยาวนานขึ้น
Smoke, Jaehyun
ด้านมิวสิกวิดีโอก็มีความพิเศษเช่นเดียวกัน ด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวของแจฮยอนผ่านภาพยนตร์สั้น มีเนื้อหาสอดคล้องกับเรื่องราวเทพปกรณัมกรีกโรมันอย่างนาร์ซิสซัส (Narcissus) ที่เล่าเรื่องราวชายหนุ่มผู้ตกหลุมรักในความสมบูรณ์แบบของตัวเอง (Narcissism) และผลักดันตัวเองให้หลุดพ้นออกจากกรอบความหลงใหล
เห็นได้จากฉากที่แจฮยอนพยายามเอาเทปกาวและกระดาษปิดสิ่งของต่างๆ ที่เกิดเงาสะท้อนให้เห็นใบหน้าของเขา หรือแม้แต่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งที่เขาต้องลงกลอนล็อกเอาไว้
ตัวตนของเขาในอดีตมักจ้องมองตัวเองผ่านกระจกและเงาที่สะท้อนบนผิวน้ำ ราวกับต้องมนตร์สะกดและลุ่มหลงในรูปลักษณ์ของตัวเอง ภายในมิวสิกวิดีโอมีการใส่สัญญะในฉากต่างๆ ทั้งในฉากตอนต้นที่เขายังคงหลงใหลในตัวเองอยู่ สังเกตได้จากเสื้อผ้าที่สวมใส่ เป็นชุดสูทปักดิ้นทองลายดอกไม้ รวมถึงวอลล์เปเปอร์ลายดอกไม้ภายในห้องที่ถูกเบลอไว้ และบริเวณหน้ากระจกมีดอกนาร์ซิสซัสถูกจัดใส่แจกันอย่างสวยงามเช่นเดียวกัน
หลังจากที่เขาเริ่มหลุดพ้นจากการถูกตัวเองครอบงำจิตใจ ชายคนนั้นถูกดูดเข้าไปในโซฟา และหลุดออกมาราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง โดยเครื่องแต่งกายของเขาถูกเปลี่ยนจากชุดสูทลายดอกไม้ เป็นชุดลำลองสีดำ และในช่วงท้ายชุดของเขาถูกเปลี่ยนเป็นชุดสูทสีขาว แสดงให้เห็นว่าเขาเริ่มหลุดพ้นจากการหลงตัวเองได้แล้วนั่นเอง
ผู้เขียนขอชื่นชมเลยว่ามิวสิกวิดีโอ เพลง Smoke ของแจฮยอนนำเสนอเรื่องราวออกมาได้อย่างน่าประทับใจ และมีการใส่ใจในทุกรายละเอียด ด้วยทักษะการแสดงอันสุดทึ่งของแจฮยอนในด้านที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถ่ายทอดความรู้สึกและเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้อย่างแนบเนียนราวกับกำลังชมภาพยนตร์
ทั้ง 4 บทเพลงในข้างต้นเป็นเพียงเพลงที่ผู้เขียนชื่นชอบเท่านั้น แต่ภายในอัลบั้มยังมีอีก 3 บทเพลง เช่น Roses, Completely และ Easy ที่รอคอยให้ผู้ฟังได้มาสัมผัสเอกลักษณ์และความเป็นตัวตนของแจฮยอนอยู่ภายในอัลบั้ม ‘J’
โดยรวมของอัลบั้ม ‘J’ ถือเป็นอัลบั้มที่รวบรวมเพลงสุดโรแมนติกที่สะท้อนนิยามและเอกลักษณ์ของแจฮยอนได้อย่างลงตัว สามารถเผยเสน่ห์หลากหลายด้าน ที่เหล่าแฟนคลับไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ด้วยทักษะรอบด้านของเขา ทั้งการร้อง การเต้น การแสดง รวมไปถึงการแต่งเพลง แจฮยอนสามารถทำออกมาได้ดีในทุกด้าน สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจและความใส่ใจในการทำงานของแจฮยอนในทุกอณู เพื่อถ่ายทอดความเป็นตัวเองลงไปในอัลบั้มเต็มชุดแรกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ท้ายที่สุดแล้ว ในมุมมองของผู้เขียนมองว่า ‘J’ จะไม่เป็นแค่อัลบั้มเพลงธรรมดาเท่านั้น แต่มันจะกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์ของประโยคที่ว่า ‘Jaehyun is all rounder’ นั้นไม่เกินจริงเสียเลย
Tags: NCT127, SMTrue, Jaehyun, แจฮยอน, Jeong Jaehyun, จอง แจฮยอน, Screen and Sound, SM Entertainment, NCT