อัจฉริยะไอดอล
One-Top Solo
และผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่
นอกจากการเป็นเมนโวคอลคนสำคัญของ EXO บอยแบนด์สัญชาติเกาหลีใต้-จีน ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามภายใต้ฉายา ‘ราชาแห่งเคป็อป’ (King of K-Pop) และ Nation’s Pick
พยอน แบคฮยอน (Byun Baekhyun) หรือแบคฮยอน ยังเป็นที่รู้จักในบทบาทศิลปินเดี่ยว จนได้รับการขนานนามในฐานะ ‘เพชรเม็ดงาม’ ของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ สะท้อนจากสมญานามจากสาธารณชนตลอดระยะเวลา 12 ปี
เริ่มต้นเดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยวจากเพลง UN Village อัลบั้ม City Lights ในปี 2019 ด้วยภาพลักษณ์ที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะการร้องเพลงแนว R&B ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ใครต่างจับตามองศักยภาพที่ไม่มีวันสิ้นสุดของผู้ชายคนนี้ หลังจากมีผลงานเดี่ยวในอดีต ไม่ว่าจะเป็นคอลแลปแห่งศตวรรษอย่างเพลง Dream คู่กับ เบ ซูจี (Bae Suzy) นักร้องและนักแสดงสาวมากความสามารถ หรือบทบาทนักแสดง ‘องค์ชายสิบ’ จากซีรีส์ Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo (2016) จนถึงซิงเกิลเดี่ยว คือเพลง Take Your Home ในโปรเจกต์ SM Station
เพชรเม็ดงามดวงนี้ทอประกายแสงอย่างโดดเด่นในปี 2020 เมื่อแบคฮยอนขึ้นแท่นศิลปินเดี่ยวคนแรกที่ทำยอดขายอัลบั้มชุดที่ 2 Delight (2020) ได้ถึง 1 ล้านอัลบั้มในรอบ 20 ปีสำเร็จ ทำให้ได้รับฉายา One-Top Solo จากสื่อมวลชน ซึ่งก่อนหน้านี้ มีเพียง ซอ แทจี (Seo Tae-ji) ศิลปินที่ได้รับการยกย่องในฐานะผู้ทรงอิทธิพลในทศวรรษ 2000s ที่ทำสถิติดังกล่าวได้
แม้จะต้องเข้ากรมรับใช้ชาติในปี 2021 แต่ความนิยมของแบคฮยอนยังเพิ่มขึ้นไม่มีเสื่อมคลาย เมื่ออัลบั้มชุดที่ 3 ของเขาอย่าง Bambi (2021) ทุบสถิติยอดขาย 1 ล้านอัลบั้มเช่นเคย อีกทั้งยังได้รับรางวัลศิลปินชายยอดเยี่ยมแห่งปี (Best Male Artist) จากมามาอวอร์ด (Mnet Asian Music Awards: MAMA) ติดต่อกันเข้าปีที่ 3 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ไม่ใช่แค่บทบาทไอดอลและศิลปินเดี่ยว ในเดือนมกราคม 2024 แบคฮยอนยังเริ่มต้นใหม่ในฐานะ CEO แห่ง INB100 Entertainment บริษัทของตนเองที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อ EXO-L กลุ่มแฟนคลับของ EXO โดยมีพี่น้องร่วมวงอย่าง เฉิน (Chen) และซิ่วหมิน (Xiumin) อยู่ร่วมชายคาในบ้านหลังใหม่ไปด้วยกัน
หนึ่งในเครื่องยืนยันความสำเร็จของ INB100 Entertainment คือ 2024 BAEKHYUN ASIA TOUR [Lonsdaleite] IN BANGKOK คอนเสิร์ตเดี่ยวออฟไลน์ของแบคฮยอนครั้งแรก โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในหมุดหมายของการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 7-8 ในวันที่ 15-16 มิถุนายนที่ผ่านมา
“อีก 10 ปี เกาหลีใต้คงหาไอดอลที่สมบูรณ์แบบและครบเครื่องเหมือนแบคฮยอนไม่ได้อีกแล้ว”
นี่คือความรู้สึกของใครหลายคน รวมถึงผู้เขียนในฐานะ EXO-L หลังจากชมคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศไทยของแบคฮยอน ผู้ชายที่โดดเด่นเหมือนเพชรเม็ดงาม และเปล่งประกายราวกับแสงในทุกการแสดงบนเวที
เพชรเม็ดงามนอกโลก & จักรวาล EXO : ปฐมบทของ Lonsdaleite คอนเสิร์ตเดี่ยวออฟไลน์ครั้งแรกของแบคฮยอน
Lonsdaleite (อ่านว่า ลอนดาไลต์) ชื่อคอนเสิร์ตของแบคฮยอน มาจากเพชรหกเหลี่ยมชนิดหนึ่งที่ได้รับการขนามว่า ‘แข็งแกร่ง’ ที่สุดในโลก ซึ่งส่วนใหญ่มักพบในอุกกาบาตจากนอกโลกที่หายากเป็นพิเศษ รวมถึงยังมีกระบวนการซับซ้อนและยากลำบาก กว่าจะได้เป็นแหวนเพชรบนนิ้วมือ
หากใครเป็น EXO-L คงคุ้นชินกับสตอรีไลน์ดังกล่าวเป็นอย่างดี เพราะสมาชิก EXO มักใช้คอนเซปต์ของวง คือชายหนุ่มต่างดาวผู้มาจากดาวเคราะห์ EXO Planet และมีพลังวิเศษติดตัว สอดแทรกลงในผลงานเดี่ยวของตนเองเสมอ
เช่นเดียวกับคอนเสิร์ต Lonsdaleite เห็นได้ชัดเจนว่า แบคฮยอนตั้งใจนำคอนเซปต์ข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงครั้งนี้ เพื่อสะท้อนตัวตนและจุดกำเนิดของเขาในฐานะ EXO ดังที่เจ้าตัวเน้นย้ำเสมอ สะท้อนจากภาพโปสเตอร์คอนเสิร์ตที่มี 2 รูปแบบ คือด้านสว่างและมืด ซึ่งสอดคล้องกับสีของเพชรที่แวววาว รวมถึง ‘แสง’ พลังประจำตัวของแบคฮยอนในทุกการเดินทางตลอด 12 ปี
ขณะเดียวกัน เดรสโค้ดอย่างเป็นทางการของคอนเสิร์ตครั้งนี้ คือ ชุด ‘สีขาว’ และ ‘กิ๊บผักกาดสีเขียว’ โดยสีขาวมาจากสีของแสงและธีมของคอนเสิร์ต ขณะที่กิ๊บผักกาดสีเขียวหมายถึง การที่ EXO-L โอบอุ้มและปกป้องแบคฮยอน เหมือนผักกาดที่ห่อหุ้มเนื้อย่างในอาหารเกาหลี
สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ และอบอุ่น: Lonsdaleite กับความครบเครื่องเรื่อง ‘รสชาติ’ และ ‘การแสดง’ จาก All-Rounder แห่งยุค
ภายใต้คอนเซปต์เพชรเม็ดงามจากนอกโลก ที่ไม่ทิ้งแก่นรากของความเป็น EXO คอนเสิร์ตครั้งนี้แบ่งเป็นออก 4 ส่วน โดยมีจุดเด่น คือความครบเครื่องทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเท่ เซ็กซี่ร้อนแรง สดใส และอบอุ่นหัวใจ ยังไม่รวมถึงความจัดจ้านของเพอร์ฟอร์แมนซ์บนเวที ทั้งร้อง เต้น และเล่นของแบคฮยอนที่สมกับฉายา All-Rounder แห่งยุค
แบคฮยอนเปิดฉากแรกของคอนเสิร์ตด้วยเพลง Diamond ของ EXO ในชุดสีขาวติดเพชรรอบปก ด้วยท่าทีแข็งแรง มั่นใจ และสง่างาม พร้อมจัดเต็มการแสดง ทำให้หวนนึกถึงคอนเสิร์ต 5 ครั้งที่ผ่านมาของ EXO ก่อนจะค่อยๆ ระเบิดความร้อนแรงเรียกเสียงกรี๊ดจาก EXO-L ด้วยเพลง Playboy เพลง B-Side ของ EXO จากอัลบั้ม EXODUS (2015) ตามมาด้วยเพลง Stay Up, Ice Queen, UN Village ในอัลบั้มเดี่ยว City Lights ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์ผ่อนคลายขั้นกลางด้วยน้ำเสียงหวาน แต่ทรงพลังในเพลง Love Scene และ Bungee
ไฮไลต์ของคอนเสิร์ตคงหนีไม่พ้นเพลง Cry for Love B-Side จากอัลบั้ม Bambi โดยมีสเตจ ‘เตียง’ เป็นซิกเนเจอร์ที่ทุกคนต่างพูดถึงความสร้างสรรค์ของแบคฮยอน สมกับฉายาอัจฉริยะไอดอล และ One Top Solo
ในฐานะ EXO-L ความพิเศษของ Cry for Love คือเครื่องยืนยันการเติบโตของแบคฮยอนตลอด 12 ปีที่ผ่านมา แม้จะรู้สึกภาคภูมิใจในความสามารถอันเหลือล้นของผู้ชายคนนี้เป็นทุนเดิม ทว่าการแสดงครั้งนี้เปรียบเสมือนมาสเตอร์พีซชิ้นสำคัญที่ดีเยี่ยมขึ้นไปอีก
ไม่ว่าจะเป็นทักษะการร้องระดับโวคอลคิง การเต้นที่สวยงามและแข็งแรงไม่แพ้เมนแดนซ์ รวมถึงไอเดียแปลกใหม่ โดยเฉพาะการร้องไฮโน้ตบนเตียงเคลื่อนที่ ทั้งหมดนี้คือประจักษ์พยานที่บอกว่า แบคฮยอนไม่เคยหยุดจะพัฒนาตนเอง ด้วยการเรียนร้องเพลงและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อถัดจากช่วงแรกของคอนเสิร์ตที่คั่นกลางด้วย VTR แบคฮยอนกลับมาในลุคดุดันและเซ็กซี่ในชุดหนังสีดำ ก่อนจะเริ่มแสดงเพลง Ghost และ Underwater จากอัลบั้ม Delight และปิดท้ายด้วยเพลง Bambi ที่เคยแสดงสดในประเทศไทยครั้งแรกในคอนเสิร์ต M.A.Y. JAM Festival in Bangkok 2023 ทำให้ผู้เขียนที่เคยชมการแสดงนี้ ยังรู้สึกทึ่งและแปลกใหม่กับพลังที่ไม่มีขีดจำกัดของเมนโวคอลจาก EXO
แบคฮยอนปรากฏตัวในช่วงที่ 3 ของคอนเสิร์ต ด้วยภาพลักษณ์แตกต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ คือ ‘น่ารักสดใส’ สมกับที่ใครหลายคนมักเรียกว่า ‘พี่น้องแบค’ ในภาษาไทย โดยในวันแรกของช่วงนี้ แบคฮยอนสวมชุดสีฟ้ากับกางเกงยีนส์ พร้อมกระเป๋าน้องหมีเกาะหลัง ขณะที่วันที่สองสวมชุดสีชมพูกับแว่นบนศีรษะ (ใช่ ผู้เขียนไปคอนเสิร์ต 2 วัน) และเริ่มต้นการแสดงด้วยเพลง Poppin’ ตามมาด้วย R U Rin’ กับท่า ‘ออมนึนเด’ ที่ทุกคนต่างรอคอย และน่ารักไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน
แม้จะพบเจอสภาวะขัดข้องในระหว่างพูดคุย เมื่อแบคฮยอนพยายามสอนแฟนชานต์ให้ EXO-L ไทยในวันแรก แต่ก็เกิดความผิดพลาด จนทำให้เจ้าตัวล้อสกิลการร้องเพลง (อีกแล้ว) และถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทว่าวันที่ 2 ทุกคนในฮอลล์ทำได้ดีมาก (จากการนัดแนะบนโลกโซเชียลฯ และก่อนเริ่มคอนเสิร์ต) จนทำให้แบคฮยอนเอ่ยปากชมถึงพลังเสียง และความแม่นยำในการร้องเพลง
“นี่สินะ EXO-L ไทยตัวจริง” แบคฮยอนเอ่ยปากชม ตามมาด้วยอาการปิดหู เพราะเสียงกรี๊ดล้นหลามของ EXO-L ก่อนจะยกธงขาว แสดงอาการยอมแพ้พลังแอ๋วไทย
ก่อนจะเข้าช่วงสุดท้าย แบคฮยอนปิดการแสดงช่วงที่ 3 ด้วยเพลง Betcha และ Candy หลังจากนั้น EXO-L ไทย รับไม้ต่อด้วยการโชว์พลังเสียงร้องเพลงในโปรเจกต์ทั้ง 2 วัน ตามลำดับ คือ Beautiful และ Take Your Home ซึ่งอันที่จริง ทุกคนก็ทำได้ดีตามมาตรฐานทั้ง 2 วัน แม้จะหนีไม่พ้นสายตาของเจ้าของคอนเสิร์ตในฐานะ ‘ตำรวจด้อม’ ที่คอยจับผิดและล้อทุกคีย์การร้อง (ฮา)
เมื่อถึงช่วงที่ 4 คอนเสิร์ต แบคฮยอนเซอร์ไพรส์ทุกคน ด้วยเพลง Paranoia จากโปรเจกต์ League of Legends ก่อนจะพูดคุยสัพเพเหระ หรือไถ่ถามความต้องการของแฟนคลับ ทั้งในเรื่องฮอลล์ การแสดง การพูดภาษาไทยตามแบบฉบับคนน่ารัก ไม่ว่าจะเป็น ‘ผมน่ารักไหมครับ’ ‘แหล่มเลย’ หรือแม้แต่ประเมินการร้องเพลงของ EXO-L ไทยอีกครั้ง
แต่แล้วในวันสุดท้ายของคอนเสิร์ต ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อแบคฮยอนขอเปลี่ยนเพลงกะทันหัน (แบบที่ไม่เคยทำในประเทศไหนมาก่อน) เพราะอยากร้องเพลงคู่กับ EXO-L ไทยในเพลง Dream แทนที่จะเป็น Privacy ตามเซ็ตลิสต์เดิม
“อยู่ดีๆ ก็อยากร้องเพลง Dream ขึ้นมาครับ เปลี่ยนได้ไหม” แบคฮยอนถามสตาฟในคอนเสิร์ต ก่อนจะได้รับสัญญาณ ‘ไฟเขียว’ ขณะที่เสียงรอบด้านตัวผู้เขียน คือ “ซวยแล้ว เนื้อเพลงอยู่ไหน” จนถึง “พี่แบค ขอเวลาหาเนื้อเพลงก่อน”
เพราะแอ๋วไทยไม่แพ้ใครในโลก ทุกอย่างที่ฉับพลันก็ผ่านไปด้วยดี แม้แบคฮยอนจะแสดงอาการตกใจอยู่ไม่น้อยกับเสียงร้องที่สูงกว่าต้นฉบับ โดยเมนโวคอลคนเก่งของ EXO ให้ชมกึ่งฟีดแบ็ก ก่อนที่คอนเสิร์ตจะปิดฉากด้วยเพลง Garden in the Air และ Amusement Park
ยังไม่รวมถึงรอบ Send off ที่แบคฮยอนทิ้งระเบิดในวันสุดท้าย ด้วยการสปอยเพลงในอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 4 คือ Rendezvous จนเรียกเสียงกรี๊ดจากทุกสารทิศ ก่อนจะบอกลากันไปด้วยสัญญาว่า จะกลับมาเยือนประเทศไทยให้บ่อยขึ้น พร้อมกับฮอลล์ที่ใหญ่กว่าเดิมตามคำเรียกร้องของทุกคน
จาก B[e] MY LOVE Fan Video Project to ‘ข้อความจาก EXO-L ชาวไทย’ สู่ ‘สัญญาใจจากแบคฮยอน’
“มีใครบางคนที่เติบโตขึ้นได้ด้วยกำลังใจเล็กๆ จากแบคฮยอน และมีใครบางคนเริ่มต้นวันที่ดีได้ ด้วยข้อความแสนอบอุ่นจากแบคฮยอน”
ข้างต้นคือข้อความถึงแบคฮยอนจากวิดีโอแฟนโปรเจกต์ B[e] My LOVE โดยบ้าน EXO – Beagle Line TH ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ที่ยังคง ‘ติดอยู่ในใจ’ ของใครหลายคน สะท้อนจากเสียงสะอื้น และคราบน้ำตาบนในหน้าของ EXO-L หลังจากชมวิดีโอดังกล่าว
เพราะสำหรับใครหลายคน ความรักในศิลปินเปรียบเสมือนเป็นแรงขับเคลื่อนในการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ทั้งเป็นเรื่องที่ดีในวันที่แย่ เป็นต้นแบบในการพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุด เป็นแรงใจในการทำงาน เพื่อนับวันรอคอยได้พบเจอกันในคอนเสิร์ตอีกครั้ง
ซ้ำต่อให้มีเส้นกั้นอย่าง ภาษา เวลา และระยะทางอันแสนห่างไกล หรือแม้แต่ต้องจากกันเพราะความจำเป็นบางอย่าง แต่ทุกอย่างไม่เคยเป็นอุปสรรคสำหรับ EXO-L เพราะการแสดงออกแสนชัดเจนและหนักแน่นของแบคฮยอนเสมอมา จนกลายเป็นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างศิลปินกับแฟนคลับที่ไม่เคยพบกันก็ตาม
ทั้งการทิ้งคลิปวิดีโอต่างหน้า ข้อความทักทายจากบับเบิลเกือบทุกวัน การไลฟ์กินของอร่อยด้วยท่าทีเป็นกันเอง การเปิดสเปซบน X เพื่อเล่าความกลัวในใจให้ทุกคนฟัง หรือแม้แต่ Deep Conversation บนเวทีในประเทศไทย ถึงสถานการณ์การฟ้องร้องล่าสุดระหว่างต้นสังกัดเก่าว่า
“ผมขอสัญญาอย่างเต็มปากว่า จะไม่ยอมแลกสิ่งใดกับความทรงจำระหว่างเรา การที่ได้เล่นคอนเสิร์ต ได้ยิ้ม ได้ร้องไห้ พูดคุยสนุกสนานไปด้วยกัน คือช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดของผมครับ
“ผมจะทำงานหนักเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดและความสุขให้กับทุกคน เวทีตรงนี้และแบคฮยอนคนนี้จะยังคงอยู่เหมือนเดิม”
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงความ ‘ภักดี’ อย่างไร้ข้อกังขาของแบคฮยอน ในฐานะ ‘สัญญาใจ’ ต่อ EXO-L เหมือนอย่างที่เคยเป็นเรื่อยมา แม้ต้องเผชิญสถานการณ์ไม่แน่นอน หลังมหากาพย์การฟ้องร้องระหว่างต้นสังกัดเก่ากลับมาบานปลายอีกครั้ง จนนำไปสู่มาตรการขั้นเด็ดขาดทางกฎหมายจาก INB100 Entertainment
ทว่าผู้ชายคนนี้ยังคงยืนเด่นอย่างกล้าหาญ พร้อมจะปกป้องสิ่งที่เขาหวงแหนมากที่สุด คือสายสัมพันธ์อันมีค่าระหว่าง EXO-L กับ EXO ตลอดระยะเวลา 12 ปี ที่เปรียบเสมือน ‘Safe Zone’ และ ‘ครอบครัว’
ท้ายที่สุดนี้ ไม่ว่าสถานการณ์จะจบลงอย่างไร แต่สิ่งที่ทุกคนเชื่อมั่นได้เสมอ คือความเป็น ‘หนึ่งเดียว’ ของ EXO ดังสโลแกน ‘We Are One’ และความแข็งแกร่งของแบคฮยอนอดุจเพชรเม็ดงามที่ยากจะทุบทำลาย ตราบเท่าที่มี EXO-L คอยสนับสนุนและปกป้องพวกเขา
“ได้โปรดทุกคนอย่ากังวลมากนัก และยอมรับความรักที่ผมมอบให้เถอะครับ”
แบคฮยอนทิ้งท้าย พร้อมรอยยิ้มและอาการกลั้นน้ำตาเล็กๆ ที่สะท้อนว่า เขารับรู้ถึงความจริงใจของ EXO-L ชาวไทยใน VCR ก่อนจะหยอกล้อให้ทุกคนรีบเช็ดน้ำตาบนหน้าสวยๆ และถ่ายรูปปิดถ่ายด้วยกัน
บทส่งท้าย (ที่ไม่อยากส่ง): ว่าด้วยปัญหาและอุปสรรคในคอนเสิร์ต
2 ชั่วโมง 10 นาทีใน 2 วันของคอนเสิร์ต
แม้จะเป็นช่วงเวลาแสนสั้นในการพบแบคฮยอน เมื่อเทียบกับเวลาเกือบครึ่งชีวิตในการติดตาม EXO แต่นี่คือหนึ่งในช่วงเวลาล้ำค่าที่สุดของผู้เขียน โดยเฉพาะการได้ใช้เวลาและทำความรู้จักกับศิลปินที่ตนเองชื่นชอบมากขึ้น
นอกจากความยิ่งใหญ่ของโปรดักชัน ความคุ้มค่าการใช้พื้นที่บนเวที และ ‘ความเป็นที่สุด’ ด้านการร้องและเต้นระดับแรงก์ S ที่ทุกคนเห็นตรงกันว่า ความสามารถของแบคฮยอนเกินกว่าคำว่ามาตรฐานไปเสียแล้ว แต่นี่คือทักษะระดับยอดพีระมิดของอาชีพไอดอล ที่มี ‘พรสวรรค์’ เป็นทุนเดิม และพัฒนายิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ‘พรแสวง’ ตลอดทั้ง 12 ปี
เรายังรู้สึกประทับใจถึง ‘ความเป็นกันเอง’ และ ‘ความใส่ใจ’ ของแบคฮยอนที่เก็บทุกรายละเอียดเล็กน้อยของ EXO-L ไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าตาท่าทางอันคุ้นเคย เสียงร้องเพลง โปรเจกต์ การพูดคุยหยอกล้อ หรือแม้แต่ความทรงจำในอดีต ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้รู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ให้เกียรติและรู้จักแฟนคลับแต่ละประเทศของตนเองอย่างถ่องแท้
ไม่น่าแปลกใจ หากจะมีคำกล่าวในหมู่แฟนคลับต่างชาติว่า EXO-L เป็นกลุ่มแฟนคลับที่โชคดีมาก เพราะศิลปินมักทุ่มเท ใส่ใจ และมอบความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข ซ้ำยังเป็นฝ่ายที่ ‘ขอโทษ’ และ ‘ขอบคุณ’ กับทุกเรื่องอยู่เสมอ แม้ไม่มีความจำเป็นเลยก็ตาม
ทว่าปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหาสำคัญในคอนเสิร์ตครั้งนี้เกิดขึ้น ‘เยอะ’ อย่างน่าตกใจ และต้องขอเรียนตามตรงถึงผู้จัดคอนเสิร์ตในฐานะผู้บริโภคว่า นี่เป็นประสบการณ์ชมคอนเสิร์ตที่ ‘แย่ที่สุดในชีวิต’ และไม่มีอะไรชุบชูใจของผู้เข้าชม นอกจากการมีอยู่ของแบคฮยอนบนเวทีเท่านั้น
หนึ่งในปัญหาที่ผู้เขียนรู้สึกไม่ดีเหมือนใครหลายคน คือปัญหาชาวต่างชาติในคอนเสิร์ตและการรับมือของสตาฟต่อเหตุการณ์ โดยเริ่มนับตั้งแต่ตอนกดบัตร (ที่ยากมาก) เมื่อพบว่า EXO-L ชาวไทยกดบัตรได้น้อยมาก แต่กลับมีชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีนจำนวนมากที่เข้าร่วม ในโซน VIP ลำดับต้น
ในอีกแง่หนึ่ง นี่เป็นเรื่องสมควรตั้งคำถามต่อว่า คอนเสิร์ตจัดขึ้นในประเทศไทย แต่ทำไมชาวต่างชาติเป็นฝ่ายเข้าถึงบัตรได้มากกว่า สวนทางจากนโยบายของญี่ปุ่นที่สงวนให้คนในชาติได้สิทธิบัตร VIP เท่านั้น ซ้ำยังมีผู้ไม่ประสงค์ดีจำนวนหนึ่ง นำบัตรไปจำหน่ายต่อในราคาแพงอย่างโจ่งแจ้ง แต่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกลับจัดการอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะเว็บไซต์กดบัตร
สภาวะ ‘เคราะห์ซัดกรรมซ้อน’ ยังดำเนินต่อไป เมื่อผู้เข้าร่วมคนจีนบางส่วน ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบจนทำให้เกิด ‘มวยระดับย่อม’ ในคอนเสิร์ต ซึ่งผู้เขียนเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยข้างต้น จากการโดนเบียดในหลุม VIP โซน A หลังชาวจีน 2 คนพยายามเบียดเข้ามาแทรกแถว จนเกือบขาดอากาศหายใจ แม้จะเรียกสตาฟบางส่วนหรือชูแท่งไฟเพื่อส่งสัญญาณให้ช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร สุดท้ายผู้เขียนและผู้เข้าร่วมคอนเสิร์ตจำนวนหนึ่ง ต้องตัดสินใจยอมแพ้ และถอยหลังเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ
ปัญหาดังกล่าวยังรวมถึงวันที่ 2 ผู้เขียนค้นพบว่า คนจำนวนหนึ่งพยายามเบียดเข้ามาในพื้นที่ตรงกลาง ทว่าไม่มีฝ่ายจัดการความเรียบร้อย ทำให้มีผู้เป็นลมจำนวนหนึ่ง ขณะที่ EXO-L ในหลุม ต้องแก้เกมด้วยการจัดการปัญหากันเอง ทั้งการรับบทเป็นตำรวจสอดส่อง การช่วยดูแลคนข้างๆ ที่อาจโดนคุกคาม หรือแม้แต่ ‘การปะทะฝีปาก’ กับผู้ก่อปัญหา จนเกิดเป็นวิดีโอไวรัลบนแอปพลิเคชัน X และ TikTok
แม้จะเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นความสามัคคีและทักษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของ EXO-L ชาวไทย แต่ต้องยอมรับโดยทิ้งมุมโลกสวย (Romanticize) ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้คือภาพอันเลวร้ายที่ไม่ควรเกิดขึ้นในคอนเสิร์ต หากคำนึงถึงความคาดหวังของผู้ชมที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับศิลปินที่เขารัก หรือแม้กระทั่งตัวศิลปินที่ควรจะได้รับประสบการณ์จากแฟนคลับในท้องถิ่นโดยตรงก็ตาม
นับว่าน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ความทรงจำอันมีค่าต้องเจือปนด้วยเรื่องราวไม่ดีนัก และได้แต่หวังว่า คอนเสิร์ตครั้งหน้าของแบคฮยอน (รวมถึงสมาชิก EXO คนอื่น) จะออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ สมกับความมุมานะของศิลปิน และราคาที่แฟนคลับต้องจ่าย ทั้งจิตใจ ความรู้สึก รวมถึงเม็ดเงินที่สูญเสียไป
อ้างอิง
https://www.beartai.com/tech/features/516242
https://x.com/EXOBeagleLineTH/status/1802579167185350954
https://www.koreatimes.co.kr/www/art/2024/06/398_292112.html
Fact Box
- แบคฮยอนมีฉายามากมาย ไม่ว่าจะเป็น One Top Solo, คยูง (큥), ชายหนุ่มผมขาว (하얀머리), พยอนโซลเอา (변매진) แต่ฉายาที่แบคฮยอนชื่นชอบที่สุดคือ อัจฉริยะไอดอล (Genius Idol หรือ 천재 아이돌 ในภาษาเกาหลี)
- แบคฮยอนเข้ากรมในปี 2021 ภายใต้หน่วยบริการสาธารณะ เนื่องจากป่วยเป็นโรคไทรอยด์ตั้งแต่วัยเด็ก
- INB 100 Entertainment ประกาศคอนเสิร์ตอังกอร์ของแบคฮยอน คือ 2024 BAEKHYUN ASIA TOUR 'Lonsdaleite [dot] ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศเกาหลีใต้ ในวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2024 ที่ KPSO Dome โดยจำหน่ายบัตรเข้าชมหมดเป็นที่เรียบร้อย
- แบคฮยอนเปิดเผยว่า เขากำลังจะปล่อยอัลบั้มชุดที่ 4 ในช่วงฤดูร้อนของเกาหลี โดยสปอยล์ทิ้งท้ายในช่วง Send Off ของคอนเสิร์ตไว้ว่า เพลงไตเติลเป็นชื่อของผลไม้ที่ทุกคนต้องชอบ และมีแนวเพลงแปลกใหม่จากอัลบั้มที่ผ่านมา
- EXO มีแผนปล่อยอัลบั้มฤดูหนาว หรือ Winter Album ไม่ว่าสถานการณ์การฟ้องร้องจะเป็นอย่างไรก็ตาม หลังจาก The First Snow เพลงบีไซด์ในอัลบั้ม Miracles in December (2013) ขึ้นชาร์ตเพลงอันดับ 1 ในช่วงฤดูหนาวของปี 2023