วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 หลังการประชุมสภาผ่านไป 3 วัน เรื่องที่ถูกสังคมพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องที่ รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายแบบไม่ลงมติในประเด็น ‘ค้ามนุษย์’ กับเรื่องราวของ พลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ที่นำข้อมูลออกมาให้สาธารณชนได้รับรู้ว่าขบวนการค้ามนุษย์ในไทยได้ขนคนจำนวนมากไว้ในเรือประมง และซ่อนไว้ในค่ายกักกันที่เขาแก้ว อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ที่คาดว่าได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น นักการเมือง และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
ในการอภิปรายครั้งนั้น รังสิมันต์ โรม กล่าวถึงนักการเมืองระดับสูงและเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคน เช่น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
วันนี้พลเอกประยุทธ์ได้ออกมาพูดถึงเรื่องดังกล่าวแบบสั้นๆ ในการแถลงหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 1/2565 คำตอบส่วนใหญ่ของเขาคือการถามกลับไปยังสื่อมวลชนว่าทำข่าวแบบด้านเดียวหรือไม่
เมื่อนักข่าวถามเรื่องคดีของพลตำรวจตรีปวีณ พลเอกประยุทธ์ถามนักข่าวกลับทันทีว่า “ก็คดีอะไรล่ะ ไม่ใช่ ก็เขามีคดีอะไรหรือ” นักข่าวคนเดิมจึงอธิบายถึงเรื่องที่พลตำรวจตรีปวีณเคยทำคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮินจา และภายหลังต้องลี้ภัยไปอยู่ประเทศออสเตรเลีย พลเอกประยุทธ์ตอบคำถามนี้ว่าเขาออกไปเอง ตนไม่ได้ทำให้เขาต้องออกไปจากประเทศ
“ไว้เรียกร้องเข้าช่องทางมาสิ ก็ผมไม่ได้ให้เขาออกไปไม่ใช่หรือ เขาออกไปเองไม่ใช่หรือ ใครจะไปทำอะไรเขาได้ บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฎหมาย ถ้าพูดแบบนี้มันก็ไม่ถูก
“ทุกคนเวลาไปก็ไปเอง สมัครใจไปเอง พอจะกลับมาดันบอกไม่ปลอดภัย บางคนไปแล้วก็มีกฎหมายคาอยู่ แต่อยากจะกลับ มองตรงนี้สิ เขา (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ก็ชี้แจงแล้ว เขาชี้แจงมาแล้วคุณเปิดดูสิ เขาชี้แจงในโซเชียลฯ แล้ว เขาแถลงแล้ว ตามเสียมั่งนะ อย่าไปฟังเฉพาะช่องทางไหนช่องทางเดียว มันก็ขัดแย้งกันไม่เลิก ถ้าคิดว่าไม่มีอะไรก็กลับมา เขาไม่ได้มีคดีกับผมไม่ใช่เหรอ ไม่ได้มีคดีกับใครไม่ใช่เหรอ เอาล่ะ ผมไม่ตอบคุณล่ะ ผมไม่ตอบคุณ ก็ไม่เคยเสนอข่าวที่มันเป็นประโยชน์เลย”
พลเอกประยุทธ์ยืนยันไม่ตอบคำถามในเรื่องนี้ ก่อนแสดงท่าทีโกรธเคืองสื่อมวลชนที่นำเสนอแต่ฝั่งของพลตำรวจตรีปวีณ ตำหนิว่าไม่ยอมฟังเรื่องราวจากฝั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยืนยันว่าตนไม่ได้กำลังปกป้องใครอยู่
“ผมจะปกป้องใครเล่า ใครล่ะ! ไม่เปิดชื่อใครก็พูดได้ สังคมก็ต้องคิดอย่างมีหลักมีเกณฑ์ มีหลักฐานสิ ก็กลับมา จะฟ้องร้องใครก็ฟ้องไป กระบวนการก็ตัดสินไป แต่ถ้าฟ้องมาแล้วมันไม่ใช่ เขาก็ฟ้องกลับ แค่นั้นเอง เขาอยู่กันด้วยกฎหมาย ไม่ใช่อยู่กันด้วยคำพูดกันไปพูดกันมา แล้วก็มาขยายความสื่อกันอยู่แบบนี้”