วันนี้ (15 มิถุนายน 2566) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายขอบคุณประชาชนที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากพรรคก้าวไกลได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 7 จาก 10 เขตในจังหวัดเชียงใหม่ หลังเมื่อวานนี้ลงพื้นที่ขอบคุณประชาชนในจังหวัดลำปางและลำพูน

เมื่อเวลา 10.30-11.00 น. ที่เชียงใหม่ศิริพานิช พิธาเข้าประชุมร่วมกับกลุ่มนโยบายเกี่ยวกับปัญหาฝุ่นควันและสิ่งแวดล้อม โดยมี สมพล อนุรักษ์วนภูมิ ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน อำเภอแแม่แจ่ม เป็นหนึ่งในตัวแทนภาคประชาชน ร่วมกันหาแนวทางและมาตรการรับมือกับฝุ่นละออง PM2.5 ได้แก่

– การยกร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด

– การปรับค่ามาตรฐาน ค่าสีในคำเตือน และการวางระบบเตือนภัยให้ประชาชน

– การจัดทำแผนที่ความเสี่ยงและแผนที่เฝ้าระวัง

– การป้องกันไฟป่า

– การควบคุมการนำเข้าข้าวโพด/ สินค้าเกษตรที่มาจากการเผาในต่างประเทศ

– มาตรการลดการเผาในพื้นที่เกษตรในประเทศ

– มาตรการตรวจสอบโรงงาน

– การลดฝุ่นละอองจากยานพาหนะ

– การวางแผนตรวจคัดกรองมะเร็งปอด และความผิดปกติอื่นๆ ในภาคเหนือตอนบน

– การเตรียมพื้นที่/ ห้องปลอดภัย และอุปกรณ์/ มาตรการป้องกันสำหรับประชาชน

ทั้งยังระบุว่า หลังจากการพูดคุยกัน ทุกอย่างต้องเตรียมพร้อมก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 รวมถึงก่อนหน้านี้มีการลงพื้นที่รับทราบข้อเสนอของพี่น้องชาวเชียงใหม่

พิธากล่าวว่า แม้ตนเองไม่ใช่คนเชียงใหม่ แต่มีประสบการณ์เกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 อย่างน้อยใน 3 บริบทด้วยกัน บริบทที่หนึ่งคือ ตอนเป็นอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นประธานกรรมาธิการที่ดิน ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้น จึงมีโอกาสที่จะได้เข้าถึงข้อมูล มีโอกาสได้คุยกับรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ จึงเข้าใจปัญหาในระดับหนึ่ง

ต่อมา เมื่อเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ดำรงตำแหน่ง ส.ส.ที่ต้องดูแลเกี่ยวกับกรรมาธิการงบประมาณ เพราะฉะนั้น จึงทราบว่างบประมาณที่ลงมาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมีจำนวนเท่าไร ส่วนงบบริหาร PM2.5 จะเห็นว่า เบี้ยหัวแตกแค่ไหน ไปอยู่ที่ตรงไหน และมีมูลค่าเท่าไร

บริบทที่สาม คือในฐานะผู้ประสบภัย เพราะหลังยุบสภาฯ และลงพื้นที่หาเสียง อยู่บนรถแห่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่ง PM2.5 พีกที่สุดในปี 2566 หากดูในสถิติจะเห็นว่า เดือนมีนาคมเป็นช่วงที่รุนแรงมากที่สุดในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องเข้าโรงพยาบาลไป 2-3 วัน และต้องถอดสายน้ำเกลือออกมาหาเสียงต่อ เพราะฉะนั้น จึงพอจะเห็นภาพและพูดคุยกับทุกคนได้ หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อไร จะแบ่งการแก้ปัญหาออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับแรกคือระดับนานาชาติ ระดับที่สองคือระดับประเทศ และระดับที่สามคือท้องถิ่น

อีกทั้งยังต้องเข้าใจว่า เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องเดียวกันหมด และผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจจาก PM2.5 จากจังหวัดเชียงใหม่เพียงอย่างเดียวมีมูลค่ามหาศาล ไม่ใช่ปัญหาสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว แต่กลายเป็นปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาของสาธารณสุข ที่รัฐบาลต้องเก็บภาษีเพิ่มเพื่อมาดูแลคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคทางลมหายใจหรือมะเร็งปอด

โดยธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ประเมินมูลค่าผลกระทบจาก PM2.5 ที่จังหวัดเชียงใหม่ไว้ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท เพราะรวมผลกระทบเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุข ส่วนศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินผลกระทบไว้ที่เดือนละประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท หากเกิดผลกระทบ 4 เดือน ก็คิดเป็นเงินจำนวนหมื่นกว่าล้านบาท ดังนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นในเชียงใหม่มีมูลค่าอย่างต่ำหมื่นกว่าล้านบาท

พิธายังระบุอีกว่า งบประมาณปีที่ผ่านมากระจัดกระจายไปหลายส่วน ต่างคนต่างทำ เบี้ยหัวแตกไม่สามารถรวมพลังในการบริหารจัดการได้ งบสิ่งแวดล้อม 85 ล้านบาท เป็นงบไฟป่าอยู่ที่กรมป่าไม้ 14 ล้านบาท กรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น 3 ล้านบาท งบของกลุ่มจังหวัด 58 ล้านบาท และงบของจังหวัด 10 ล้านบาท

พิธาชี้ว่า ผู้นำประเทศจะต้องเข้าใจว่าเรื่องเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุขเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งความท้าทายที่เกิดขึ้นในเชียงใหม่ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา คือการจัดการผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่าง PM2.5 ซึ่งมีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท ด้วยงบประมาณหลักร้อยล้านที่แบ่งสัดส่วนไปยังภาคส่วนต่างๆ อย่างกระจัดกระจายและไร้ประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เชียงใหม่ยังคงแก้ไขไม่ได้

“เพราะฉะนั้น การที่คุณจะเอางบประมาณไปอยู่ในความท้าทายแบบเก่าๆ ไม่ได้อยู่ในความท้าทายแบบใหม่ๆ ให้มันได้สัดส่วนกัน จะให้แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ จะมีพาวเวอร์พอยต์อีกกี่อัน จะมีการประชุมกันกี่ครั้งก็แก้ไม่ได้ ถ้าคุณยังเห็นอยู่ว่า ปัญหาที่มีความท้าทายหลักหมื่นล้าน มีงบประมาณอยู่แค่หลักร้อยล้านในการแก้ปัญหา ให้ข้าราชการแกร่งแค่ไหน ให้ประชาชนรวมตัวกันมากแค่ไหน ก็แก้ไม่ได้ กฎหมายจะดีแค่ไหน ก็ยังแก้ไม่ได้”

ต่อมา เมื่อเวลา 11.15-12.15 น. พิธานำทีมพรรคก้าวไกล พบปะกับกลุ่มชาติพันธุ์ ณ สมาคม IMPECT โดยประกาศต่อหน้าประชาชนทุกคนว่า “ผมอยากให้ความมั่นใจว่า นายกฯ คนต่อไปเป็นคนที่สนใจ ใส่ใจ และพร้อมที่จะเรียนรู้ถึงปัญหาและศักยภาพของพี่น้องชาติพันธุ์และพี่น้องชนเผ่าพื้นเมือง”

พิธาชี้ว่า พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคเดียวที่มีปีกของชาติพันธุ์อยู่ในพรรคการเมือง หลายคนอาจจะกังวลใจว่า ทำไมไม่เห็นอยู่ใน MOU เพราะเรื่องนี้มีเพียงพรรคก้าวไกลผลักดันเพียงพรรคเดียว สนใจในขนาดที่ว่ามีปีกชาติพันธุ์อยู่ในพรรคการเมืองตั้งแต่อดีตพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งตนมองว่า ความหลากหลายเป็นสิ่งที่พรรคต้องโอบรับและส่งเสริม

นอกจากนี้ พิธายังกล่าวอีกว่า กลุ่มชาติพันธุ์เป็นอีกปีกหนึ่งที่สำคัญสำหรับพรรคก้าวไกล เพราะตนมองว่า พรรคก้าวไกลสามารถช่วยให้พวกเขามีอิสรภาพในการจัดคณะทำงาน หรือส่งตัวผู้แทนราษฎรเข้ามาอยู่ในระบบการเมืองไทย ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงให้ความสำคัญกับกลุ่มชาติพันธุ์เป็นอย่างมาก เช่น เรื่องทวงคืนผืนป่า รวมถึง พ.ร.บ.อุ้มหายและซ้อมทรมานที่ยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย ดังตัวอย่างเหตุการณ์ของ บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ หรือชัยภูมิ ป่าแส สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่พรรคอนาคตใหม่และก้าวไกลต่อสู้มาโดยตลอด

เมื่อเวลา 13.20-14.00 น. พิธาเดินทางไปลงพื้นที่ขอบคุณประชาชน ณ ตลาดสดเทศบาลหางดง อำเภอหางดง โดยได้รับการต้อนรับอย่างหนาแน่น จากพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายรูป เข้าไปรุมล้อมตลอดทางเดิน และส่งเสียงให้กำลังใจแก่ พิธาว่าที่นายกฯ คนต่อไปของประเทศไทย

หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า “ครั้งที่แล้วมาเยี่ยมที่ตลาดแห่งนี้ ผมบอกพวกคุณแล้วใช่ไหมว่า อะไรก็เป็นไปได้ เมื่อเราร่วมมือกัน ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องชาวเชียงใหม่ที่เชื่อมั่นในพรรคก้าวไกลไม่เคยเสื่อมคลาย”

พิธายังสัญญาอีกว่า “จะทำงานเพื่อพ่อแม่พี่น้องชาวหางดง และชาวเชียงใหม่อย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ขอให้พวกเราต่อสู้เพื่อพี่น้องชาวเชียงใหม่ทุกคน สร้างระบบเศรษฐกิจเพื่อคนทุกคน ไม่ใช่แค่เพียงเจ้าสัวอีกต่อไป ภารกิจของเราเพิ่งเริ่มต้น พวกเรายังมีงานที่ต้องทำร่วมกันอีกเยอะ ไม่ว่าจะเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ช่วยเหลือชาวเชียงใหม่ให้เศรษฐกิจดี การเมืองดี ปากท้องดี ไปด้วยกันเหมือนอย่างที่เคยให้สัญญาไว้กับพ่อแม่พี่น้อง ก่อนเลือกตั้งเป็นอย่างไร หลังเลือกตั้งก็เป็นอย่างนั้น

“และนี่คือสัญญาหางดง ปฏิญญาหางดงที่เราสัญญาร่วมกัน ไม่ว่าจะเจอขวากหนาม ไม่ว่าจะเจออุปสรรคมากมายขนาดไหน เราสัญญากันแล้วว่าจะไม่มีวันทิ้งกัน”

อ้างอิง

https://www.youtube.com/live/WSWu7G4FMeg

https://www.youtube.com/live/1vwlUuNvTKo

https://www.youtube.com/live/DfJ-ibRKXOo

Tags: , ,