เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้ทำการประกาศว่าพวกเขาจะเปลี่ยนชื่อบริษัทของตัวเองจากเฟซบุ๊กไปเป็น ‘เมตา’ (Meta) เพื่อเป็นการนำร่องไปสู่เทคโนโลยีโลกเสมือนจริงหรือเมตาเวิร์ส (Metaverse) ในอนาคต ซึ่งการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมพร้อมเกิดข้อถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายจากคนหลากหลายกลุ่ม
หนึ่งในเสียงวิจารณ์ที่รุนแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นคำวิพากษ์จาก อเล็กซานเดรีย โอซาริโอ คอร์เตส (Alexandria Ocasio-Cortez) สมาชิกผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ ประจำรัฐนิวยอร์ก ที่ได้ออกมากล่าวเปรียบเทียบการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ของเฟซบุ๊กว่าเป็น “มะเร็งต่อระบอบประชาธิปไตย”
“เมตา (Meta) นั้นเป็นมะเร็งในระบอบประชาธิปไตยที่แพร่กระจายไปเป็นเครื่องเฝ้าระวังที่คอยสอดส่อง และมีการโฆษณาชวนเชื่อระดับโลกเพื่อส่งเสริมระบอบเผด็จการและทำลายภาคประชาสังคมเพื่อผลกำไร!” เธอได้ทำการทวิตลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
เธอขยายความต่อว่า ถ้าหากพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความผูกขาดทางการตลาดออนไลน์ของเฟซบุ๊กถูกตรวจสอบย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงเวลาที่เริ่มมีคู่แข่งอย่างอินสตาแกรมจนถึงช่วงเวลาที่เฟซบุ๊กทำการซื้ออินสตาแกรมไปนั้น เหล่าผู้ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหลายจะมีอิสระ การผูกขาดทางการตลาดที่กำลังบังคับให้ผู้คนต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อยิงโฆษณาขายสินค้าของตัวเองก็คงไม่เกิดขึ้น รวมถึงผู้ใช้โซเชียลมีเดียเหล่านี้ก็คงไม่เกิดการรำคาญหรือคอยระแวงกับการสอดส่องพฤติกรรมบนโลกออนไลน์ของตัวเองอย่างทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น รัฐควรมีมาตรการควบคุมดูแลพฤติกรรมต่างๆ ของบริษัทแบบนี้เพื่อไม่ให้เกิดความผู้ขาดอย่างที่เฟซบุ๊กทำ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอไม่เห็นดีด้วยกับการเคลื่อนไหวต่างๆ ของเฟซบุ๊ก เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาคองเกรสที่ได้ทำการวิจารณ์ และตรวจสอบความโปร่งใสของเฟซบุ๊กมาโดยตลอด เธอเคยเรียกว่าเฟซบุ๊กเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยมาก่อน เมื่อฝ่ายนิติบัญญัติเริ่มวิพากษ์วิจารณ์การครอบงำ และผูกขาดตลาดออนไลน์ของเฟซบุ๊กในปี 2019 ซึ่งเมื่อเวลานั้น เธอทวีตว่า “เฟซบุ๊กอาจมีปัญหาของตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าสังคมของเรา (เช่น ประชาธิปไตยของเรา) กำลังมีปัญหาบนเฟซบุ๊กมากขึ้นเรื่อยๆ”
และดูเหมือนว่าคอร์เตสนั้นจะไม่ใช่คนเดียวที่คิดอย่างนี้ เนื่องจาก Real Facebook Oversight Board กลุ่มเฝ้าระวังที่ตรวจสอบบริษัทโซเชียลมีเดีย ได้ออกมาสนับสนุนคำพูดของคอร์เตสด้วยว่า การเปลี่ยนชื่อรีแบรนด์ในครั้งนี้ของตัวเฟซบุ๊กไม่ได้เปลี่ยนความเป็นจริงแต่อย่างใด เพราะเฟซบุ๊กกำลังทำลายระบอบประชาธิปไตยด้วยการบิดเบือนข้อมูลและสร้างความเกลียดชัง
“การเปลี่ยนชื่อที่ไม่มีความหมายของพวกเขาไม่ควรเบี่ยงเบนไปจากการสืบสวน ระเบียบข้อบังคับ และการกำกับดูแลที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง ซึ่งจำเป็นต่อการทำให้เฟซบุ๊กรับผิดชอบ” กลุ่ม Real Facebook Oversight Board กล่าวเสริม
แม้ว่าการรีแบรนด์ครั้งใหญ่จะสามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้เป็นวงกว้าง แต่เฟซบุ๊กเองก็ได้รับกระแสตีกลับมาพอสมควร เนื่องด้วยทางบริษัทเองพยายามจะเดินไปข้างหน้า โดยไม่ได้สนใจจะออกมาอธิบายข้อครรหาของตัวเองที่ยังค้างคาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการผูกขาดตลาดบนแพลตฟอร์มของตัวเอง ระบบการโฆษณาที่รกหูรกตาเหล่าผู้ใช้จนมากเกินไป หรือแม้กระทั่งข้อกล่าวหาที่อดีตพนักงานอย่าง ฟรานเซส เฮาเกน (Frances Haugen) ได้ทำการออกมาแฉถึงพฤติกรรมที่พวกเขาพยายามใช้อัลกอริทึมให้ผู้ใช้เกิดอารมณ์โกรธเพื่อสร้างยอดเอนเกจเมนต์
ต้องรอดูกันต่อไปว่า เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อใหม่ว่าเมตานี้จะสามารถเดินไปบนเส้นทางที่นำไปสู่เมตาเวิร์สได้อย่างราบรื่นแค่ไหน เวลาเท่านั้นที่เป็นคำตอบ แต่หนทางข้างหน้าต่อไปนี้ของเมตานั้นอาจไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไรนัก
ที่มา
–https://www.newsweek.com/alexandria-ocasio-cortez-calls-meta-cancer-democracy-1643657
Tags: facebook, Technology, AOC, Meta
