วันนี้ (11 กันยายน 2566) ที่รัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายรายขึ้นอภิปรายประเด็นเรื่องโครงการดิจิทัลวอลล็อต หลังคำแถลงนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะ สิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ทวงถามถึงที่มาของเงิน 5.6 แสนล้านบาท ที่จะต้องใช้และเน้นย้ำถึงความสำคัญของกรอบวินัยการเงินการคลัง

นอกจากนี้ ยังมีข้อจำกัดด้านระยะทางและกรอบเวลาการใช้เงินที่กำหนดเอาไว้ว่า ประชาชนจะต้องใช้เงินจำนวน 1 หมื่นบาท ภายในรัศมี 4 กิโลเมตร ตามที่อยู่บนบัตรประชาชน และต้องใช้ให้หมดภายในเวลา 6 เดือน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งข้อกังวลที่ ส.ส.ฝ่ายค้านต่างเสนอแนะเป็นเสียงเดียวกันว่า อาจทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเงินดิจิทัลจำนวนนี้ได้

ต่อมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า หลักคิดของนโยบายนี้ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคไปจนถึงระดับรากฐาน

“เรื่องรัศมี 4 กิโลเมตรของดิจิทัลวอลเล็ตที่หลายฝ่ายเสนอมาว่าควรยกเลิก ผมขอชี้แจงว่า รัฐบาลตระหนักดีว่าในชนบทอาจมีร้านค้าไม่เพียงพอ จึงขอไปหารือและพิจารณารายละเอียดตามคำแนะนำของท่านสมาชิกอีกครั้งหนึ่งว่า อาจจะยกเว้นให้มีการเพิ่มระยะทางได้ในบางจังหวัดหรือบางเขตที่เป็นพื้นที่ห่างไกล

“แต่นอกเหนือจากนั้น เนื่องจากเศรษกิจภูมิภาคของเรากำลังต้องการการกระตุ้น จึงขอคงเงื่อนไขเรื่องรัศมี 4 กิโลเมตรเอาไว้ คนไหนมีถิ่นฐานภูมิลำเนาอยู่ที่ใด ก็ควรกลับไปใช้เงินที่นั่น เรามีเวลา 6 เดือน ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้กลับไปเยี่ยมญาติพี่น้อง ทำให้สถาบันครอบครัวแข็งแกร่งขึ้น”

หลังจากนั้น จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงช่วยเสริมต่อว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่เพียงนโยบายลมปากที่ใช้เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง แต่ผ่านกระบวนการคิดมาแล้วอย่างถี่ถ้วน 

“เรายึดมั่นเรื่องกรอบวินัยการเงินการคลัง และจะไม่มีการแตะต้องทรัพย์สมบัติของชาติ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนวายุภักษ์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ หรือกองทุนประกันตนก็ตาม เรารู้ถึงวัตถุประสงค์ของเม็ดเงินแต่ละส่วนเหล่านี้ดี เราจึงไม่แม้แต่จะคิดที่จะไปแตะต้องมัน

“ทั้งนี้ เราขอเวลาไปตรวจสอบรายละเอียด วางแผนเดินหน้าโครงการ รวมไปถึงการดำเนินการใช้คืนงบประมาณให้หมดภายในระยะเวลาที่กำหนด ผมยืนยันว่าโครงการนี้ไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะแน่นอน และสุดท้ายทุกอย่างจะชัดเจน”

นอกจากนี้ จุลพันธ์ยังตอบกลับข้อเสนอของ วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ท้วงติงว่า รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้เม็ดเงินดิจิทัลไหลเข้ากระเป๋านายทุน แต่ควรใช้โอกาสนี้สร้างแต้มต่อให้ธุรกิจ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยแทนว่า

“ขอรับฟังเอาไว้โดยระลึกถึงความหวังดีของท่าน แต่โดยหลักคิด โครงการของเราจะไม่ ‘เลือกปฏิบัติ’ โดยการไม่ให้กลุ่มทุนใหญ่เข้าร่วม เราให้สิทธิพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ด้วยความเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะสามารถจัดสรรและเลือกนำเงินไปใช้บริโภคได้เกิดประโยชน์สูงสุด” จุลพันธ์กล่าว

Tags: , , , , ,