วันนี้ (19 มีนาคม 2567) ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สุขุมวิท 22 ทีมทนายความและที่ปรึกษาทางกฎหมายของ บิ๊กโจ๊ก-พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) นำโดย ณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ และวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ แถลงข่าวกรณีข้อเท็จจริงที่เผยแพร่ผ่านสื่อสังคมที่กล่าวหาว่า สุรเชษฐ์มีส่วนพัวพันกับคดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่ ซึ่งทีมทนายความเห็นว่า มีข้อเท็จจริงหลายประการไม่เป็นความจริง โดยการแถลงมีทั้งหมด 5 ประเด็น ดังนี้

ประเด็นที่ 1: ใบอนุโมทนาบัตรทอดกฐินที่วัดศาลาปูน วรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

วราชันย์กล่าวถึงประเด็นแรกว่า ตามรายงานของสื่อมวลชนที่ปรากฏใบอนุโมทนาบัตรของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์จำนวน 2 แสนบาท ที่มีข้อสงสัยว่าอาจเป็นเงินที่นำมาจากเว็บพนัน และใช้บัญชีม้าโอนไปให้วัดศาลาปูนเพื่อนำไปลดหย่อนภาษี ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด 

เนื่องจากตรวจสอบข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้วพบว่า การโอนเงินจำนวนดังกล่าวที่ถูกอ้างว่า เป็นบัญชีม้าจำนวน 2 แสนบาท เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 โดยนางสาวหลุย คนรู้จักของ พันตำรวจโท คริษฐ์ ปริยะเกตุ ลูกน้องของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ โอนเงินไปยังวัดศาลาปูนอีกทอดหนึ่ง เพื่อร่วมทำบุญทอดกฐิน ไม่ใช่การโอนโดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์

สำหรับใบอนุโมทนาบัตรที่มีชื่อของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2565 ที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์นำเงินสดของตนไปมอบแก่วัดศาลาปูนด้วยตนเอง

ดังนั้น ข้อกล่าวหาที่ว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ใช้บัญชีม้าโอนเพื่อทำธุรกรรมจึงไม่เป็นความจริง

ประเด็นที่ 2: การซื้อตั๋วเครื่องบินโดยสารแก่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. 

วราชันย์แถลงว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์ระบุว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์นำเงินจากเว็บพนันออนไลน์ซื้อตั๋วเครื่องบินโดยสาร ให้เจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นจำนวนเงิน 13,100 บาท ก็ไม่เป็นความจริง

จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 พันตำรวจโทคริษฐ์ซื้อตั๋วเครื่องบินโดยสารเดินทางไปกลับกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ เป็นการเดินทางกับภรรยาและบุตร โดยชำระผ่านบัญชีธนาคารที่ถูกกล่าวอ้างว่า เป็นบัญชีม้าจำนวน 13,100 บาท กับเอเยนต์ขายตั๋วโดยสาร

ประเด็นที่ 3: การยื่นคำร้องขอออกหมายจับบิ๊กโจ๊ก

สืบเนื่องจากคณะพนักงานสอบสวนในคดีฐานความผิดฟอกเงินของ สถานีตำรวจนครบาลเตาปูนตามคดีอาญาเลขที่ 391/2566 หรือ ‘คดี BNK Master’ พบว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ไม่มีเส้นทางการเงินที่มาจากคดีดังกล่าว อีกทั้งในคดีมีส่วนเชื่อมโยงกับคดีมินนี่ที่ในปัจจุบันอยู่ภายใต้การไต่สวนของ ป.ป.ช.อยู่แล้ว ดังนั้น คณะพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน

นอกจากนั้น ในคดีที่เกิดขึ้นมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งหากอ้างอิงตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีอำนาจสอบสวน ไม่ใช่อำนาจสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่มาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด

ด้วยเหตุนี้ทีมทนายจึงมองว่า เป็นการกระทำของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับ รวมถึงอาจเข้าข่ายการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

หลังจากนี้ ทีมทนายจะเข้ายื่นคำร้องแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการ ป.ป.ช., กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจสอบต่อไป

ประเด็นที่ 4: การเลือกปฏิบัติในการสืบสวนจับกุมเส้นทางการเงิน

ทีมทนายความของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ มีข้อสงสัยต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพราะหากอ้างอิงจากบัญชีธนาคารต้นทางที่เป็นประเด็น อย่างบัญชีธนาคารของนางสาว พิมพ์วิไล ที่มีการโอนเงินไปหลากหลายเส้นทางการเมือง แต่เหตุใดจึงมีการขอออกหมายจับเฉพาะบัญชีที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เท่านั้น

ทีมทนายตั้งคำถามกลับไปยังคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนว่า พฤติการณ์เหล่านี้มีลักษณะของการเลือกปฏิบัติหรือไม่ และยังถามอีกว่าเส้นทางการเงินที่มาจากบัญชีธนาคารของนางสาวพิมพ์วิไล คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีแล้วหรือไม่

ประเด็นที่ 5: คำร้องขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน

นอกจากนี้ อีกประเด็นที่ทีมทนายแถลงต่อสื่อมวลชน คือกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมีการร้องความเป็นธรรมเพื่อขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนไปแล้ว 3 ครั้ง เพราะเหตุไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ในปัจจุบันคำร้องนั้นก็ยังไม่ได้รับการพิจารณาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ทีมทนายเปิดเผยว่า พลเอกสุรเชษฐ์ยืนยันว่า ตนไม่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินต่อคดีมินนี่และคดี BNKmaster ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการกล่าวหาให้มีมลทิน เพื่อเป็นอุปสรรคต่อการพิจารณาเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป

“ทนายความตรวจสอบแล้ว เพราะเหตุใดทำไมจงใจจะเอาให้ได้ เรื่องนี้ไม่มีวาระเป็นอื่นเลย นอกจากจะแจ้งข้อกล่าวหาให้บิ๊กโจ๊กต้องมีมลทินให้ได้” ณัฐวิชช์กล่าว

ด้านพลตำรวจตรี นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ หนึ่งในตำรวจคนสนิทของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์และหนึ่งในผู้ต้องหาคดีมินนี่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ BNK Master พบว่า มีการโยงไปถึงนายพล ต. ภรรยาที่ชื่อ ก. พี่สาวและพี่ชาย ขณะเดียวกัน สาเหตุที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ สืบเนื่องจากการทำคดี ‘เป้รักผู้การ’ ในจังหวัดชลบุรี มีการเรียกเงินเว็บพนันกว่า 100 ล้านบาท โดยในคดีนั้นมีพันตำรวจเอก ด. มีส่วนในการทำผิดกฎหมาย และพบธุรกรรมที่โยงไปถึงตำรวจหญิง 2 นาย ที่มีความสัมพันธ์กับตำรวจระดับสูงเช่นกัน

Tags: , , , , ,