งานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งล่าสุด ภาพยนตร์ที่เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมทั้ง 10 สาขา มี 3 เรื่องที่ไม่ได้เป็นภาพยนตร์อเมริกัน และ 2 ใน 3 เรื่องนั้นนำแสดงโดย ซันดรา ฮุลเลอร์ (Sandra Hüller) ได้แก่ Anatomy of a Fall (2023) หนังสัญชาติฝรั่งเศสโดย ฌูสตีน ทรีเยต์ (Justine Triet) และ The Zone of Interest (2023) หนังร่วมทุนสร้าง 3 สัญชาติ จากสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร และโปแลนด์ ของ โจนาธาน เกลเซอร์ (Jonathan Glazer) อีกทั้งยังมีหนังของเธออีก 1 เรื่องที่ออกฉายในปีเดียวกันคือ Sisi & Ich (2023)

การปรากฏตัวในหนังที่เข้าชิงรางวัลใหญ่กับบทที่หนักหน่วง อย่างเมียที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมผัว และนาซีหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างสำราญใจในบ้านที่อยู่ติดกับค่ายกักกัน ทำให้ฮุลเลอร์ถูกโลกฮอลลีวูดจับตามองอย่างชื่นชม โดยเธอเป็นนักแสดงชาวเยอรมันที่ใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นส่วนใหญ่ในโรงเรียนสอนการแสดง  

“ฉันไปๆ มาๆ ระหว่างการทำงานในโรงละครกับโรงเรียน และพอใจกับสิ่งนี้มากๆ แต่พูดจริงๆ นะ ฉันไม่เคยคิดหรอกว่าจะยึดการแสดงเป็นอาชีพอะไรได้” เธอว่า “ฉันมองมันเป็นงานอดิเรกเสียมากกว่า” กระนั้น เธอก็ประสบความสำเร็จจากการแสดง จนได้ขึ้นแสดงละครเวทีเมื่อปี 1996 ในเบอร์ลิน ซึ่งถึงตอนนั้น ฮุลเลอร์ก็เริ่มเห็นว่า เจ้าสิ่งที่เธอมองว่าเป็นแค่ ‘งานอดิเรก’ นี้ดูจะเป็นมากกว่านั้นเสียแล้ว เพราะนับจากนั้น เส้นทางชีวิตของเธอก็มุ่งตรงสู่ถนนสายการแสดงเรื่อยมา

“ฉันเป็นเด็กที่โตมากับการดูหนังทางโทรทัศน์น่ะ เพราะแถวบ้านไม่มีโรงละครใหญ่ๆ จะมีก็แค่โรงภาพยนตร์เล็กๆ เท่านั้น” เธอบอก “ฉันไม่เคยตั้งใจจะเป็นนักแสดงเลย แต่อาจารย์สอนการแสดงบอกฉันว่า การแสดงมันอาจดีต่อเธอก็ได้นะ ซึ่งฉันว่าก็ถูกแหละ เพราะฉันชอบเรื่องภาษา ชอบบทกวี เดาว่าอาจารย์คงรู้ว่าฉันชอบเรื่องถ้อยคำ แต่ยังไม่รู้ว่าจะหาที่ทางสื่อสารความชอบเหล่านี้ออกมาอย่างไรมั้ง”

ฮุลเลอร์เล่าว่า การเติบโตและเรียนรู้งานแสดงจากละครเวที ทำให้เธอเข้าใจเรื่องวินัยระดับถึงแก่น “อย่างการที่เราต้องรับผิดชอบต่อข้าวของของตัวเองให้ได้ ดูให้แน่ใจว่าเก็บเสื้อผ้าที่ใช้แสดงเรียบร้อยแล้ว เพราะเป็นวิธีการที่คุณใช้แสดงความเคารพต่อเพื่อนร่วมงานของคุณด้วย” เธอว่า “ฉันชอบงานแสดงละครเวทีนะ ชอบกระบวนการมันมากๆ การใช้เวลาร่วมกับผู้คนเดิมๆ หกถึงแปดสัปดาห์ คิดอะไรด้วยกัน พยายามด้วยกัน ล้มเหลวไปด้วยกัน ตลอดจนการเรียนรู้การใช้ร่างกายเพื่อการแสดง ฉันชอบสิ่งเหล่านี้มากๆ เลย”

ฮุลเลอร์เริ่มแสดงหนังสั้นเรื่องแรกๆ เมื่อปี 1999 ก่อนจะแสดงหนังยาวเรื่องแรกอย่าง Requiem (2006) ที่แจ้งเกิดเธอครั้งใหญ่ เมื่อหนังส่งเธอคว้ารางวัลนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังนานาชาติเบอร์ลิน กำกับโดย ฮันส์-คริสเตียน ชมิด (Hans-Christian Schmid) เล่าเรื่องของ มิเคลา คลิงเลอร์ (แสดงโดย ฮุลเลอร์) เด็กสาวที่ป่วยเป็นโรคลมชัก แต่ครอบครัวและสมาชิกในโบสถ์กลับเชื่อว่า เธอถูกซาตานสิงสู่

หนังถ่ายทำด้วยวิธีสุดเดือดดาลผ่านมุมกล้องกึ่งสารคดี ยิ่งขับให้การแสดงของฮุลเลอร์ดูน่าขนลุกขนชันยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่เธอต้องแบกรับภาระรับบทเป็นผู้ป่วยผ่านการแสดงออกทางร่างกายอันยอดเยี่ยม แต่เธอยังต้องฉายให้เห็นความวิตกกังวล ความเครียด ไปจนถึงความหวาดหวั่นสุดชีวิต เมื่อคนรอบตัวปฏิบัติต่อเธอราวกับเธอเป็นปีศาจ

เพื่อเตรียมตัวรับบทนี้ ฮุลเลอร์นั่งดูเทปบันทึกผู้ป่วยโรคลมชัก และอ่านหลักการกับความเชื่อของคริสเตียนนิกายคาทอลิกที่มีต่อเรื่องการถูกสิงหรือครอบงำโดยปีศาจ “ฉันคิดว่ายิ่งฉันเข้าใจการเคลื่อนไหวของเธอมากเท่าไร ฉันยิ่งแสดงได้ดีมากขึ้นเท่านั้น” ​ฮุลเลอร์ในวัย 28 ปีให้สัมภาษณ์ 

ทั้งนี้ การแสดงของฮุลเลอร์ใน Requiem ยอดเยี่ยมเสียจนนักวิจารณ์ยุโรปหลายแห่งเรียกเธอว่า เป็น อิซาแบลล์ อูแปร์ (Isabelle Huppert) นักแสดงมากฝีมือชาวฝรั่งเศส ในภาคเยอรมัน รวมทั้งเป็นหนังแจ้งเกิดฮุลเลอร์ในเวทีภาพยนตร์บ้านเกิดอย่างเป็นทางการด้วย

อีกเรื่องหนึ่งที่จะไม่กล่าวถึงเลยไม่ได้เป็นอันขาด หากพูดถึงการแสดงของฮุลเลอร์คือ Toni Erdmann (2016) หนังคอเมดีหัวจะปวดร่วมทุนสร้าง 6 สัญชาติ (เยอรมนี, ออสเตรีย, โมนาโก, โรมาเนีย, ฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์) กำกับโดย มาเรน อาเด (Maren Ade) ว่าด้วยความสัมพันธ์ของพ่อลูก วิลไฟร์ด (แสดงโดย เพเตอร์ ซีโมนิสเช็ค) คุณพ่อรู้สึกว่า อิเนส (แสดงโดย ฮุลเลอร์) ลูกสาวของเขาหมกมุ่นกับงานเกินไป จึงไปเยี่ยมเยือนเธอโดยไม่บอกล่วงหน้า

ปรากฏว่า อิเนสก็ยุ่งอยู่กับงานจนไม่มีเวลาต้อนรับดูแลเขาจริงๆ โทนีจึงพยายามแทรกแซงชีวิตส่วนตัวลูกจนโลกของอิเนสวุ่นวายไปหมด (จากที่ก็วุ่นวายอยู่แล้ว) รวมถึงการปรากฏตัวในฐานะ ‘โทนี เอิร์ดมันน์’ ชายประหลาดสุดเพี้ยนที่อิเนส (และคนดู) มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าคือพ่อของเธอ! (แถมฉากที่ฮุลเลอร์ร้องเพลง Greatest Love of All แบบสุดพลัง)

“ตอนฉันอ่านบทหนังครั้งแรกก็พบว่า มันช่างซับซ้อนเหลือเกิน จะเล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้เพราะยุ่งยากเกินไป ซึ่งอีกด้านมันก็ดีนะ” ฮุลเลอร์บอก “แรกๆ เราก็คุยกันว่าจะเล่าถึงหนังเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังอย่างไรดี จะบอกว่าเป็นหนังที่ ‘พ่อมาเยี่ยมลูกสาวในที่ทำงาน’ แต่มันก็ไม่ง่ายแบบนั้น และก็พูดไม่ถูกจริงๆ ว่าต้องเล่าออกมาแบบไหน”

อย่างไรก็ตาม ฮุลเลอร์เล่าว่าชีวิตส่วนตัวของเธอในตอนนั้นก็วุ่นวายไม่แพ้ของอิเนส “ฉันต้องแสดงละครเวทีและลูกก็เพิ่งสามขวบ” เธอว่า “ถือว่ายากมากทีเดียวค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่า เราหาทางถ่ายหนังเรื่องนี้กันอย่างไร แต่มันออกมาลงตัวเหลือเกิน เป็นสามเดือนของการทำงานที่ฉันมีความสุขมากๆ

“ทั้งนี้ ตัวละครอิเนสก็ไกลตัวฉันมากทีเดียว เราอาจจะทำให้ตัวเองชิดใกล้กับตัวละครมากขึ้นผ่านความรู้สึกต่างๆ ได้ แต่หลายครั้งที่อิเนสตัดสินใจในสิ่งที่ฉันคิดว่า ถ้าเป็นตัวเองคงไม่ทำแบบนั้น ฉันว่าฉันเป็นคนอ่อนไหวกว่าเธอนะ”

Toni Erdmann ส่งอาเดเข้าชิงปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ และเป็นตัวแทนเข้าชิงออสการ์สาขาหนังต่างประเทศยอดเยี่ยม ฮอลลีวูดมีแผนอยากรีเมกหนังเรื่องนี้โดยวางตัวให้ แจ็ก นิโคลสัน (Jack Nicholson) รับบทเป็นพ่อ หากแต่โปรเจกต์ก็ล้มพับไปไม่เป็นท่า เมื่อนิโคลสันบอกปัดบทนี้ ทั้งยังทำท่าจะสานต่อยาก เมื่อทั้งบทและนักแสดงรวมทั้งโปรดักชันยังไม่ลงตัว ทำให้โปรเจกต์ Toni Erdmann สาขาฮอลลีวูดจึงยังไม่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้

และปี 2023 ก็ถือเป็นอีกปีแห่งความบ้าพลังของฮุลเลอร์ เมื่อเธอปรากฏตัวใน Sisi & Ich (2023) หนังร่วมทุนสร้าง 3 สัญชาติ (เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย) ว่าด้วยเรื่องราวของจักรพรรดินีเอลิซาเบธแห่งออสเตรีย (แสดงโดย ซูซานเนอ วูล์ฟ) ผู้เลอโฉม กับความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับ เอียร์มา (แสดงโดย ฮุลเลอร์) ข้ารับใช้คนสนิท 

หนังพาคนดูสำรวจความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตั้งแต่ระดับการคัดเลือกคนสนิทแบบเหนื่อยยากสุดๆ เพราะเอียร์มาต้องทุ่มเทพิสูจน์ตัวเองด้วยการวิ่ง กระโดดข้ามรั้ว ไปจนถึงเดินขึ้นเขาแบบไม่ได้กินอาหารเช้า เพราะเอลิซาเบธหรือ ‘ซีซี’ ไม่โปรด ด้านหนึ่งก็สะท้อนเรื่องเล่าของพระองค์ที่ว่า รักสวยรักงามและกลัวน้ำหนักขึ้นสุดขีด ตลอดทั้งเรื่อง คนดูจึงแทบไม่ได้เห็นเอลิซาเบธและเอียร์มาตลอดจนข้ารับใช้คนอื่นๆ กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน 

อย่างไรก็ดี ลึกลงไปกว่านั้น หนังสำรวจความเป็นหญิงของเอลิซาเบธที่มักถูกมองข้ามเสมอมา (และมักจะถูกตีตราว่ามีเพียงรูปร่างหน้าตาของพระองค์เท่านั้นที่เป็นที่เลื่องลือ) เฟราก์ ฟินสเตอร์วัลเดอร์ (Frauke Finsterwalder) ผู้กำกับหนัง หยิบเอาบุคลิกดื้อดึง อ่อนนอกแข็งในของเอลิซาเบธเพื่อฉายให้เห็นความเป็นหญิงแกร่งของเธอ ที่จะยืนหยัดต่อความคิดตัวเองท่ามกลางกระแสธารแห่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจของเธอ คือการได้อยู่เคียงข้างกับเอียร์มา แม้ในช่วงนาทีสุดท้ายของชีวิตหลังถูกลอบปลงพระชนม์

Anatomy of a Fall (2023) หนังที่เดินหน้ากวาดรางวัลถล่มทลายแทบจะทุกเวทีที่ถูกเสนอชื่อ ทั้งรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ (แถมรางวัล ‘หมาปาล์ม’ หรือรางวัลสำหรับนักแสดงหมายอดเยี่ยมด้วย) ชิงรางวัลลูกโลกทองคำ 4 สาขาและคว้ากลับมาได้ 2 สาขา คือสาขาเขียนบทยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ (Non-English Language) ยอดเยี่ยม 

อีกทั้งล่าสุดที่เข้าชิงออสการ์ 5 สาขา รวมทั้งสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและนำหญิงยอดเยี่ยม (ฮุลเลอร์) และคว้าสาขาบทดั้งเดิมยอดเยี่ยมกลับมาครอง (เป็นเหตุให้ ฌูสตีน ทริเยต์ ผู้กำกับและเขียนบทร่วมขึ้นไปกล่าวสปีชแบบได้ใจคนแทบทั้งงานว่า “รางวัลนี้คงพาฉันข้ามพ้นวิกฤตวัยกลางคนไปได้นะคะ”)

หนังพูดถึง ซันดรา (แสดงโดย ฮุลเลอร์) นักเขียนหญิงชาวเยอรมันที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในอังกฤษ แต่ต้องย้ายมาอยู่ที่ฝรั่งเศสตามคำขอของ แซมวล (แสดงโดย แซมวล เธอิส) สามีซึ่งเป็นนักเขียนชาวฝรั่งเศส 

อยู่มาวันหนึ่ง เขากลับเสียชีวิตอยู่หน้าบ้านกลางหิมะ เป็นไปได้ว่าเขาอาจประสบอุบัติเหตุตกลงมาตายเอง หรือไม่ก็อาจถูกฆาตกรรม แน่นอนว่าผู้ต้องสงสัยหลักคือซันดราที่อ้างว่า นอนหลับอยู่ในบ้าน ส่วนพยานรู้เห็นอีกคนหนึ่งคือ แดเนียล (แสดงโดย ไมโล มาชาโด กราเนอร์) ลูกชายตาบอดที่ใช้ชีวิตอยู่กับ สนูป (แสดงโดย น้องหมาเมซซี เจ้าของมีมหมานั่งตบมือในงานออสการ์ที่ผ่านมา) ที่กลายเป็นอีกตัวละครสำคัญของเหตุการณ์นี้

แม้เรื่องราวส่วนใหญ่ของหนังจะเกิดขึ้นในชั้นศาล แต่บทสนทนาและการเชือดเฉือนระหว่างทนายทั้งสองฝั่ง ก็เดือดดาลจนคนดูนั่งแทบไม่ติด ยังไม่รวมการตัดสลับกลับไปยังเหตุการณ์จริงจากคำบอกเล่าของพยานแต่ละฝ่าย จนชวนให้สงสัยว่าใครกันแน่ที่พูดไม่จริง หรือเรื่องราวใดบ้างที่ถูกปิดบังไว้ภายใต้การตายอันเป็นปริศนานี้ แน่นอนว่าคนที่แบกหนังแทบทั้งเรื่อง คือฮุลเลอร์ที่ต้องพูดทั้งภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่ใช่ภาษาแม่ของเธอทั้งคู่เช่นเดียวกับตัวนักแสดง และยังต้องฉายให้เห็นความเหนื่อยล้า ความสับสนของการตกเป็นผู้ต้องสงสัย โดยที่ยังวางน้ำหนักไว้ได้พอดิบพอดีโดยไม่ให้เป็นการฟูมฟายหรือบอกคำตอบบางอย่างแก่คนดู

ฮุลเลอร์ถ่ายทำหนังเรื่องนี้หลังจาก Sisi & Ich ตัวเธอพูดภาษาฝรั่งเศสได้ กระนั้นเธอก็ยังต้องเรียนภาษาฝรั่งเศสเพิ่มก่อนการถ่ายทำ เนื่องจากตัวละครที่เธอรับบทใช้ภาษาฝรั่งเศสในชีวิตประจำวันเป็นหลัก “ฉันไม่เคยอ่านบทหนังแบบนี้มาก่อนเลย บทที่ว่าด้วยการแบ่งอำนาจของคู่ผัวเมียในยุคสมัยใหม่ และฉันก็อยากรู้ความจริงที่อยู่ในบทนี้ อยากให้ฌูสตีนเฉลยความลับ แต่เธอก็ไม่เคยบอกฉันหรอก 

“แต่เราก็พบกับข้อเท็จจริงที่ว่า นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญแม้แต่น้อย เรื่องสำคัญคือเรามองตัวละครอย่างไร เรามีเส้นแบ่งเรื่องศีลธรรมแบบไหน เรารับมือกับผู้หญิงที่ใช้ชีวิตโดยปราศจากความรู้สึกละอายใจได้หรือไม่ เรื่องสำคัญจึงไม่ใช่เรื่องที่ว่าเธอเป็นคนทำผิดจริงไหม แต่เป็นเรื่องที่ว่าเธอถูกปฏิบัติอย่างไรในชั้นศาลมากกว่า” ฮุลเลอร์กล่าว

ปิดท้ายด้วยหนังเดือดระอุแห่งปีอย่าง The Zone of Interest (2023) ที่ก็ไปเดือดในเวทีออสการ์ด้วย เมื่อหนังคว้ารางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม และเกลเซอร์สปีชประณามการกระทำของอิสราเอลที่ ‘ฉกฉวย’ นิยามของการเป็นยิวและการถูกโฮโลคอสต์ เพื่อนำไปใช้ในการยึดครองพื้นที่ 

หนังเล่าถึงครอบครัวของ รูดอล์ฟ เฮิสส์ ผู้บัญชาการนาซีที่ปลูกบ้านติดกับค่ายกักกันเอาชวิทซ์ หนังสำรวจชีวิตของรูดอล์ฟ (แสดงโดย คริสเตียน ฟรีเดล) นายทหารที่ง่วนอยู่กับการหา ‘ระบบ’ เพื่อรองรับการสังหารคนจำนวนมาก ขณะที่ เฮดวิก (แสดงโดย ฮุลเลอร์) เมียของเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังงามกับลูกๆ งานอดิเรกของเธอคือการปลูกดอกไม้ในสวนเล็กๆ หลังบ้าน ที่เงยหน้ามองขึ้นไปจะเห็นปล่องควันและบรรยากาศทึบทะมึนของค่ายมรณะ พร้อมกับเสียงปืนและเสียงกรีดร้องของผู้คนที่เหล่านาซีไม่เคยแยแส

แน่แท้ว่านี่เป็นหนังที่หนักหน่วงทั้งของเกลเซอร์เอง (ในฐานะที่เป็นชาวยิว) และเหล่านักแสดงเอง ตัวฟรีเดลลังเลที่จะต้องมารับบทนาซีซึ่งถือว่ามีชีวิตอยู่เป็นคนสุดท้ายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง (รูดอล์ฟ เฮิสส์ ถูกสั่งประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในปี 1947) กระนั้น ตัวหนังก็แน่ชัดว่าไม่ได้มีขึ้นมาเพื่อสร้างความเห็นอกเห็นใจผู้กระทำ หากแต่มีขึ้นเพื่อฉายให้เห็นความ ‘ไม่เป็นมนุษย์’ ของพวกเขา ผ่านภาษาภาพยนตร์อันแสนเหินห่างและเย็นชา ตลอดจนตัวบทที่ชวนให้ขยะแขยงต่อความเมินเฉยของพวกเขา 

“ระหว่างที่ถ่ายทำ The Zone of Interest ฉันไม่เคยรู้สึกว่า ตัวเองเข้าถึงตัวละครเลยนะ” ฮุลเลอร์ที่ลังเลจะต้องมารับบทนี้ในตอนแรกกล่าว “ที่ผ่านมาฉันมักเห็นอกเห็นใจตัวละครเสมอ อาจจะให้ความรักแก่ตัวละครบ้าง เสริมสร้างจินตนาการให้พวกเขาและให้ตัวเองด้วย แต่กับตัวละครเฮดวิก ฉันรู้สึกว่า ทุกสิ่งที่เป็นเธอมันผิดเพี้ยนไปเสียหมด ฉันจึงแค่จ้องมองตัวละครนี้และทำในสิ่งที่โจนาธานบอกให้ทำ

“และโจนาธานก็แค่อยากแสดงให้เห็นว่ามีคนตายอยู่ข้างรั้วบ้านของคนพวกนี้ และตายเพราะคนพวกนี้ด้วย เขาไม่ได้อยากเล่าความสามารถของใคร ไม่ได้อยากให้นักแสดงสงสัยว่าจะต้องฉายให้เห็นด้านดีงามแบบไหน” เธอบอก “พูดจริงๆ ฉันไม่มีทางรับแสดงหนังเรื่องนี้แน่ๆ ถ้ามันเล่าถึงชีวประวัติของตระกูลเฮิสส์ ฉันไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในหนังแบบนั้น”ทั้งนี้ เธอบอกว่าการที่ทั้ง Anatomy of a Fall และ The Zone of Interest ออกฉายในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้เธอพบว่า “สิ่งนี้ทำให้ฉันอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างจากงานของตัวเอง และได้รู้ด้วยว่าคนมองงานเหล่านี้อย่างไร เพราะฉะนั้น มันจึงถือเป็นเรื่องดี”

Tags: , , , , , , , , ,