Telegram คือแอพลิเคชันรับ–ส่งข้อความ ภาพ ไฟล์ การโทรด้วยเสียงและวิดีโอ ที่กลายเป็นทางเลือก แม้จะมีประชากรโลกใช้กันราว 400 ล้านคน ห่างไกลจากคู่แข่งอย่าง Whatsapp ซึ่งมีผู้ใช้จำนวน 2 พันล้านคนก็ตาม แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มันกลับกลายเป็นแอพฯ ที่มีจำนวนการโหลดติดอันดับท็อปเท็นของโลก
สิ่งที่ทำให้ Telegram กลายเป็นที่นิยมของนักแช็ต เพราะมันเปิดโอกาสให้ตั้งกลุ่มหรือช่องทางสื่อสารที่กว้างใหญ่ แบบที่ Whatsapp ไม่มี หรือ Facebook Messenger นั้นมีก็จำกัดจำนวนสมาชิกกลุ่มที่ 256 บัญชี แต่ Telegram ให้ได้สูงสุดถึง 200,000 บัญชี
และคุณสมบัติพิเศษและแตกต่างกว่าแอพฯ รับ–ส่งข้อความอื่นๆ คือ ความปลอดภัยในการใช้ Telegram โปรแกรมสามารถพรางตัวผู้ใช้จากการติดตาม ไม่เปิดเผย IP ระหว่างการใช้งาน และโปรแกรมของมันสามารถใช้งานร่วมกับ Cloud ในการจัดเก็บและแชร์ข้อมูลขนาดใหญ่ได้มากถึง 1.5 กิกาไบต์
สองพี่น้อง — พาเวล และนิโคไล ดูรอฟ (Pavel & Nikolai Durov) เป็นผู้ก่อตั้ง Telegram และเปิดใช้งานเมื่อปี 2013 ระหว่างที่นิโคไลผู้เป็นน้องชายคอยดูแลเทคนิคเบื้องหลัง ส่วนพาเวลพี่ชายนั้นเป็นหน้าตาของแอพฯ รวมทั้งเป็นผู้ลงทุน
นิตยสาร Forbes ของสหรัฐอเมริกาเคยรายงานว่า พาเวลน่าจะมีทรัพย์สินอยู่ราว 3.4 พันล้านดอลลาร์
…..
พาเวล ดูรอฟ เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 1984 ที่เลนินกราด ใช้ชีวิตวัยเด็กส่วนใหญ่ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี ที่ซึ่งพ่อของเขาทำอาชีพหมออยู่ที่นั่น หลังเรียนจบชั้นประถมศึกษา เขาเข้าเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัยในเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
ปี 2006 พาเวลกับน้องชายร่วมกันก่อตั้ง Vkontakte (in contact ปัจจุบันคือ vk.com) ที่พวกเขาโคลนนิงจาก Facebook จนเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นช่องทางการสื่อสารของบรรดานักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ทำให้เขาถูกจับตาจากฝ่ายความมั่นคง ในปี 2011 ถึงขนาดมีเจ้าหน้าที่รัฐเดินทางไปเยือนถึงบ้านของเขาในเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก หลังจากรัฐบาล–ภายหลังการเลือกตั้ง–เรียกร้องให้เขาลบบัญชีของฝ่ายตรงข้ามออกจาก Vkontakte และดูรอฟตอบปฏิเสธ
ด้วยบุคลิกส่วนตัวที่เป็นคนไม่ย่อท้อ มีความขบถ ชอบจัดฉาก มีความรอบรู้เรื่องการเมือง แต่มุ่งความสนใจไปที่การทำธุรกิจมากกว่า พาเวล ดูรอฟเคยบริจาคเงินจำนวนหนึ่งล้านดอลลาร์ให้กับเว็บไซต์ Wikipedia เคยตกเป็นข่าวฮือฮาเมื่อเขากับทีมงานช่วยกันพับเครื่องบินกระดาษด้วยธนบัตร 5,000 รูเบิล (หรือราว 1,550 บาท) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 58,000 บาท แล้วปาออกทางหน้าต่างสร้างความโกลาหลบนท้องถนน นอกจากนั้นเขายังตีพิมพ์แถลงการณ์ลงในนิตยสาร Afisha ของรัสเซีย เขียนถึง ‘บัญญัติ 10 ประการ’ ที่รัสเซียควรทำเพื่อการเป็นประเทศผู้นำของศตวรรษที่ 21 รวมถึงเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน (Edward Snowden) เชิญชวนให้สโนว์เดนไปทำงานกับเขา
ปี 2014 ดูรอฟผละออกจากบ้านเกิด เขาต้องถอนตัวจากตำแหน่งผู้อำนวยการของ Vkontakte ซึ่งเขาเชื่อว่าวลาดิเมียร์ ปูตินอยู่เบื้องหลังเรื่องดังกล่าว เหตุเพราะเขาปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการส่งข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลให้กับฝ่ายความมั่นคงของรัฐ
“ในขณะที่โซเชียลมีเดียในประเทศตะวันตกมีเสรีภาพ แต่ในรัสเซียกลับมีการเซ็นเซอร์ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปอินเทอร์เน็ตของรัสเซียก็จะตายอย่างช้าๆ” เขาเคยกล่าวถึงสื่อเสรีอย่าง Facebook
ดูรอฟขายหุ้น Vkontakte ไปในราคาที่ไม่เปิดเผย แต่หลายคนเชื่อว่าน่าจะเป็นจำนวนหลายล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นสองพี่น้องดูรอฟจำเป็นต้องลี้ภัย – ปัจจุบันพวกเขาอยู่ในดูไบ อันเป็นสถานที่พัฒนาแอพฯ Telegram ก่อนหน้านั้นเคยมีทีมงานของ Telegram กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ไม่ว่าเบอร์ลิน ลอนดอน หรือสิงคโปร์
…..
เรื่องราวชีวิตส่วนตัวของดูรอฟดูซับซ้อน ไม่แพ้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับ Telegram ช่วงหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลรัสเซียพยายามปิดกั้นและกดดันการเปิดบริการของแอพฯ นี้ แต่ตราบถึงทุกวันนี้ยังทำไม่สำเร็จ หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อปี 2017 ฝ่ายความมั่นคงติดต่อขอข้อมูลแช็ตส่วนตัวของผู้ใช้แอพฯ แต่ Telegram ไม่ยอมส่งให้ ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น
ต้นปี 2018 หน่วยงานสื่อของฝ่ายความมั่นคงยื่นเรื่องให้ศาลสั่งปิดแอพฯ Telegram ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและเอกชนเริ่มพัฒนาไปสู่เกมแมวล่าหนู และทุกครั้ง Telegram มักใช้เทคนิคหลอกล่อจนหลุดพ้นจากการปิดกั้น ความพยายามของฝ่ายความมั่นคงที่จะติดตามที่อยู่ IP ของผู้ใช้ไม่เคยประสบผลสำเร็จ กระทั่งเจ้าหน้าที่ต้องสั่งระงับการใช้แพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตต่างๆ ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในข่ายต้องสงสัยเป็นเวลานานนับเดือน แต่ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพปกติในเดือนมิถุนายน 2020 หลังจากอัยการสูงสุดได้ยกคำร้องของฝ่ายความมั่นคงตกไป นั่นเท่ากับว่า Telegram เป็นฝ่ายชนะ
นอกจากรัสเซียแล้ว Telegram ยังสร้างความเดือดดาลให้กับฝ่ายกุมอำนาจในประเทศอื่นด้วย เมื่อเดือนมิถุนายนปีกลาย พาเวล ดูรอฟเคยให้ข่าวว่าแอพฯ Telegram ถูกแฮ็กเกอร์โจมตี และเขาพบร่องรอยจากจีน การโจมตีครั้งนั้นเกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมประท้วงรัฐบาลในฮ่องกง ผู้ประท้วงใช้ Telegram ในการส่งข่าวการชุมนุม ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรหัสเข้าอาคารถึงกัน กลุ่มผู้ประท้วงชื่นชอบ Telegram เหตุเพราะผู้ใช้สามารถอำพรางหมายเลขโทรศัพท์มือถือของพวกเขาได้ ด้วยวิธีหลบเลี่ยงไปใช้บัญชีอวตาร
หรือแม้แต่ในการชุมนุมประท้วงครั้งล่าสุดในเบลารุส Telegram ก็มีบทบาทสำคัญ เมื่อต้นเดือนสิงหาคมรัฐบาลเบลารุส–ภายหลังการโกงเลือกตั้ง–พยายามสั่งปิดช่องทางอินเทอร์เน็ต เพื่อตัดช่องทางการรับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอกของประชาชน มีการสั่งปิดโซเชียลมีเดีย รวมทั้ง Telegram แต่ก่อนที่หน่วยงานรัฐจะเริ่มปฏิบัติการ Telegram ก็หาช่องทางใหม่ หลบหลีกการปิดกั้นจนสำเร็จ
“เราเปิดใช้เครื่องมือสกัดการเซ็นเซอร์ในเบลารุสได้สำเร็จ ทำให้ Telegram เข้าถึงผู้ใช้ส่วนใหญ่ได้” พาเวล ดูรอฟสื่อสารผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม Telegram ที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีใครในเบลารุสสนใจ กลับกลายเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารที่สำคัญขึ้นมาในทันที
แต่ถึงแม้โซเชียลมีเดียที่เขาเป็นคนก่อตั้งขึ้นมาจะประสบความสำเร็จ ท่ามกลางความปั่นป่วนของกระแสการเมืองโลก “แต่ดูรอฟไม่ใช่นักต่อสู้เพื่อเสรีภาพ” เพื่อนที่ร่วมงานกับเขามายาวนานเฉลย
“เขาเป็นนักธุรกิจที่เก่ง และเก่งในการพีอาร์ด้วย”
อ้างอิง:
https://www.capital.de/wirtschaft-politik/pawel-durow
Tags: Something Between, Telegram, people
