ผมได้ยินชื่อทางเดิน Dragon’s Back วันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ระหว่างที่มีคลาสเรียนวิชาหนึ่งว่าด้วย สื่อในฮ่องกง

ท่ามกลางการประท้วงอันร้อนระอุในปี 2017 ตอนนั้น อาจารย์ชาวออสเตรเลียของผมปลีกวิเวกด้วยการออกไป เดินป่า ก่อนที่คลาสเรียนจะเริ่ม ตอนนั้นพวกเราบินจากเมลเบิร์นมายังฮ่องกงในวันครบรอบ 20 ปี แห่งการเฉลิมฉลอง คืนเกาะจากอังกฤษให้กับเจ้าของใหม่คือ จีน’ 

ทว่า แทนที่อาจารย์จะใช้เวลาในการอยู่แถวพื้นที่รอบๆ อ่าววิกตอเรียเพื่อดูพลุเฉลิมฉลอง หรือย่ำเท้าหาของกินแปลกๆ อันเป็นแหล่งขึ้นชื่อของฮ่องกง อาจารย์กลับเลือกไปเดินป่าแทน พร้อมกับชวนให้ทุกคนออกไปเดินเพื่อสัมผัสอีกมุมมองของฮ่องกง สำทับด้วยคำที่บอกว่า นี่คือฮ่องกงในแบบที่ทุกคนไม่เคยเห็น

เรื่องผ่านไปนานหลายปี ผมไม่ได้ไปฮ่องกงอีกเลย ไม่ว่าจะในห้วงเวลาดุเดือดทางการเมือง ต่อด้วยการระบาดของโรคโควิด-19 นับจากนั้น ฮ่องกงถูกทุกคนวาดภาพใหม่ในฐานะว่านี่คือดินแดนหนึ่งของจีน หลายบริษัทย้ายสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคออกไป หลายคนย้ายประเทศไปที่อื่น หลังจีนไม่ได้สนใจใยดีคำว่า หนึ่งประเทศ สองระบบ พร้อมกับจับนักกิจกรรมจำนวนมากขังคุก ผมเกรงว่า เสน่ห์ของฮ่องกงในแบบที่เคยเห็นจะหายไปเสียแล้ว… บวกกับที่บางคนบอกว่าร้านอาหารดังๆ หลายร้านเริ่มทยอยปิดตัว แหล่งท่องเที่ยวบางแห่งกลายเป็นทำเพื่อ จีนแผ่นดินใหญ่โดยสมบูรณ์ แล้วชื่อของ Dragon’s Back ก็ค่อยๆ หายไป

อยู่ดีๆ ผมก็ได้ยินชื่อ Dragon’s Back Hike อีกครั้งในที่ประชุมบริษัท หลังจากฮ่องกงเริ่มเปิดให้เที่ยวอีกครั้ง พี่ป๊อป หัวหน้าผมบอกว่า ตอนแรกวางแผนจะไปเดินเที่ยว Dragon’s Back แต่โชคไม่ดีที่ฝนตกเสียก่อน คำโฆษณาจากพี่ป๊อปบอกว่า Dragon’s Back เป็นอีกจุดที่สามารถมองเห็น หมูป่าได้ในฮ่องกง แล้วก็เป็นอีกที่ที่น่าใช้เวลาว่างที่สุด

ปณิธานจากนี้ก็คือ โอเค ถ้าผมไปฮ่องกงอีกรอบ ต้องมี Dragon’s Back Hike เป็นที่เที่ยวหลักให้ได้ เดินป่าในฮ่องกงเป็นสิ่งหลักในทริปหน้า ส่วนเรื่อง กินที่เคยเป็นเรื่องหลัก จะกลายเป็นเรื่องรองในฉับพลัน..

ว่ากันด้วยข้อมูล Dragon’s Back Hike เป็นเส้นทางเดินที่ได้รับการจัดอันดับว่า ไม่ไกลจากเมืองที่ดีที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของฮ่องกง เมื่อปี 2019 ซีเอ็นเอ็นเคยจัดอันดับให้ Dragon’s Back ติดหนึ่งใน 23 ทางเดินเทรลที่ดีที่สุดในโลก

อันที่จริง Dragon’s Back คือหนึ่งในทางเดินเทรลขนาดยาวที่เรียกว่า Hong Kong Trail ทางเดินเทรลขนาดยาว 50 กิโลเมตร ที่รัฐบาลฮ่องกงเปิดเป็นทางการเมื่อปี 1985 มีจุดเริ่มต้นที่ Victoria Peak ผ่านป่า-ภูเขา-น้ำตก หลายแห่งในฝั่งฮ่องกง โดย Dragon’s Back เป็นจุดท้ายสุด เริ่มต้นจาก Shek O Road ก่อนไปจบที่ Big Wave Bay  มีระยะทางทั้งสิ้น 8.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินราว 4 ชั่วโมง เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการ

ขณะเดียวกัน เส้นทางนี้ยังว่ากันว่า เป็นเส้นทางที่เดินทางสะดวกที่สุด เพราะจากสถานีรถไฟใต้ดิน MTR Shau Kei Wan ก็สามารถต่อรถบัสสาย 9 ไปเริ่มเดินเทรลได้ทันที

อุปสรรคสำคัญของการเดินป่าฮ่องกงในช่วงเวลาปลายเดือนกันยายนที่ผมไปก็คือ เป็นช่วงเวลาแห่งความชื้นเหนียวเหนอะหนะ การแต่งตัวที่ทำได้จึงเป็นเสื้อยืด-กางเกงขาสั้น และภาวนาตลอดทริปให้โชคดีไม่เจอฝน (เพราะก่อนผมไปไม่กี่สัปดาห์เพิ่งเกิดเหตุฝนตกหนักอย่างไม่คาดคิดที่เกาะฮ่องกง เล่นเอาเกิดน้ำท่วมฉับพลันอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน) โชคดีที่รอบนี้อากาศเป็นใจ มีแต่เมฆครึ้มกับฝนกะปริบกะปรอย ทว่าอากาศอบอ้าวก็เล่นเราเสียเหนื่อยกว่าที่คิดเหมือนกัน…

ผมและคณะชาว The Momentum เริ่มต้นจากโรงแรมย่าน Yau Ma Tei ในห้วงเวลาเช้าตรู่ พร้อมกับเก็บขนมปังทาร์ตไข่ จากร้านขนมปังที่เปิดเช้าใกล้โรงแรมตุนใส่ท้องไว้ก่อน ถึงตรงนี้ หากตั้งใจออกไปเดินเช้ามากๆ ก็ดูรอบรถดีๆ เพราะรอบรถในฮ่องกงยิ่งเช้ามาก ยิ่งมีรถน้อยคัน

จากสถานี Shau Kei Wan เรานั่งรถบัสสองชั้นมาลงที่จุดเริ่มต้นเทรล ถึงจุดนี้จะมีห้องน้ำและถังขยะเป็นจุดสุดท้ายก่อนจะเริ่มเดินผจญภัย เพราะฉะนั้น อย่าลืมปลดตัวเองให้เบาที่สุดก่อนที่อีก 4-5 ชั่วโมงข้างหน้า จะแทบไม่มีถังห้องน้ำ หรือถังขยะอีกเลย

เมื่อแรกเดิน ผมเริ่มเซ็ตนาฬิกาให้เป็นโหมดเดินเทรล ทางขึ้นช่วงแรกเป็นบันไดชันๆ ที่จะพาเอา Heart Rate คุณพุ่งไม่หยุด และพาเอาท้อได้เช่นเดียวกัน จุดแรกของทางเดินเทรลจะพาเราขึ้นไปยังยอดเขา ยอดที่สูงที่สุดคือ Shek O Peak ยอดสูง 284 เมตร ที่มองเห็นฮ่องกงอีกมุมมองได้สุดลุกหูลุกตา

เล่าให้เห็นภาพ ถ้าคุณมองจาก Shek O Peak สิ่งที่คุณจะมองเห็นด้านขวาคือบรรดาทาวน์เฮาส์ติดทะเลของมหาเศรษฐี ที่บริเวณย่าน Red Hill อีกวิวที่คุณจะมองเห็นก็คือวิวของสนามกอล์ฟ ที่ชื่อว่า Shek O Golf & Country Club และหากมองไปไกลอีกนิด คุณจะเห็นหมู่เกาะน้อยใหญ่ในทะเลจีนใต้ที่ยังคงเป็นดินแดนของฮ่องกง เป็นต้นว่าเกาะลามมา (Lamma) รวมถึงหากมองเข้าไปอีกด้าน ก็จะเห็นบรรดาตึกระฟ้าฮ่องกงของย่าน Chai Wan ในวันที่อากาศดีๆ จะมีคนร่อนพาราไกลดิง (Paragliding) หรือร่มร่อนจากหน้าผาแถบนี้ เสริมเป็นวิวให้คุณถ่ายรูปได้เหมือนกัน

หลังจากจุดนี้ สิ่งที่คุณจะได้ผ่านก็คือไฮไลต์ของเทรล เป็นทางเดินที่อยู่ท่ามกลางภูเขาสองด้าน มองเห็นภาพทะเลภาพเมืองจนเต็มอิ่ม และจะเป็นจุดที่ลมปะทะหน้าคุณได้อย่างเต็มที่ อย่าลืมหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าเดินมาถึงจุดนี้แล้ว หรือเริ่มหยิบน้ำขวดขึ้นมาดื่มสักสองอึก

เมื่อถึงจุดนี้ จะเริ่มเป็นทางลาดลงให้เดินศึกษาป่าของฮ่องกงไปเรื่อยๆ ตลอดทางจะเห็นบรรดานักวิ่งเทรลที่วิ่งสวนขึ้นมา เพราะฝั่งขากลับจะเป็นฝั่งที่วิ่งชันกว่าฝั่งที่คนปกติทั่วไปแบบเราเดินขึ้น เดินไปอีกสักระยะ จะเป็นทางแยกที่เรียกว่า Pottinger Gap ให้นักเดินเทรลเลือกว่า จะกลับไปขึ้นรถเมล์สาย 9 เพื่อกลับไปขึ้น MTR กลับเข้าเมือง หรือจะเลือกไปต่อให้สุดทางบริเวณหาดที่ชื่อว่า Big Wave Bay

แน่นอนว่าเมื่อมาไกลถึงจุดนี้ เหงื่อเต็มหลังขนาดนี้ ก็ต้องไปต่อ…

Big Wave Bay เป็นหาดเล็กๆ ที่คนฮ่องกงนิยมมาเล่นเซิร์ฟกัน ทางเดินลงเขากลางป่าจะพาเราลงไปเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นทะเลสีคราม พร้อมกับหมู่บ้านเล็กๆ ที่ทุกหลังทาสีขาว

จุดสุดท้ายของ Big Wave Bay ชวนให้นั่งจิบเบียร์คราฟต์เย็นๆ ซึ่งแน่นอน เราเจอเบียร์ Big Wave และเบียร์ Dragon’s Back ขวดหนึ่ง แพงหน่อย แต่ก็เหมาะกับการถ่ายรูปทำคอนเทนต์ ดื่มฉลองที่สามารถจบเทรลนี้อย่างสมบูรณ์  

ทั้งหมดนี้ อาจมีข้อด้อยอยู่บ้าง ก็คือจุดจบของเทรลไม่ได้มีร้านค้าหรือร้านขายของกินที่ ราคาเป็นมิตรเหมือนกับใจกลางเกาะฮ่องกง หรือเกาะเกาลูน เพราะแน่ล่ะ คนที่มาเล่นเซิร์ฟที่นี่ต้องเป็นคน มีอันจะกินของฮ่องกงพอสมควร สิ่งที่เราพอทำได้ก็คือเร่งนั่งรถบัสกลับไปขึ้น MTR เพื่อกินข้าวหน้าหมูทอดที่ร้าน For Kee เป็นอันเติมแรงก่อนจะผจญภัยยังเกาะฮ่องกงต่อ

หลังจากผมลงรูปที่ Dragon’s Back มีคอมเมนต์อีกมากให้ชวนเดินเทรลอย่าง Sharp Peak (ระยะทาง15 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทั้งวัน) Lantau Peak เริ่มต้นจากหมู่บ้านนองปิงที่คนไทยชอบไปเที่ยว (ระยะทาง 6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดิน 4 ชั่วโมง) อีกทั้งยังมีเทรลอีกมากให้ค้นหา ไม่ว่าจะเป็นฝั่งฮ่องกง ฝั่งเกาลูน หรือฝั่ง New Territories

การเดินเทรลในฮ่องกงเป็นการเปิดมิติใหม่ ฮ่องกงไม่ได้มีแค่เนินเขา ซอยแคบ งานศิลปะ หรือการเดินหาของกินอร่อยๆ อย่างเดียว แต่ยังมีการพาตัวเองไปผจญภัยเพื่อหาวิวสวยๆ ในโอกาสที่ยังพอมีเวลา และพอมีแรงเดิน

ถ้ามีโอกาสมาฮ่องกง แล้วสนใจการเดินเทรล อย่าลืมเผื่อเวลาสักครึ่งวันเช้า ไปเริ่มต้นกับทางเดินอย่าง Dragon’s Back กันนะครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Tags: , ,