ความปรารถนาของเธอคือตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา อย่างที่กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) เคยประกาศไว้เมื่อเดือนมกราคมปี 2019 ต่อหน้าสมาชิกพรรคเดโมแครตราว 20,000 คนที่เมืองโอคแลนด์ เมื่อครั้งเปิดตัวเป็นผู้สมัครลงแข่งขันการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดี มีใครหลายคนเรียกขานเธอว่าเป็นบารัก โอบามา เพศหญิงเกือบยี่สิบเดือนต่อมาเธอสามารถฟันฝ่ามาได้เกือบถึงจุดหมายที่ฝัน มายืนเคียงข้างโจ ไบเดน ในฐานะรองประธานาธิบดี

นั่นคือตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงสุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่สามารถพลิกประวัติศาสตร์ 244 ปีของการเมืองอเมริกัน ผู้หญิงสามคนแรกเคยมีชื่อเข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ได้แก่ โทนี นาธาน (Tonie Nathan) จากพรรคลิเบอแทเรียน เมื่อปี 1972 เจอรัลดีน เฟอร์ราโร (Geraldine Ferraro) จากพรรคเดโมแครต เมื่อปี 1984 และซาราห์ พาลิน (Sarah Palin) จากพรรครีพับลิกัน เมื่อปี 2008 แต่ทั้งสามคนทำไม่สำเร็จ รวมถึงฮิลลารี คลินตัน (Hillary Clinton) ที่เคยลงสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกเมื่อสี่ปีก่อน

และพรรคเดโมแครต มีส่วนทำให้แฮร์ริสได้รับโอกาสเข้าสู่วุฒิสภา เมื่อสี่ปีที่แล้ว

แฮร์ริสนักกฎหมายวัย 56 ปีมีความสนใจใฝ่รู้รอบด้าน มีความหลักแหลม แต่ก็อ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจผู้คน เธอร่าเริง ตลก อ่อนไหว มีจินตนาการ และมักกระตือรือร้นกับการทดลองทำอาหารเป็นงานอดิเรก ส่วนรสนิยมด้านดนตรีนั้น เธอชอบฟังเพลงแนวฮิปฮอป และแร็ป

สามีชาวนิวยอร์กของเธอดักลาส เอ็มโฮฟฟ์ (Douglas Emhoff) ทนายความวัย 56 ปีนั้น มีคำอธิบายสั้นๆ ว่าเธอเป็นเสมือนยาถอนพิษสำหรับผู้ชายเป็นพิษอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ เขาเป็นคนตลก น่ารัก อดกลั้น และชื่นชอบอาหารจากรสมือของภรรยา ทั้งสองรู้จักกันจากการนัดบอดที่เพื่อนสนิทจัดให้ หลังจากนั้นก็คบหาและแต่งงานกันเมื่อปี 2014 โดยที่เอ็มโฮฟฟ์มีลูกที่โตแล้วติดมาด้วยสองคน

กมลา แฮร์ริส เกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1964 ในแคลิฟอร์เนีย เป็นบุตรสาวของศาสตราจารย์ด้านเศรษฐกิจเชื้อสายจาไมกาโดนัลด์ แฮร์ริส (Donald Harris) และนักวิจัยด้านมะเร็งเต้านมชยามาลา โกพาลาน (Shyamala Gopalan) ผู้เป็นแม่มีเชื้อสายทมิฬจากเมืองมาดราสของอินเดีย อพยพมาอยู่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 1960 ทุกวันนี้พ่อวัย 82 ปีกลายเป็นศาสตราจารย์ผิวดำคนแรกของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

ในวัยเด็ก กมลา แฮร์ริสเติบโตที่เบิร์กลีย์ในบริเวณอ่าวซาน ฟรานซิสโก หลังจากที่พ่อแม่หย่าร้างกันในปี 1971 เธอต้องโยกย้ายตามแม่และน้องสาวมายา (Maya) ไปอยู่ที่มอนทรีอัล แคนาดา 

กมลามีความยืดหยุ่นในเรื่องความเชื่อทางศาสนา แม้เธอจะสืบทอดนิกายแบปทิสต์ แต่ก็ถือปฏิบัติในศาสนาฮินดูตามผู้เป็นแม่ที่เสียชีวิตไปในปี 1998 ในโลกส่วนตัวเธอใฝ่ฝันอยากเป็นแม่ครัว และมักคิดค้นเมนูแปลกใหม่อยู่เรื่อยๆ

สำหรับเธอ การทำอาหารสำหรับเธอแล้วเป็นการรับมือกับความเครียด เธอชอบเดินตลาด อ่านตำราทำอาหาร ทำอาหารให้คนใกล้ตัวได้ลิ้มลอง และเธอโชคดี ที่คนใกล้ตัวชอบอาหารที่เธอทำ

ใครที่ติดตามเธอทางโซเชียลมีเดียจะรู้ว่า นอกจากเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองแล้ว แฮร์ริสยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเมนูอาหาร รวมถึงคำแนะนำต่างๆด้วย

…..

เส้นทางอาชีพของเธอมักเต็มไปด้วยการก้าวกระโดด หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโฮเวิร์ด มหาวิทยาลัยชื่อดังของคนผิวสีในวอชิงตัน ปี 1990 เธอก็ได้รับใบประกอบวิชาชีพทนายความ ช่วงเวลานั้นเธอมีสัมพันธ์รักอยู่กับนักการเมืองพรรคเดโมแครตวิลลี บราวน์ (Willie Brown) เดือนพฤศจิกายน 2010 เธอเป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นอัยการสูงสุดของซาน ฟรานซิสโก 

แฮร์ริสคอยให้คำปรึกษาด้านกฎหมายให้กับคณะรัฐบาลในซาคราเมนโต เนื่องจากเธอต่อต้านโทษประหาร ต้องการให้กฎหมายเข้มงวดเรื่องอาวุธปืน และเรียกร้องสิทธิความเสมอภาคของคู่สมรสเพศเดียวกัน เธอจึงจัดอยู่ในแนวร่วมฝ่ายซ้าย (เสรีนิยม) แต่ความจริงแล้วเธอไม่ใช่คนดุดัน และค่อนข้างยืดหยุ่น

เจ็ดปีต่อมาเธอได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรียุติธรรมหญิงคนแรกของรัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างนั้นแฮร์ริสได้รู้จักกับโจ ไบเดน เนื่องจากเธอต้องทำงานใกล้ชิดกับโบลูกชายที่เสียชีวิตไปแล้วของไบเดน คำถามที่เฉียบคมของเธอเกี่ยวกับหน่วยสืบราชการลับ ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เงินงบประมาณ และความยุติธรรมทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

ต้นปี 2019 แฮร์ริสลาออกจากตำแหน่งเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งที่มีเส้นชัยอยู่ที่ทำเนียบขาว เธอสอบผ่านทุกการดีเบตทางทีวี แต่มาหยุดชะงักในการเลือกตั้งรอบแรกเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2019 เนื่องจากการสำรวจไม่ประสบผลสำเร็จอย่างต่อเนื่องและขาดเงินสนับสนุนแคมเปญของเธอ จนกระทั่งโจ ไบเดนยื่นข้อเสนอให้เธอเป็น ‘Running Mate’ ของเขา

ระหว่างการหาเสียง แฮร์ริสมักถูกนักการเมืองพรรครีพับลิกันโจมตีว่าเธอเป็นสังคมนิยมฝ่ายซ้าย ที่คอยเป็นหุ่นให้โจ ไบเดนเชิด ข้อกล่าวหาเหล่านั้นดูเหมือนจะมีประเด็นให้ใครๆ ขบคิดต่อได้ว่า จริงๆ แล้วแฮร์ริสอยู่ขั้วไหน รวมถึงคำถามว่าเธอจะทำหน้าที่รองประธานาธิบดีได้ราบรื่นไหม และเพราะวัยของไบเดนที่ชราภาพ เป็นคำถามต่อมาว่าบทบาทผู้นำรัฐบาลจะตกทอดมาถึงแฮร์ริสหรือไม่

นอกจากนั้นการเข้าทำเนียบขาวของเธอยังมีคำถามอื่นๆ อีกตามมา เช่นว่า ดักลาส เอ็มโฮฟฟ์สามีของเธอจะถูกเรียกว่าสุภาพบุรุษหมายเลขสองตามสถานะสุภาพสตรีหมายเลขสองของเธอ หรือจะเป็นสุภาพบุรุษหมายเลขหนึ่งเพราะมันยังว่างอยู่

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2021 เป็นต้นไป หน้าประวัติศาสตร์จะบันทึกว่ามี ‘Madame Vice President’ ครั้งแรกของสหรัฐอเมริกา

อ้างอิง:      

https://www.nzz.ch/international/kamala-harris-schreibt-geschichte-als-erste-vizepraesidentin-ld.1584984

https://kurier.at/politik/ausland/die-erste-vizepraesidentin-heisst-kamala-harris/401090205

https://www.fr.de/politik/usa-wahl-2020-kamala-harris-vizepraesidentin-usa-joe-biden-geschichte-90093447.html

Tags: